ดวงใจภวินท์ - บทที่ 734 จดหมายสีแดง
บทที่ 734 จดหมายสีแดง
ญาธิดาจับมือหนาของภวินท์เอาไว้แน่น หลังจากเดินออกมาจากที่นั่นเธอถึงได้กล้าถอนหายใจออกมาหนักๆ
“คุณต้องเข้าใจ เมื่อไหร่ก็ตามที่เข้ามาในองค์กร คนที่คุณต้องเจอมีร้ายกาจกว่าชยินกับสิงโตอีก” เขาเอ่ยพูดอย่างเรียบนิ่ง
ญาธิดาไม่ตอบกลับคำพูดเขา แต่เลือกที่จะกระชับมือของเขาให้แน่นขึ้น จากนั้นก็หันไปมองพายุ “ไปที่ozoneกันเถอะ “
ระหว่างทางบรรยากาศภายในรถอึมครึมผิดปกติ ทั้งสองคนต่างคิดอะไรอยู่ในใจแต่กลับไม่เปิดปากคุยกัน จนกระทั่งรถมาจอดที่หน้าประตูozone ทั้งสองคนถึงได้จูงมือกันเดินเข้าไปในห้องโถง
จรณ์กำลังลิ้มลองรสชาติชาหอมๆ ดูท่าจะอารมณ์ดีไม่หยอก เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา ปลายนิ้วของเขาก็แตะลงที่โต๊ะชาเบาๆ บ่งบอกให้พวกเขาเข้ามานั่ง
บนโต๊ะไม้เนื้อสลักชั้นดีที่สั่งทำโดยเฉพาะมีถ้วยชาสีเขียวคราม ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่วอากาศ ซึ่งชากำลังร้อนได้ที่
สายตาของภวินท์ลึกล้ำสุดจะหยั่ง เอ่ยถามเสียงเย็นชาว่า “รอพวกฉันนานแล้ว?”
“นี่เป็นชาชั้นดีที่เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของฉันส่งมาให้เลยนะ มีราคาแถมหาซื้อยาก กำลังร้อนได้ที่เลย” ในสายตาของจรณ์มีแต่น้ำชาใสๆ ยื่นมือดันถ้วยชาไปข้างหน้า เหมือนตอบกลับคำถามของเขา ละเหมือนกำลังคุยกับตัวเอง
ญาธิดากับภวินท์มองตากัน จากนั้นก็นั่งลงบนพรมตรงข้ามเขาอย่างพร้อมเพรียง เอ่ยพูดตรงประเด็นว่า “คุณจรณ์คิดยังไงที่ภารกิจในครั้งนี้สำเร็จ?”
“เหมือนได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่” จรณ์จิบชาเบาๆ แล้วเอ่ยพูดอย่างเฉยชา “เบื้องบนชื่นชมความกล้าหาญของคุณ แถมยังเตรียมรางวัลชิ้นใหญ่ไว้ให้คุณด้วย”
ญาธิดาได้ยินแบบนั้น ความประหม่าบนหน้าก็ค่อยๆหดหายไป แต่ไอเยือกเย็นที่แผ่ซ่านบริเวณรอบตัวของภวินท์กลับเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนั้นเขาได้ “กระดุม” ก่อน ถึงจะสามารถเข้ามาอยู่ในองค์กรได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งการที่จรณ์พูดออกมาแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับการยื่นโอกาสให้ธิดา
ญาธิดาได้ยินแบบนั้น ความประหม่าบนหน้าก็ค่อยๆหดหายไป แต่ไอเยือกเย็นที่แผ่ซ่านบริเวณรอบตัวของภวินท์กลับเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
“คุณจรณ์ ฉันอยากอยู่ที่ozoneกับพวกคุณ” เมื่อได้รับการตอบรับจากจรณ์ ญาธิดาก็ไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป พูดเข้าประเด็นทันที “ถ้าจะพูดให้ถูก น่าจะเป็นอยากร่วมทุกข์ร่วมสุขกับภวินท์มากกว่า”
จรณ์ที่กำลังยกถ้วยชาพลันหยุดชะงัก มองมาที่เธอด้วยสายตารู้ทันและเจ้าเล่ห์อย่างปิดไม่มิด “เวลาพวกเราปฏิบัติภารกิจ ห้ามนำความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาปนกับงาน อีกอย่างozoneไม่ใช่สถานที่ที่คุณคิดจะมาอยู่ก็สามารถอยู่ได้ คุณสมบัติของคุณ…..ยังไม่ถึงเกณฑ์นะ”
นิ้วทั้งสิบของญาธิดาหดเข้าหากัน สายตาจดจ้องมาที่เขาอย่างแน่วแน่ “ฉันสามารถเริ่มเรียนตั้งแต่ต้นได้ ถ้าเกิดฉันเห็นแก่ตัวขณะปฏิบัติภารกิจ คุณสามารถปลดฉันออกได้ตลอดเวลา”
จรณ์พยักหน้าออกมาอย่างพึงพอใจ แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจแล้วเอ่ยถามว่า “วินล่ะ?”
