ดวงใจภวินท์ - บทที่ 730 เอาอะไรมาสู้กับฉัน
บทที่ 730 เอาอะไรมาสู้กับฉัน
สิงโตมองมาที่เธอด้วยรอยยิ้มร้าย ย้อนถามอย่างดูแคลนว่า “มันเกี่ยวอะไรกับที่ฉันทำร้ายเธอ ตราบใดที่เธอยังมีลมหายใจอยู่ ต่อให้เธออยู่ในสภาพสาหัสแค่ไหนภวินท์ก็ยินดีทุ่มเทเพื่อช่วยชีวิตเธอทั้งนั้นแหละ”
พูดจบ เขาก็ออกคำสั่งทางสายตากับลูกน้อง “มัวยืนบื้ออะไรอยู่ ลงมือสิ!”
ลูกน้องไม่รอช้า ก้าวยาวๆมาอยู่ตรงหน้าญาธิดา แล้วปล่อยหมัดใส่ท้องเธออย่างรวดเร็ว
เธอเจ็บจนต้องส่งเสียงอื้ออึงออกมา ฟันคมขบกัดริมฝีปากแน่น ร่างกายหดงออย่างช่วยไม่ได้ ในจังหวะนี้ข้อศอกของชายหนุ่มก็แทงลงมาที่กระดูกสันหลังของเธออย่างจัง
เธอเจ็บราวกับร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไม่สามารถฝืนร่างกายได้อีกต่อไป เซถอยหลังสองก้าวแล้วทรุดลงกับพื้น
เห็นอย่างนี้ลูกน้องมือพิฆาตคนนั้นก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด เขาใช้ขาข้างหนึ่งเหยียบตัวของเธอไว้ เหยียบเธอให้แนบกับพื้นเย็นๆอย่างเอาเป็นเอาตาย
“อย่านะ พวกคุณจะทำอะไร!” ในที่สุดเสียงของเธอก็เผยแววสั่นระริกออกมา มองมาที่สิงโตด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวพร้อมตะคอกออกมาเสียงดัง “ไอ้โรคจิต ปล่อยฉันนะ!”
นัยน์ตาของสิงโตทอแววสนุกมากกว่าเดิม เขาหมุนคีมเหล็กแหลมคมในมือเล่น แค่นรอยยิ้มเยาะออกมา “ทำไม เพิ่งมากลัวเอาตอนนี้เหรอ เมื่อกี้ยังทำเป็นนิ่งอยู่เลยไม่ใช่หรือไง?”
“สิงโต อวดดีไปเถอะ วินไม่ทางปล่อยนายไปแน่ ฉันเองก็เหมือนกัน!” แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยกลัวขนาดนี้มาก่อน ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยแววแดงฉาน เค้นเสียงตะโกนออกมาจนหมดแรง
“ตอนนี้ฉันต่างหากที่ต้องเป็นคนพูดว่าจะไม่ปล่อยเธอไป นังโง่”
สิงโตยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ชยินที่อยู่ข้างๆกลับมีแววตารำคาญ “รีบลงมือได้แล้ว ฉันไม่มีเวลามาฟังนายพูดอะไรไร้สาระหรอกนะ”
สิงโตเหลือบมองเขาอย่างไม่พอใจ ดวงตาปรากฏแววกรุ่นโกรธเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าโมโหใส่เขาอยู่ดี
ญาธิดาสังเกตเห็นอาการโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้ของสิงโตอย่างตาไว จึงเข้าใจในทันทีว่าทั้งสองคนต้องขัดแย้งอะไรกันแน่ๆ “ฉันก็นึกว่านายนจะเก่งกาจกลับมามีอำนาจเหมือนเดิม ที่ไหนได้ก็แค่หมารับใช้ตัวหนึ่ง”
สิงโตได้ยินแบบนั้น ความโกรธที่แสดงออกทางสีหน้าก็ยิ่งชัดเจน แววความเกลียดชังที่ไม่อาจสังเกตได้ง่ายๆพาดผ่านนัยน์ตา
และรายละเอียดจุดนี้ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของเธอได้ เธอจึงส่งเสียงหึออกมาอย่างดูแคลน เอ่ยพูดต่อขึ้นมาว่า “คุณติดคุกได้ไม่กี่เดือน แต่ความน่าเกรงขามถูกทำลายจนไม่มีเหลือ ถึงขั้นยอมเชื่อฟังคนอื่นเหมือนหมาเชื่องๆ”
“หุบปาก คนชั้นต่ำอย่างเธอจะไปรู้อะไร!” สิงโตดีดตัวผึงขึ้นมาพร้อมตะคอกเสียงดัง ขว้างคีมเหล็กแหลมคมที่ถืออยู่ในมือลงบนพื้นตรงหน้าเธอ “วันนี้ฉันจะทำให้เธอได้รู้ว่าจุดจบของการกล้ามาลองดีกับฉันเป็นยังไง”
ผู้ชายที่อยู่ข้างๆก้มลงไปหยิบคีมเหล็กขึ้นมา ถือเข้าไปใกล้ปลายนิ้วของเธอช้าๆ คมมีดสีเงินสะท้อนภายใต้แสงไฟเป็นประกายวาบ
