ดวงใจภวินท์ - บทที่ 754 คุณไม่มีทางเทียบกับเธอได้
บทที่ 754 คุณไม่มีทางเทียบกับเธอได้
จรณ์ถึงได้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “พวกเราได้ยื่นของพวกนี้ไปที่สำนักงานใหญ่แล้ว นี่เป็นคำตัดสินที่มีต่อคุณขององค์กร”
พูดจบเขาก็ดันเอกสารไปไว้ตรงหน้าของนพเก้า พร้อมพูดออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกคุณล้วนแต่ลำเอียงไปทางญาธิดานังคนชั้นต่ำนั่น พวกคุณต่างก็เป็นผู้ช่วยของเธอ!ฉัน……”
คำพูดของเธอยังไม่ทันพูดจบ กรามก็ถูกมือใหญ่ๆ หนึ่งข้างมาบีบเอาไว้ เธอเงยมองด้วยความตกใจ สบตาเข้ากับสายตาที่เยือกเย็นของภวินท์เข้าพอดี สั่นสะดุ้งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“นพเก้านี่จะเป็นการเตือนคุณครั้งสุดท้ายของผม!” เขาพูดข่มขู่ออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “การที่ผมสามารถตรวจสอบเรื่องพวกนี้ได้ แน่นอนว่าผมก็สามารถตรวจสอบเรื่องอื่นได้เหมือนกัน”
ว่าไงนะ? !
เธอถลึงสองตาโตจ้องมองเขา คนทั้งคนถูกความสิ้นหวังกลืนกินลงไป
เขาเป็นคนเก็บหลักฐานด้วยตัวเอง เพื่อญาธิดาที่ออกจากองค์กรไปแล้ว เขาทำลายความรู้สึกตลอดหลายปีมานี้ของพวกเขาด้วยมือของตัวเอง แล้วก็ไล่เธอออกจากองค์กรที่มีความสำคัญมากกว่าบ้านด้วยมือของตัวเองด้วยเหมือนกัน!
“เพื่อญาธิดาแล้วคุณถึงกับทำร้ายฉันขนาดนี้ ฉันมีตรงไหนที่เทียบกับเธอไม่ได้กันแน่ เห็นๆ อยู่ว่าฉันเป็นคนที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุดๆ แท้ๆ”
เธอน้ำเสียงเบาพูดขึ้นอย่างสะอึกสะอื้น จ้องมองเขาตาไม่กะพริบ ราวกับว่าอยากที่จะเห็นความโศกเศร้าด้วยความอาลัยอาวรณ์เล็กน้อยจากสีหน้าการแสดงออกของเขา
แต่น่าเสียดาย ที่เธอเห็นมีแต่แววตาที่เยือกเย็น แล้วก็น้ำเสียงที่เย็นชา “ธิดาไม่มีทางใจคอโหดเหี้ยมแบบคุณแน่นอน คุณไม่มีทางเทียบเธอได้อยู่แล้ว”
พูดจบ เขาก็สะบัดนพเก้าลงไปบนโซฟาทันที
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้……” นพเก้าส่ายหัวอย่างไม่หยุดไม่หย่อน พูดพึมพำกับตัวเอง “คุณก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าฉันชอบคุณมานานหลายปี ทำไมสุดท้ายคุณก็ยังเลือกเธออีกล่ะ ทำไมต้องฟังความเธอข้างเดียวด้วย เธอจงใจที่จะใส่ร้ายป้ายสีฉันนะ”
แต่น่าเสียดาย ที่เธอเห็นมีแต่แววตาที่เยือกเย็น แล้วก็น้ำเสียงที่เย็นชา “ธิดาไม่มีทางใจคอโหดเหี้ยมแบบคุณแน่นอน คุณไม่มีทางเทียบเธอได้อยู่แล้ว”
ภวินท์ดึงทิชชูออกมา เช็ดปลายนิ้ว พูดตอบกลับอย่างเย็นชา “เธอไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น แต่แค่วิธีการของคุณมันสกปรกเท่านั้น”
“ฉันไม่เชื่อ!!!”
เธอตะคอกออกมาอย่างบ้าคลั่ง จ้องเขม็งเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกลียด กัดฟันกรอดๆ พร้อมกับพูดขึ้น “ในโลกนี้ฉันเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รักคุณ จะช้าจะเร็วยังไงก็ต้องมีสักวันที่คุณถูกเธอทำร้ายจนยับเยินไปทั้งตัว คอยดูก็แล้วกัน!”