ประกายเยือกเย็นในดวงตาของภวินท์ยังไม่จางหายไปไหน แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของญาธิดาตอนอยู่ที่โรงพยาบาล เขาก็เอ่ยพูดเสียงหนักแน่นว่า “ฉันเคารพการตัดสินใจของธิดา”
เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนี้ มุมปากของจรณ์ก็กระตุกเป็นมุมโค้งเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบซองจดหมายจากตู้หนังสือข้างหลังออกมาสองซอง เป็นซองจดหมายที่มีสีแดงเข้มให้ความรู้สึกหนักแน่น
เขายื่นซองหนึ่งให้ญาธิดา อีกซองหนึ่งวางลงบนโต๊ะ จากนั้นก็นำอุปกรณ์ชงชาใหม่เอี่ยมออกมา แล้วค่อยๆชงชาช้าๆ
“นานๆทีozoneจะมีช่วงเวลาที่ครึกครื้นแบบนี้”
ญาธิดาได้ยินที่เขาพึมพำขึ้นมาคนเดียว เธอนิ่งไปเล็กน้อย ในใจอดสงสัยไม่ได้ ว่ากำลังจะมีแขกคนอื่นมาที่นี่หรือเปล่า?
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ดื่มชาที่วางอยู่ข้างๆจนหมด บริเวณหน้าประตูก็มีเสียงเถียงกันของคนสองคนดังขึ้นมา แถมยังใกล้เข้ามาเรื่อยๆอีกด้วย
“หลุยส์ ปล่อยฉันนะ อย่าให้ฉันต้องลงไม้ลงมือกับนายนะ” น้ำเสียงโมโหโทโสของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาตรงหน้าประตู ตามมาด้วยเสียงของหลุยส์ “แล้วเธอจะตามมาสร้างความวุ่นวายทำไม ทำงานเป็นหมอช่วยคนอื่นไปก็พอแล้วเธอน่ะ”
“ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน นายยุ่งอะไรด้วย!” ขณะที่พูดอลิสาก็ก้าวยาวๆเข้ามาในห้องโถง ข้างหลังมีหลุยส์ตามมาด้วยสีหน้าร้อนใจ
ญาธิดามองสองคนอย่างอึ้งๆ จากนั้นก็หันมามองจดหมายสีแดงบนโต๊ะ ในใจเริ่มขบคิด เวลานี้คุณหมอควรอยู่ที่บ้านพักสิ หรือว่าจดหมายอีกซองหนึ่งจะเป็นของเธอกันนะ?
“วิน นายกับธิดาอยู่ด้วยก็ดีแล้ว รีบช่วยฉันโน้มน้าวจรณ์ที ว่าการให้ผู้หญิงไม่เป็นการเป็นงานดีแต่สร้างเรื่องอย่างยัยนี่เข้ามาในozone มีแต่จะสร้างความวุ่นวาย”
อลิสาได้ยินแบบนั้นก็กระทืบลงบนเท้าของเขา ถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ จากนั้นก็เก็บสีหน้า แล้วนั่งลงตรงข้ามจรณ์ด้วยท่าทางเจียมๆ “เรื่องที่ฉันคุยกับคุณครั้งก่อน คุณพิจารณาว่ายังไงบ้าง?”