เธอพยายามดึงมือออกมาจากการจับกุมของอีกฝ่ายอย่างสุดกำลัง แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนก็มีแต่เสียแรงเปล่า
เมื่อความรู้สึกเย็นวาบสัมผัสที่ปลายนิ้ว เธอจึงเค้นเสียงตะคอกใส่สิงโตอย่างเอาเป็นเอาตาย “นายมันก็แค่ไอ้ขี้แพ้ที่เป็นรองภวินท์มาตลอดชีวิต เก่งแต่กับผู้หญิงและเด็ก!”
ความเกลียดชังบนใบหน้าของสิงโตทอแววชัดเจนมากกว่าเดิม สีหน้าดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ หันไปตะคอกลูกน้องว่า “ยังไม่ลงมืออีก! ฉันต้องได้เห็นนังนี้กับภวินท์คุกเข่าขอร้องฉัน!”
เมื่อเขาเปล่งเสียงออกมา คีมเหล็กก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หนีบอยู่ตรงเล็บสีขาวสะอาดของเธออย่างแนบแน่น หากอีกฝ่ายออกแรงแม้แต่นิดเดียว เล็บของเธอก็จะหลุดออกไปทั้งนิ้ว
เธอไม่สามารถถ่วงเวลาได้อีกต่อไป เธอทำเต็มที่แล้วจริงๆ…..
ญาธิดาหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง ฟันคมกัดริมฝีปากเอาไว้แน่น จนมีเลือดซิบออกมาอย่างน่าบาดตา
เธอไม่มีทางก้มหัวให้สิงโตเด็ดขาด ในเมื่อเขาอยากใช้สภาพจนตรอกของเธอมาเติมเต็มความรู้สึกโรคจิตของตัวเอง เธอก็จะไม่มีทางยอมให้เขาได้ดั่งใจ
คีมเหล็กค่อยๆหนีบลงมา เธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเปียกแฉะจากของเหลวบริเวณปลายนิ้ว ทั้งยังรู้สึกได้ถึงความวูบโหวงที่กำลังหลุดออกไป
หัวใจเจ็บปวดราวกับมีหนามทิ่มแทง นิ้วทั้งสิบเจ็บจนทำให้ร่างกายของเธอสั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุมได้ แต่กระนั้นก็ยังฝืนกลั้นเสียงเอาไว้ไม่ร้องออกไปสักแอะ
ปัง——
เสียงบางอย่างดังขึ้นมาท่ามกลางห้องโถงกว้างใหญ่ คนข้างกายญาธิดาพลันทรุดลงกับพื้นอย่างไม่คาดคิด คีมเหล็กหล่นลงบนพื้นหลังจากเสียงนั้นดังขึ้นมา เธอลืมตาพรวด หันไปมองที่มาของเสียงอย่างประหลาดใจ
ภวินท์ในชุดสีดำปรากฏตัวตรงหน้าประตูทางเข้า โครงหน้าที่แยกองค์ประกอบชัดเจนเต็มไปด้วยความเยือกเย็นดุดัน ราวกับซาตานที่มาปรากฏตัวบนโลกมนุษย์ ก้าวย่ำเข้ามาในห้องโถงอย่างมั่นคง
สิงโตชะงักนิ่ง จากนั้นก็หรี่ตาทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยประกายอันตรายลง “คิดไม่ถึงเลยว่านายจะรู้ตัวเร็วขนาดนี้ ฉันยังไม่หมดสนุกเลย”
พูดจบ เขาก็พยักพเยิดไปทางญาธิดา
เมื่อภวินท์ปรายตามองญาธิดา ดวงตาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม “ฝีมือของนายไม่ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆด้วย”
การตอบกลับของเขากลับทำให้สิงโตแปลกประหลาดใจ สิงโตจึงเลิกคิ้วขึ้นอย่างลำพองใจ “ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะยังไม่มีอิทธิพลพอทำให้นายหลุดการควบคุมสินะ แบบนั้นก็ยิ่งสนุกน่ะสิ”
ภวินท์ไม่ตอบกลับคำพูดของเขา กำปั้นทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น แววกระหายเลือดเข้มข้นในดวงตาทอประกายออกมาอย่างปิดไม่มิด จดจ้องใบหน้าร้ายกาจของสิงโตเขม็ง
“ทำไมมองหน้าฉันอย่างนั้นล่ะ ตอนแรกยังกระปรี้ปกระเปร่าอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?” น้ำเสียงของสิงโตมีแต่ความอวดดี “ฉันเกือบลืมไปแหนะ นายเองก็เคยมีช่วงเวลาเหมือนหมาจนตรอก ขาของนายที่ฉันหักเองกับมือ ตอนนี้หายดีแล้วเหรอ?”
