ดวงใจภวินท์ - บทที่ 752 พิธีต้อนรับ
ตรงชั้นล่างสุดของบันไดมีสาวน้อยคนหนึ่งที่หน้าตาดูดีกำลังยืนอยู่ แต่งตัวดูผ่อนคลายสะอาดสะอ้าน ในเวลานี้กำลังหยอกล้ออยู่กับแมวจรจัดสีเทาหนึ่งตัว
เธอมองลูกแมวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชอบและเอ็นดู ในขณะเดียวกันก็เกลี้ยกล่อมลูกแมวด้วยเสียงเบาๆ เช่นกัน รอยยิ้มที่อบอุ่นเอ่อล้นบนใบหน้า
แพรวาเห็นญาธิดาเอาแต่จ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา พูดถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น “คุณรู้จักเธอเหรอ?”
“แค่รู้สึกว่าภาพนี้มันดูอบอุ่นก็เท่านั้นเอง” ใบหน้าของเธอก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มออกมาโดยไม่ตั้งใจ เอนหัวพูดขึ้น “ดูเหมือนคุณจะรู้จักกับสาวน้อยคนนี้นะ”
แพรวาพยักหน้าเล็กน้อย “SRวางแผนจะมีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุตสาหกรรมของบริษัทนายหน้า ดังนั้นจึงเริ่มที่สร้างรายการโปรแกรมที่ยอดเยี่ยมขึ้นมาช่วยปลูกฝังดาราหน้าใหม่ เธอเป็นเด็กฝึกที่เข้าร่วมการแข่งขันด้วยคนหนึ่ง”
ญาธิดาได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ฉันรู้สึกว่าสาวน้อยคนนี้ดูลักษณะท่าทางไม่เลวเลย สามารถที่จะพิจารณาใช้งานก่อนได้เลยนะ”
แพรวาหันมองเธอด้วยความไม่เข้าใจ
“พวกเราแทนที่จะจ่ายเงินก้อนใหญ่ร่วมงานกันกับบริษัทนายหน้า สู้ไปใช้งานศิลปินของตัวเองดีกว่า ด้านหนึ่งก็จะได้ประหยัดต้นทุน อีกด้านก็จะได้หยุดลงก่อนที่มันจะขาดทุน ลดการขาดทุนและความยุ่งยากที่ไม่จำเป็นลงด้วย”
แพรวาเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของเธอ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ พูดถามกลับไปด้วยความลังเล “ธิดา วิธีการนี้จะไหวจริงๆ เหรอ?”
ญาธิดาแววตาเป็นประกายด้วยแสงแห่งความฉลาด พูดตอบกลับไปอย่างขี้เล่น “เรื่องนี้คุณเป็นคนรับหน้าที่วางแผนเตรียมการก็ได้แล้ว คนมีความสามารถหรือไม่มีต้องทำการทดสอบทางปฏิบัติเดี๋ยวก็รู้เอง”
สุดท้ายSRก็ตัดสินใจว่าจะใช้งานสาวน้อยคนนี้ พาเธอมาถึงกองถ่าย lee Tongก็ปรบมือชื่นชมทันที ถึงยังไงลักษณะที่สดใสและอ่อนเยาว์ของสาวน้อยคนนี้ก็ตรงกันกับภาพลักษณ์ของนางเอกในใจของเขา
การถ่ายทำดำเนินไปอย่างราบรื่น ไม่เกิดข้อผิดพลาดใดๆ ขึ้นอีก
พราวฟ้าถูกหลายบริษัทรวมหัวกันกดขี่ข่มเหง สุดท้ายบริษัทนายหน้าก็จำเป็นต้องเก็บเธอเอาไว้ในกรุ จากนั้นการค้นหาที่ร้อนแรงได้รับความนิยมในอินเทอร์เน็ตก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจางหายไปจากสายตาของผู้คนภายในระยะเวลาสั้นๆ
หลังจากการถ่ายทำตลอดทั้งวันเสร็จสิ้นลง เอลล่าก็เงยหัวขึ้น พูดถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น “แม่ แม่เคยบอกเอาไว้ว่าถ้าหนูกับพี่ประพฤติตัวดี ก็จะส่งพวกเราไปเข้าเรียนไม่ใช่เหรอคะ ทำไมเพื่อนคนอื่นไปเข้าเรียนกันหมดแล้ว หนูกับพี่ยังอยู่ที่กองถ่ายอยู่เลย?”