จรณ์ดันจดหมายไปอยู่ตรงหน้าเธอ พยักพเยิดให้เธอกับญาธิดาเปิดมันพร้อมกัน
ในซองมีเพียงกระดาษบางๆสองแผ่น ไม่มีข้อความแนะนำองค์กรอย่างเจาะจง เพียงแค่พูดถึงกฎระเบียบของozoneคร่าวๆ ส่วนอีกแผ่นเป็นข้อมูลของทั้งสองคนอย่างละเอียด
จรณ์กวาดสายตามองทั้งสองคน เอ่ยพูดช้าๆว่า “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป อลิสากับญาธิดาต้องไปฝึกในห้องใต้ดิน โดยให้วินกับหลุยส์ดูแลรับผิดชอบร่วมกัน”
หลุยส์ทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลย ไม่มีทางให้ไปต่อ อดที่จะรู้สึกหมดอาลัยตายอยากขึ้นมาไม่ได้ แอบใช้ข้อศอกถลุงแขนภวินทื แล้วกระซิบถามว่า “ทำไมนายไม่ห้ามธิดา”
“นายยังห้ามไม่ได้ แล้วฉันจะไปเหลือเหรอ?” ภวินท์ตอบกลับเสียงเย็น
ด้านอลิสากับญาธิดากลับพึงพอใจผลลัพธ์นี้เป็นอย่างมาก ทั้งสองหันไปหัวเราะคิกคักใส่กันไม่หยุด
หลังจากได้รู้ว่าญาธิดาเข้ามาในองค์กรเพราะภวินท์อลิสาจึงแขวะออกมาว่าการแต่งงานกับความรักนี่ไม่ต่างอะไรกับหลุมศพในชีวิตของทุกคน
ตอนที่เธออยากเข้ามาในองค์กรเธอไม่ได้คิดอะไรมากมาย คิดแค่ว่าขนาดพวกเสี่ยรักสนุกอย่างหลุยส์ยังทำภารกิจใหญ่ๆได้ เธอก็ทำได้เหมือนกัน
ทุกคนค้างที่ozoneเหมือนเคย แต่ที่แปลกไปจากเดิมก็คือ ครั้งนี้ozoneเตรียมห้องเดี่ยวไว้ให้พวกเขาด้วย แสดงให้เห็นว่าเตรียมการให้พวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่ในระยะยาว
อีธานกับเอลล่าเองก็อยู่ที่นี่
กว่าจะได้เจอพ่อแม่ เอลล่าจึงดีใจเป็นอย่างมาก เอาแต่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ให้ทั้งสองคนฟังไม่หยุด
การอยู่ในสถานที่ที่เข้มงวดอย่างozone นอกจากชีวิตประจำวันทั่วไปเด็กทั้งสองคนก็ยังมีฝึกกับพวกพี่ๆ บางครั้งก็แอบไปฟังวิชาการต่อสู้ เล่นซนกันสุดๆ
ส่วนอีธานไม่ได้เจอกันนานรู้สึกเหมือนจะขรึมขึ้น แม้ว่าเขาจะยังอายุน้อยมากๆ แต่ดวงตาลึกล้ำคู่นั้นนับวันยิ่งเหมือนภวินท์ขึ้นเรื่อยๆ
เขาวางโน๊ตบุ้คลงตรงหน้าภวินท์ เอ่ยพูดเสียงน่ารักว่า “พ่อฮะ ผมมีอะไรเจ๋งๆมาให้พ่อดูด้วย”
ภวินท์โน้มตัวลงไป จึงเห็นมือเล็กๆของเขากำลังกดอยู่บนแป้นพิมพ์เบาๆ ทันใดนั้นรหัสไฟร์วอลล์ของSTN Group ก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ ตามมาด้วยตัวเลขหลายชุดเด้งขึ้นมาไม่หยุด
ภวินท์มีสีหน้าจนใจ “นี่แกเจาะไฟร์วอลล์ของSTN อีกแล้วเหรอ?”
“ไม่ใช่สักหน่อย…..” อีธานยู่ปากอย่างไม่พอใจ แล้วกดแป้นพิมพ์อีกครั้ง สัญลักษณ์สีแดงค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเขียวทั้งแถบ จนกระทั่งถึงตัวสุดท้าย รหัสก็หยุดวิ่ง
เสียงใสของเขาเอ่ยขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ “ผมช่วยพ่อแก้ช่องโหว่ไฟร์วอลล์ของบริษัทได้แล้ว ผมก้าวหน้าขึ้นเยอะเลยใช่ไหมล่ะ?”
เมื่อสบตากับดวงตาเป็นประกายของเขา สีหน้าของภวินท์ก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน เอ่ยถามเสียงเบาว่า “อีธานชอบที่นี่ไหม?”
อีธานรีบพยักหน้าหงึกหงัก “ที่นี่มีอะไรให้เรียนรู้เยอะเลย ไม่เก็บเกี่ยวเอาไว้ก็คงน่าเสียดาย”
ภวินท์ได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น มือหนาวางลงบนหัวเล็กๆของเขา เอ่ยพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “รับปากพ่อได้ไหม ว่าจะใช้สิ่งที่เรียนรู้มาปกป้องแม่ไปตลอดชีวิต”