ขณะที่พูดเขาก็ค่อยๆลุกขึ้น จับไม้เท้าที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมา ก้าวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าญาธิดาช้าๆ ยกเท้าที่สวมใส่รองเท้าหนังมันวาวเหยียบลงบนหลังของญาธิดาอย่างแรง
“นายว่า ถ้าฉันหักขาเธอด้วยอีกคน เธอจะยังกลับมายืนได้เหมือนนายหรือเปล่า?” เขาพูดพลางหัวเราะออกมาเสียงดัง
ในดวงตาคมดุจเหยี่ยวของภวินท์มองเขาไม่ต่างอะไรกับคางคกขึ้นวอ จากนั้นก็เอ่ยพูดขึ้นมาเสียงแข็งกร้าวว่า “มันก็ขึ้นอยู่กับว่านายจะเก่งพอหรือเปล่า”
“อะไร?!” สิงโตพลันสะดุ้ง มองภวินท์ที่วาบมาอยู่ตรงหน้าราวกับหายตัวได้ จากนั้นก็รู้สึกว่าช่วงลำคอรัดตรึง อากาศรอบด้านเริ่มขาดห้วง
เขารีบสะบัดไม้เท้าในมือฟาดภวินท์ ซึ่งเมื่ออีกฝ่ายหันหลบก็เหวี่ยงทั้งสองคนให้กระแทกกับกำแพงอย่างพร้อมเพรียง
สิงโตติดคุกเป็นเวลานาน ความเร็วและการตอบสนองของร่างกายจึงไม่สู้ภวินท์ แม้ว่าเขาจะมีอาวุธอยู่ในมือ แต่ก็ยังเป็นฝ่ายตกอยู่ในอันตรายเหมือนเดิม เพราะถูกภวินท์กักกันไว้กับกำแพงแน่น
“พวกสวะ มองอะไรวะ เข้ามาช่วยฉันสิ” เขาเค้นเสียงออกมาจากไรฟัน
ลูกน้องที่อยู่รอบๆจึงไม่สนใจเหล่าคนใช้อีกต่อไป ยกพวกเข้าจู่โจมภวินท์ ในห้องโถงพลันมีเสียงของแตกโพล้งเพล้งกระจัดกระจาย
ภวินท์ไหวตัวเร็ว หันหลบการโจมตีของคนเหล่านั้นได้อย่างว่องไว พร้อมออกหมัดหนักๆใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรง
เขาได้รับการฝึกอย่างเข้มงวดตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ คนเหล่านี้จึงไม่ใช่คู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อของเขา ไม่นานพวกเขาก็ถูกภวินท์จัดการจนหมอบลงกับพื้น ไม่มีช่องทางได้สวนกลับเลย
ชยินมองกลุ่มคนไร้ประโยชน์ด้วยสายตาเยือกเย็น ความรำคาญในดวงตาทอแววชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขาอาศัยจังหวะชุลมุนจับล็อกญาธิดาไว้กับตัว พร้อมควักมัดสั่งทำพิเศษออกมาจี้ที่คอของเธอ ส่งเสียงดังว่า “ภวินท์ นายจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน!”