ดวงใจภวินท์ - บทที่ 757 เขาไม่มีแล้วจริงๆ
บทที่ 757 เขาไม่มีแล้วจริงๆ
ญาธิดาเหมือนกับได้ฟังเรื่องตลก มองไปหานักข่าวที่พูดขึ้นมาด้วยแววตาสว่างวูบวาบ
“ฉันเป็นบุคคลสาธารณะเหรอ? ฉันเป็นคนครอบครองทรัพยากรของสาธารณะแล้วเหรอ? ฉันก็เป็นแค่พลเมืองตามกฎหมายธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ต้องให้คำอธิบายกับพวกผู้คนด้วยเหรอ?” เธอพูดถามออกมาอย่างเย้ยหยัน
นักข่าวถูกตอกกลับมาจนพูดอะไรไม่ออก แต่กลับยังคงไม่มีทีท่าว่าจะกลับไป ทุกคนถึงขนาดที่ล้อมรอบทางตรงหน้าของเธอเอาไว้จนแออัด แล้วก็ไม่มีทีท่าจะปล่อยให้เธอหนีไปเช่นกัน
“ถอยออกไป!” เธอขึ้นเสียงสูงทันที มองนักข่าวที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับพูดเตือนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รู้ไหมว่าโทษของการสะกดรอยตามคนอื่น การละเมิดสิทธิของผู้อื่นมันได้รับโทษนานแค่ไหน? รู้ไหมว่าการจำกัดเสรีภาพของคนอื่นต้องโทษนานแค่ไหน?”
เหล่าบรรดานักข่าวหันมองตากัน เหมือนกับว่าลังเลอยู่ไม่น้อย ถึงขนาดที่มีคนแอบพูดกระซิบกันว่า “ถ้าเธอกับคุณภวินท์ไม่ได้หย่ากันจริงๆ แล้วพวกเขาก็สามารถจัดการพวกเราได้อย่างง่ายดายเหมือนกับมดปลวกแน่นอน”
“ถ้าเกิดเธอตั้งใจขู่ให้พวกเรากลัวล่ะ ถ้าปล่อยเธอไปตอนนี้ ถ้าคิดจะตามหาตัวเธออีกครั้งก็ยากแล้วแน่ๆ”
ในขณะที่ทุกคนกำลังลังเลอยู่นั้น รถไมบัคสีดำก็แล่นมาจอดสนิทอยู่ตรงหน้าประตูของโรงพยาบาล จากนั้นด้านหลังจากของผู้คนก็มีเสียงที่เยือกเย็นดังขึ้น “หากทุกท่านมีปัญหาอะไรก็สามารถมาปรึกษากับฝ่ายกฎหมายของบริษัทเราได้นะ”
พอได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ญาธิดาก็รู้สึกแน่นตรงจมูก ความหวาดกลัวและความคับข้องใจทั้งหมดก็พลุ่งพล่านออกมาจากส่วนลึกภายในจิตใจ
เธอก้าวเดินไปข้างหน้ากระโจนเข้าไปในอ้อมกอดของเขา พูดพึมพำออกมาอย่างสะอึกสะอื้น “ฉันไม่ควรจะยอมตกลงให้เธอกลับบ้านเลย เป็นความผิดของฉันทั้งหมด ทำยังไงดี……”
“คุณผู้หญิง” พายุรีบพุ่งตรงเข้ามาข้างหน้าทันที มองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย ญาธิดารีบพาเธอเข้าไปในโรงพยาบาลทันที
อันอันถูกย้ายมาอยู่ในห้องผู้ป่วยดูแลพิเศษ พวกเขาสองสามคนเพิ่งจะมาถึงตรงทางเดิน ก็ได้ยินเสียงแก้วแตกดังออกมาจากห้อง อลิสายืนอยู่ตรงประตูด้วยสีหน้าประหม่า กำลังช่วยปลอบเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
พายุยิ่งเร่งฝีเท้ามากขึ้น เพิ่งจะมาถึงประตูห้องผู้ป่วย จู่ๆ ก็มีแก้วน้ำใบหนึ่งก็ลอยออกมา ชนเข้าที่หัวของเขาอย่างแรง สีแดงสดค่อยๆ ไหลลงมาจากหน้าผากของเขา
เสียงที่ดังโหวกเหวกโวยวายภายในห้องผู้ป่วยก็หยุดลงทันที
เขาเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย จากนั้นภายในห้องก็มีเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดอย่างสุดใจขาดดิ้นดังออกมา
ญาธิดาหัวใจถูกบีบรัดทันที ซบอยู่ในอ้อมกอดของภวินท์อย่างหมดหนทาง พูดพึมพำออกมาเบาๆ “ถ้าฉันไม่ได้ยอมตกลงให้อันอันกลับบ้าน มันก็จะไม่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดแบบนี้ขึ้น ภวินท์ คุณรู้ไหม ว่าเธอตั้งท้อง……”