ภวินท์สีหน้าค่อยๆ เผยให้เห็นถึงความหงุดหงิด โบกมือส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆ เฉดหัวเธอออกไปจากozone ภายในห้องโถงกลับมาเงียบสงบตามเดิม สีหน้าของเขาถึงได้ดีขึ้นมาเล็กน้อย “ธิดายังรอผมกลับบ้านอยู่ ขอตัวก่อนก็แล้วกันนะ”
จ้องมองเงาหลังของเขาเดินจากไป อลิสาก็ทำเสียงจุ๊ๆ ออกมา หันไปจิ้มหลุยส์เบาๆ “คุณคอยจับตาดูผู้หญิงบ้าคนนี้เอาไว้ตลอดเวลานะ เธอไม่มีทางปล่อยไปแบบนี้แน่นอน”
“เดินออกจากประตูของozoneไป ก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปที่ไร้ประโยชน์คนหนึ่ง เธอยังจะสามารถลงมือทำอะไรได้อีก” เขาพูดตอบกลับอย่างเอ้อระเหยลอยชาย
อลิสากลอกตามองบนใส่เขาอย่างอดไม่ได้ “ต้องพึงระวังคนเอาไว้อยู่ตลอด เชื่อสิว่าฉันคิดถูกต้อง อย่ารอให้เธอทำร้ายธิดาแล้วค่อยมาเคลื่อนไหวตอนหลัง วัวหายล้อมคอกไม่เคยได้ยินหรือไง?”
พวกเขากลับมาที่เขตตัวเมืองพร้อมกัน ตรงบ้านพักของตระกูลสถิรานนท์ดูครึกครื้นต่างจากปกติมาก พวกหลุยส์กับอลิสาก็รวมตัวอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน เพื่อที่จะเฉลิมฉลองให้กับอีธานและเอลล่าที่จะได้เข้าไปใช้ชีวิตในโรงเรียนอย่างเป็นทางการ ป้าจันทร์เตรียมของอร่อยไว้เต็มโต๊ะ
งานเลี้ยงได้ดำเนินไปสักระยะเวลาหนึ่ง ทุกคนพูดคุยเรื่องที่น่าสนใจกันอย่างเมามาย มีเพียงแค่อัญมณีคนเดียวเท่านั้นที่บูดบึ้งอยู่ข้างๆ
เธอมีสติสัมปชัญญะ แม้ว่าอลิสาจะบอกเอาไว้แล้วว่าเธอสามารถดื่มสักหน่อยจะได้ช่วยให้ผ่อนคลายแล้วก็อารมณ์ดีขึ้น แต่ญาธิดายังคงพิจารณาถึงสุขภาพเป็นหลัก ก็เลยเปลี่ยนจากแชมเปญเป็นน้ำผลไม้แทน
พอเห็นว่าทุกคนเตรียมตัวที่จะกลับไปพักผ่อนที่ห้องแล้ว เธอก็ลูบท้องที่แบนราบของตัวเอง มองเงาหลังที่จากไปของญาธิดา ค่อยๆ เปิดปากพูดขึ้น “ธิดา พรุ่งนี้ฉันอยากจะกลับบ้านไปเยี่ยมพี่กับพี่สะใภ้ ฉันเป็นห่วงพวกเขามาก อีกอย่าง……”
เธออยากจะให้พี่กับพี่สะใภ้รู้เรื่องที่เธอตั้งท้อง เธออยากให้คนในครอบครัวกับเธอช่วยแบ่งปันความสุขซึ่งกันและกัน แล้วก็อยากจะได้รับท่าทีที่ยอมรับในตัวเธอของพี่ชายด้วยเหมือนกัน
ญาธิดาฝีเท้าหยุดชะงักลง หันมองกลับมาที่เธอคำพูดที่อยากจะพูดออกมาก็หยุดลง เข้าใจความคิดที่อยู่ภายในใจของเธอทันที “ให้คุณหมอกลับไปด้วยกันกับเธอด้วยแล้วกัน ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรที่ฉุกละหุกขึ้นมา คุณหมอจะได้ดูแลเธอได้”
อัญมณีถึงได้ยิ้มออกมาอย่างดีใจ พยักหน้าอย่างหนักแน่น พูดโน้มน้าวให้เธอรีบกลับไปพักผ่อน
ประตูห้องนอนเปิดออกแล้วก็ปิดลง ยังไม่รอให้เธอตั้งตัว จู่ๆ แผ่นหน้าอกที่แข็งแรงกำยำก็พุ่งเข้ามาอยู่ตรงหน้าเธอ ก้าวเท้าเข้ามาต้อนเธอเข้าไปอยู่ตรงมุมกำแพง บรรยากาศที่ดุเดือดก็โอบล้อมอยู่รอบตัวของเธอทันที
กลิ่นหอมเย็นที่ตัวของภวินท์ผสมเข้ากับกลิ่นของแอลกอฮอล์ แผ่กระจายเข้ามาในจมูกขอเธอ
“คุณกับอัญมณีกำลังมีความลับ” เขามองใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอด้วยความสนใจ พูดขึ้นมาเบาๆ “ดูท่าช่วงนี้คุณคงจะใช้ชีวิตอย่างสบายมากสินะ ไม่ต้องให้ผมยื่นมือมาช่วยคุณจัดการปัญหาที่ตามมาภายหลังแล้ว”
ญาธิดาอาศัยกลิ่นอายของแอลกอฮอล์คว้าเนกไทของเขาเอาไว้ ดึงมาข้างหน้าเบาๆ ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนหดสั้นลงอีกครั้ง เธอเงยหน้ายิ้มอ่อนๆ แววตาที่สว่างไสวเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “ถ้าฉันมีความลับที่ปกปิดคุณ แล้วคุณจะทำอะไรฉันได้?”