ญาธิดาถึงได้นึกขึ้นมา ว่าวันนี้คือวันรายงานตัวที่โรงเรียนของเอลล่าและอีธานจริงๆ ด้วย เนื่องจากการเตรียมหลักสูตรการเรียนการสอนจากระดับชั้นอนุบาลเข้าสู่ประถมของโรงเรียนค่อนข้างล่าช้า เธอยุ่งเกินไปจนเผลอลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท
“พวกเรารีบไปกันตอนนี้เลย น่าจะยังทันอยู่”
เธอพูดพลาง บอกให้พายุรีบขับรถให้เร็ว ในที่สุดก็มาถึงยังสถานที่ลงทะเบียนตอนเวลาที่ครูกำลังเลิกงานพอดีด้วยความเร่งรีบ
หัวหน้าสายชั้นอาศัยช่วงเวลาที่พูดคุยสัพเพเหระกัน กรอกใบสมัครให้กับอีธานและเอลล่าไว้ให้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็แขวนบัตรประจำตัวนักเรียนไว้ที่คอให้กับเด็กนักเรียนทั้งสองคนอย่างเป็นทางการ “นับจากนี้เป็นต้นไป นักเรียนทั้งสองคนก็กลายเป็นสมาชิกโรงเรียนของเราแล้ว”
เอลล่าถือป้ายพลาสติกเล็กๆ สายตาเต็มไปด้วยความปรารถนา “พี่ ตอนนี้พวกเราเป็นนักเรียนชั้นประถมแล้วนะ”
. “ว่ากันตามความหมายที่เข้มงวดจริงจังแล้ว ตอนนี้พวกเรายังไม่ใช่ ต้องรอปีหน้าถึงจะได้เป็นนักเรียนชั้นประถมที่เข้าเรียนอย่างเป็นทางการ ตอนนี้อย่างมากสุดก็เป็นได้แค่นักเรียนชั้นประถมฝึกหัดเท่านั้น”
อีธานน้ำเสียงหน่อมแน้ม แต่ในน้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยความจริงจัง ทำให้คนรู้สึกตลกขบขันอย่างบอกไม่ถูก สุดท้ายก็ยังไม่ลืมที่จะพูดตำหนิเอลล่า “เด็กโง่”
พูดจบ อีธานกับเอลล่าก็พูดคุยถกเถียงขึ้นมาอีกครั้ง
ญาธิดายิ้มขอโทษให้กับหัวหน้าสายชั้น พูดขึ้นอย่างหมดความอดทนอยู่ไม่น้อย “เด็กสองคนนี้เติบโตที่อเมริกา ตอนนี้ไม่ค่อยคุ้นชินกับชีวิตในประเทศสักเท่าไร เดี๋ยวฉันจะอบรมสั่งสอนพวกเขาอย่างดีเลยค่ะ”
“ไม่หรอกๆ” หัวหน้าสายชั้นรีบโบกมือทันที “ใช่แล้ว พรุ่งนี้ชั้นเตรียมเข้าสู่ประถมของพวกเราจะจัดพิธีต้อนรับเด็กๆ ขึ้น นี่เป็นก้าวแรกอย่างเป็นทางการในการก้าวเข้าสู่โรงเรียนของเด็กๆ คุณกับคุณพ่อของเด็กจะต้องมาเข้าร่วมให้ได้นะ”
ญาธิดาสีหน้าดูลำบากใจเล็กน้อย “พ่อของเด็กออกไปทำงานต่างประเทศค่ะ อาจจะไม่สามารถมาเข้าร่วมพิธีต้อนรับได้ ขออภัยด้วยนะคะ”
แม้ว่าโรงเรียนของพวกเขาจะเทียบกับโรงเรียนชั้นนำที่ค่าเทอมเป็นหมื่นเป็นแสนไม่ได้ แต่ถึงยังไงก็เป็นโรงเรียนรัฐที่มีเกณฑ์ค่อนข้างสูงภายในเมือง J พวกผู้ปกครองเหล่านี้ต่างก็แทบอยากจะเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยกันกับลูกที่เป็นดั่งหัวแก้วหัวแหวนของครอบครัวเหมือนกัน
เดิมทีสถานภาพของอีธานกับเอลล่าก็ค่อนข้างพิเศษอยู่แล้ว คนจำนวนไม่น้อยที่มองพวกเขาด้วยความอคติ ถ้าในพิธีต้อนรับไม่มีพ่อมาเข้าร่วมล่ะก็ เกรงว่าภายในใจของพวกเขาจะต้องรู้สึกไม่ประทับอย่างแน่นอน
แต่ญาธิดาเอ่ยปากพูดแบบนี้แล้ว หัวหน้าสายชั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก ทำได้แค่ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงเท่านั้น
เช้าวันต่อมา เอลล่าตื่นขึ้นมาแต่เช้า สวมชุดกระโปรงที่ตัวเองชื่นชอบที่สุด วิ่งเตาะแตะเข้าไปยังเขตโรงเรียน รู้สึกอยากรู้อยากเห็นไปกับทุกสิ่งทุกอย่าง