ภวินท์จับไหล่ของเธอเอาไว้แน่น พยายามทำให้อารมณ์ของเธอเสถียรลง เสียงของเขาเยือกเย็นถึงกระดูก พูดเน้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ถ้าคุณอยากที่จะลงมือให้กับเธอ ก็ให้ตัวเองใจเย็นลงก่อน ค่อยๆ จัดการไปทีละขั้น”
เธอตัวแข็งทื่อทันที ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาจากอ้อมกอดของเขา พูดตอบกลับเบาๆ “แค้นนี้จะช้าจะเร็วยังไงฉันก็จะต้องชำระแน่นอน แต่แค่ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น”
หกปีก่อน อันอันมาบังรถมอเตอร์ไซค์ให้กับเธอ ช่วยเธอกับลูกแฝดที่ยังไม่ได้คลอดออกมา วันนี้มีคนมาทำร้ายอันอันกับชีวิตน้อยๆ ที่ยังไม่ได้คลอดออกมา เธอจะนั่งนิ่งดูดายไม่แยแสสนใจได้ยังไง
รอให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของSTN Groupนิ่งสงบลงก่อน เธอมีมากมายหลายวิธีที่จะทวงคืนความยุติธรรมให้กับอันอัน!
เธอค่อยๆ ใจเย็นลงทีละนิดๆ มองภวินท์พร้อมกับพูดขึ้นอย่างเข้มงวดจริงจัง “บริษัทวางแผนที่จะจัดการกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์นี้ยังไง?”
“บังคับปราบปรามชั่วคราว แล้วค่อยรอโอกาส” เขาพูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
คิ้วของญาธิดาก็ขมวดมากขึ้นเรื่อยๆ “การบังคับลดความนิยมในการค้นหาลงมันก็เป็นการชั่วคราวเท่านั้น ตราบใดที่ผู้คนยังคงให้ความสนใจอยู่กับเรื่องนี้ แผนการประชาสัมพันธ์ของพวกเราก็จะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแผนการที่จงใจปกปิดสถานการณ์จริงเอาไว้ แก้ไขปัญหามันต้องแก้ที่ต้นเหตุสิ”
ส่วนต้นเหตุของปัญหา……
จู่ๆ เธอก็แววตาสว่างวูบวาบ เปิดรูปในโทรศัพท์พร้อมกับพูดขึ้น “ช่วงเวลาที่ผ่านมาตอนที่คุณอยู่ที่ozone ล้วนแต่เป็นฉันที่รับผิดชอบเรื่องของอีธานและเอลล่า คุณไม่ได้โผล่หน้าออกมาเป็นเวลานาน พวกเราก็เลยถูกสงสัยว่าหย่าร้างกัน”
ภวินท์สบตากับเธอ พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้น “เรื่องของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ผมเตรียมการเอง คุณคอยอยู่ดูแลอัญมณีที่นี่เถอะ อีกอย่าง……”
เขาดวงตานิ่งลึก มองไปยังทิศทางของห้องผู้ป่วยพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พายุอยู่ที่นี่ ทางด้านของบริษัทก็จะให้พยัคฆ์มารับช่วงต่อชั่วคราวก่อน”
ญาธิดามองเขาด้วยสายตาขอบคุณ จนกระทั่งรูปร่างสูงยาวของเขาหายไปจากสุดทางเดินแล้ว ถึงได้ค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย
อัญมณีนิ่งสงบลงเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ราวกับเป็นหุ่นเชิดที่ไร้ชีวิต สีหน้าซีดขาว นั่งพิงอยู่ตรงหัวเตียง
“อันอัน”
พอได้ยินเสียงของญาธิดา แววตาที่ผ่อนคลายของเธอก็ค่อยๆ จดจ่อทีละนิด สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ตำแหน่งตรงประตู พยายามออกแรงยกแขนให้เธอ
ญาธิดารีบเข้าไปคว้ามือของเธอเอาไว้แน่นอย่างรีบร้อน ฝืนบังคับกดความเจ็บปวดในลำคอลงไป พูดถามขึ้นมาเบาๆ “ตอนนี้ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกไหม?”