“งั้นเหรอ?” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อยๆ เข้ามาใกล้ๆ หูของเธอ น้ำเสียงแหบแห้งที่น่าดึงดูดดังขึ้นมาช้าๆ พูดเน้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ผมล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าคุณจะปากแข็งได้มากขนาดไหน?”
ลมหายใจที่ร้อนผ่าวค่อยๆ แพร่กระจายมาที่หูของเธอ รูปร่างที่ผอมบางของเธอสั่นสะดุ้งอย่างกลั้นไม่อยู่ ยังไม่รอให้เธอพูด มือที่ใหญ่โตของภวินท์ก็ค่อยๆ ถลำเข้าไปในเสื้อของเธอ
“คุณ……คุณอย่ามาเล่นลูกไม้แบบนี้นะ!” เธอพูดต่อว่าออกมา ราวกับว่าอยากที่จะต่อต้านภวินท์ สองแขนกลับคล้องอยู่ที่คอของเขาอย่างไม่รู้ตัว
อากาศระหว่างทั้งสองคนเริ่มค่อยๆ บางลง เสียงลมหายใจที่เป็นจังหวะดังก้องอยู่ภายในห้อง สายตาของญาธิดาเริ่มค่อยๆ เบลอ
ภวินท์กลับไม่หยุดการกระทำที่มือ มองดูท่าทางเขินอายของเธอด้วยดวงตาที่ลึกซึ้ง พูดถามกลับเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ตอนนี้ยอมบอกความลับนี้กับผมแล้วยัง?”
ปากที่ราวกับเชอร์รี่ของเธอส่งเสียงพึมพำออกมาเป็นระยะๆ ร่างกายที่นุ่มนิ่มเหมือนกับไร้กระดูกเกาะอยู่บนร่างกายของเขา พยักหน้าตอบกลับไปอย่างไม่รู้ตัว
พอเห็นว่าเธอยอมเปิดเผยกับตัวเองทั้งหมดแล้ว ภวินท์ถึงได้พอใจ ไม่รอให้เธอพูดเขาก็ก้มหัวลงไปประกบที่ริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของเธอ อุ้มร่างกายที่ร้อนผ่าวของเธอขึ้นมา
ล้มตัวลงไปนอนบนเตียงด้วยกันทั้งคู่
หลังจากความอ่อนโยนและมีเสน่ห์ที่แสนยาวนานผ่านไป เธอก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งยังไม่ทันได้สติครบถ้วน เสียงที่ทุ้มต่ำของภวินท์ก็ดังขึ้นมาข้างหูของเธอ “เมื่อคืนมีเรื่องที่จะบอกกับผมไม่ใช่หรือไง?”
พอนึกถึงภาพที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอก็แอบด่าตัวเองอยู่ภายในใจว่าไร้ประโยชน์สิ้นดี จากนั้นก็ทำท่าทางไม่แยแสสนใจ พูดตอบกลับอย่างนิ่งเฉย “มันไม่มีอะไรมากไปกว่าคำซุบซิบนินทาของสาวๆ ก็เท่านั้น”
“ใช่เหรอ?” เขาจงใจลากเสียงยาวพูดหยอกล้อขึ้น “ดูท่าที่ยอมปล่อยคุณไปเมื่อคืน……”
ญาธิดารู้สึกกระวนกระวายใจ รีบเข้าไปอุดปากของเขาทันที กัดฟันพูดขึ้น “ภวินท์ คุณกลายเป็นคนที่น่าเบื่อขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร!”
“ผมก็แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของคุณเท่านั้น อย่างอื่นมันไม่สำคัญทั้งนั้น” ภวินท์เอามือเล็กๆ ของเธอมากุมเอาไว้ในฝ่ามือ พูดตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เธอรู้สึกอบอุ่นอยู่ภายในใจ รีบหันหน้าหนีไม่มองเขาอีก พูดพึมพำเปลี่ยนเรื่องออกมาเบาๆ “วันนี้ต้องไปส่งอีธานกับเอลล่าไปเรียนหนังสือ ถ้ายังไม่เตรียมตัวอีกล่ะก็ไม่ทันแน่ๆ”
อัญมณีกำลังกินอาหารอยู่ที่โต๊ะไปพลางดูข่าวเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยไปพลาง พอเห็นทั้งสองคนลงมาข้างล่างพร้อมกัน เธอก็ยกคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ กวาดสายตามองไปรอบๆ ทั้งสองคน
สบตากับเธอ ญาธิดาก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออกอยู่ไม่น้อย “มองฉันขนาดนี้ทำไมกัน? ฉันติดเทรนด์การค้นหายอดนิยมอีกแล้วเหรอ?”
บทที่ 753 โลกของดวงดาว