ณ ห้องโถงประชุมของโรงเรียนจัดวางเวทีสีแดงขนาดใหญ่เอาไว้ มีตัวการ์ตูนน่ารักๆ มากมายหลายรูปแบบวางเอาไว้เต็มสองข้างทาง ทุกหนทุกแห่งล้วนแต่เป็นเสียงหัวเราะมีความสุขของเด็กๆ และเสียงพูดคุยกันเบาๆ ของผู้ปกครอง
เด็กแทบจะทุกคนต่างก็มีพ่อแม่มาคอยประกบด้วยทั้งสิ้น คุณหญิงคุณนายที่แต่งกายหรูหราต่างพากันโอ้อวดความร่ำรวยหรูหราของตัวเอง ผู้ชายที่สวมชุดสูทรองเท้าหนังต่างก็ไปตีสนิทให้คนที่มีเส้นสายมีอิทธิพลทางธุรกิจมาอยู่ฝ่ายตัวเอง
แม้ว่าญาธิดาจะนั่งลงในมุมอับที่สุด แต่อีธานและเอลล่าที่สะดุดตาก็ยังดึงดูดความสนใจของผู้คนอยู่ไม่น้อย
“เด็กสองคนนั้นใช่คนที่ไปโผล่ในรายการโทรทัศน์เมื่อสองสามวันก่อนใช่ไหม ได้ยินมาว่าตอนนี้ชื่อเสียงโด่งดังมากๆ เลยนะ”
“ใช่ๆ พวกเขาสองคนนั่นแหละ โอ้ คิดไม่ถึงว่าดาราก็มาเรียนที่โรงเรียนของพวกเราเหมือนกันนะ ฉันยังนึกว่าที่บ้านมีฐานะเสียอีก ที่แท้ก็ไม่เท่าไร”
“พ่อของพวกเขาไม่ใช่ภวินท์หรอกเหรอ นั่นเป็นบุคคลในตำนานของเมือง Jเชียวนะ จะไม่ร่ำรวยได้ยังไงกันล่ะ ไม่แน่ว่าความคิดของคนที่ร่ำรวยอาจจะไม่เหมือนกันกับพวกเราก็ได้ ถ้าวันนี้ได้เห็นคุณภวินท์ ฉันจะต้องให้สามีของฉันไปโน้มน้าวชักจูงมาอยู่พวกเดียวกันแน่นอน”
“พอเหอะน่า คุณภวินท์ไม่มีทางส่งลูกของตัวเองเข้ามาที่โรงเรียนพวกเราแน่นอน ถ้าเกิดพวกเขาสองคนเป็นลูกของคุณภวินท์จริงๆ ป่านนี้คุณภวินท์มาด้วยตัวเองตั้งนานแล้ว เห็นคุณญาธิดาคนนั้นพาลูกมาด้วยตัวเอง ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นลูกนอกสมรสก็ได้นะ”
“ใช่ๆ ต่อให้ไม่ใช่ลูกนอกสมรส ก็มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาทั้งสองคนอาจจะหย่ากันแล้ว ญาธิดาก็ไม่ได้ฮุบเอาอะไรไป ถึงได้เลือกโรงเรียนนี้ให้กับลูก แถมเธอเอาลูกไปทำงานแล้วด้วย วันเวลาจะต้องผ่านไปอย่างยากลำบากแน่นอน”
เหล่าบรรดาผู้หญิงพูดคุยกัน ส่งเสียงหัวเราะอย่างเยาะเย้ยออกมาอย่างพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
คำพูดเหล่านี้ได้ยินเข้ามาในหูของญาธิดาทุกคำทุกประโยค สีหน้าของเธอไม่ได้เผยให้เห็นถึงความไม่สบอารมณ์ สายตาจ้องมองไปที่อีธานและเอลล่าตั้งแต่ต้นจนจบ
พอเห็นพวกเขากำลังเข้ากันได้ดีกับเด็กๆ คนอื่นๆ ใบหน้าของเธอก็ยิ้มแย้มออกมา
ถ้าสภาพแวดล้อมของโรงเรียนแห่งนี้ไม่เหมือนกับที่เธอจินตนาการเอาไว้ เธอจะต้องเลือกโรงเรียนที่ดีกว่าให้กับลูกๆ อย่างไม่ลังเลแน่นอน แต่ตอนนี้ดูท่าแล้วการตัดสินใจเลือกของเธอจะถูกต้องแล้วสินะ
ไม่นานพิธีต้อนรับก็เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เด็กๆ มากมายขึ้นไปยืนบนเวทีท่ามกลางการสนับสนุนและบีบบังคับของผู้ปกครอง ต่างคนต่างแสดงความสามารถพิเศษที่ตัวเองถนัด ญาธิดานั่งอยู่ข้างล่างเวทีตั้งแต่ต้นจนจบ มองดูการแสดงของพวกเด็กๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ผู้หญิงหนึ่งในนั้นพุ่งเข้ามาอยู่ข้างตัวของเธอ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ “หม่ามี๊ของอีธาน ลูกของคุณเป็นถึงดาราดัง ได้ยินมาว่ากลับมาจากเมืองนอกด้วยนี่คะ ก็ให้ลูกขึ้นไปแสดงบนเวทีให้พวกเราได้รับชมเป็นบุญตาหน่อยสิ”