อัญมณีก็จ้องมองเธออย่างนิ่งเงียบอยู่แบบนี้ ริมฝีปากที่แห้งกร้านเปิดๆ ปิดๆ พูดขึ้นอย่างอ่อนแอ “ลูก ไม่มีแล้ว”
น้ำตาไหลรินออกมาจากขอบตาเป็นสองทางพร้อมกับคำพูดของเธอ ร่วงหล่นลงบนหลังมือของญาธิดา
ญาธิดารู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที ช่วยเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าให้กับเธอมือไม้ทำอะไรไม่ถูก พูดขอโทษเธออย่างไม่หยุดไม่หย่อน
แต่เธอกลับฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ใบหน้าที่ซีดขาวราวกับกระดาษค่อยๆ ยิ้มขึ้นมา ยังคงพูดขึ้น “ฉันมักจะคิดอยู่บ่อยๆ ว่าลูกของฉันกับพายุเหมือนกับใครมากกว่า ฉลาดและน่ารักเหมือนกับอีธานและเอลล่าใช่ไหม”
ภาพตรงหน้านี้ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของญาธิดา เธอกอดอันอันเอาไว้ทันทีพร้อมกับพูดวิงวอนอย่างไม่หยุดไม่หย่อน “อันอัน เธอไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว มันผ่านไปแล้วนะ……”
“ฉันยังเป็นกังวลใจอยู่เลยว่าถ้าเกิดฉันเป็นแม่ที่ดีไม่ได้จะทำยังไง แม้แต่ตัวเองก็ยังดูแลไม่ได้ แล้วจะดูแลชีวิตน้อยๆ อีกหนึ่งชีวิตได้ยังไงล่ะ เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ แม้แต่พระเจ้าก็ยังไม่เชื่อฉัน พาลูกของฉันกลับไป”
เธอพูดพลาง ยื่นมือออกมาลูบท้องที่แบนราบ เสียงที่นิ่งเฉยในที่สุดก็สะอึกสะอื้นเหมือนจะร้องไห้ “ธิดา ฉันไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของลูกแล้ว เขาไม่มีแล้วจริงๆ ……”
“อันอัน อย่าร้องไปเลย!” ญาธิดาคว้าไหล่ของเธอเอาไว้ จ้องมองแววตาของเธอตรงๆ พร้อมกับพูดเน้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ให้เวลาฉันหน่อยนะ ฉันจะไม่ทำให้เธอต้องเสียลูกไปเปล่าๆ แน่นอน เธอเชื่อฉัน!”
อัญมณีเหม่อมองเธออยู่นานสองนาน สุดท้ายก็พยักหน้าด้วยสองตาที่ว่างเปล่า
ตอนที่ออกมาจากโรงพยาบาล พวกนักข่าวที่ปิดล้อมอยู่ข้างนอกก็ถูกภวินท์กวาดล้างไปจนหมดแล้ว ญาธิดาเดินอยู่ตามทางอย่างเศร้าสลด ในหัวมีแต่ท่าทางที่อกสั่นขวัญหายของอัญมณี
สายตาของเธอเริ่มเย็นชาลงทีละนิดๆ สองมือกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว โบกเรียกรถแท็กซี่หนึ่งคันกลับไปยังตระกูลกรเวช
“คุณมาได้ยังไงกัน!” ธีทัตพอเห็นเธอสีหน้าก็ดีอกดีใจ “ผมเห็นข่าวล่าสุดแล้ว ภวินท์ไม่ใช่พ่อที่ดีจริงๆ ด้วย โอกาสที่สำคัญขนาดนั้นดันให้คุณพาลูกไปเข้าร่วมคนเดียวตามลำพังซะได้”
“ความเป็นห่วงของคุณฟังดูมากจริงๆ” ในตาของเธอเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับคุณธีทัตด้วยไม่ทราบ?”
“ผมประมาทเลินเล่อเอง ผมแค่นึกถึงช่วงวันเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับลูกแฝดเท่านั้นเอง แม้ว่าผมจะไม่ใช่พ่อที่ดี แต่ก็มักจะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพวกเขา”
เขายิ้มอย่างอบอุ่น เมินเฉยต่อความเยือกเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากเธอ แค่ได้ดื่มด่ำกับความสุขที่ได้มาเจอกับเธออีกครั้งเท่านั้น ยื่นมือออกมากะที่จะเชิญเธอเข้าไปในบ้านพัก
“มีอะไรก็เข้ามาข้างในก่อนแล้วค่อยว่ากันดีกว่าครับ ในบ้านยังมีชาที่คุณชอบมากที่สุดอยู่ด้วยนะ”
ญาธิดากวาดสายตามองเขาอย่างเย็นชา พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูห่างเหิน “ไม่ต้อง ที่ฉันมาเพราะฉันมาหาคน พอเจอเสร็จก็จะไปแล้ว”
บทที่ 756 เด็กเป็นยังไงบ้าง