ดวงใจภวินท์ - บทที่ 76 กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิง
ชมพู่ตกใจรีบพาเธอออกมาจากอ่างน้ำและลากมาที่เตียงห่มผ้าห่มให้เรียบร้อย จากนั้นรีบโทรหาพี่แนน
หลังจากพี่แนนรับสายโทรศัพท์แล้วรีบมาทันที แตะหน้าผากญาธิดาและรู้สึกว่าอาการหนักพอสมควร
ญาธิดาตัวร้อนไปทั้งตัว แก้มแดงไปหมด และไม่ว่าจะเรียกทำยังไง เธอก็ไม่ตอบสนอง ให้ได้ชัดว่าตัวร้อนจนสลบไปแล้ว
ชมพู่กังวลมาก “พี่แนน ตอนนี้เราควรทำไงดี?”
ผู้จัดการขมวดคิ้ว และสั่งว่า “เอาอย่างนี้ คุณไปหาพนักงานให้พวกเขาติดต่อหมอของโรงแรม ฉันจะโทรหาคุณภวินท์”
ที่Lakeside Manor อุปกรณ์ในการรักษาสู้ที่โรงพยาบาลไม่ได้อยู่แล้ว แน่นอนว่าเธอต้องติดต่อภวินท์ ดูว่าจะส่งญาธิดาไปโรงพยาบาลได้ไหม
ขณะที่รับสายของพี่แนน ภวินท์เพิ่งจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เขากดปุ่มรับสาย “ฮัลโหล?”
“คุณภวินท์คะ ญาธิดามีไข้สูง อาการไม่ค่อยดี คุณคิดว่าเราควรส่งเธอไปโรงพยาบาลไหม?”
ได้ยินอย่างนั้น มือข้างที่ถือโทรศัพท์จับโทรศัพท์แน่น
สุดท้าย เธอยังมีไข้สูงอยู่ดี
ภวินท์สั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ติดต่อรถ รีบพาเธอไปส่งที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
“ค่ะ”
ตอนแรกคิดจะวางสาย แต่เขากลับนิ่งขึ้นมาชั่วคราวและถามว่า “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”
สถานการณ์ของเธอเกี่ยวข้องกับการผ่าตัดโดยตรง การผ่าตัดจะดำเนินการตามกำหนดได้หรือไม่ สุขภาพของเธอในตอนนี้สำคัญที่สุด
พี่แนนตอบ “อยู่ในห้องค่ะ หมายเลขห้อง609”
“อืม”
ภวินท์กดวางสาย เดินไปหน้าประตู หยิบเสื้อสูทและก้าวออกไปด้านนอก
เห็นเขาเดินไปทางลิฟต์ พายุรีบตามไปทันที “คุณภวินท์ คุณจะเยี่ยมคุณผู้หญิงไหม?”
ภวินท์กำลังจะเอ่ยปาก อยู่โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมา เขาหยิบขึ้นมาดู เห็นข้อความด้านบน “โรงพยาบาลโชคศิริ” สีหน้าเขาจริงจังขึ้นมาหลายเท่า
นี่เป็นสายโทรเข้ามาจากโรงพยาบาลโชคศิริ
เขารับสายโดยไม่ลังเล
“คุณภวินท์ คุณรีบมาที่นี่เถอะ วันนี้คุณนิวราไม่ยอมกินอะไรเลย อารมณ์ไม่ดีบอกว่าอยากพบคุณอย่างเดียว พวกเราเกลี้ยกล่อมยังไงก็ไม่ได้ผล!”
Peter บอกว่าช่วงนี้จะสังเกตอาการของเธอและตรวจครั้งสุดท้าย ขณะเดียวกันก็แจ้งไม่ให้เขาเข้าพบเธอ เพื่อป้องกันผลกระทบต่ออารมณ์ของเธอ
คิดไม่ถึงว่าเธอจะโวยวาย
เขายังไม่ทันพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงแหลมดังมาปลายสาย เหมือนเป็นเสียงอะไรตกแตกบนพื้น
ภวินท์ขมวดคิ้ว สีหน้าขรึมขึ้นมาก เขากดเสียงต่ำและพูดว่า “บอกเธอ ฉันจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้ อย่าให้เธอทำร้ายตัวเอง!”
นางพยาบาลได้ยินอย่างนั้นก็รีบตอบรับทันที
เก็บโทรศัพท์ ภวินท์รีบเดินไปที่ลิฟต์เร็วมากยิ่งขึ้น
พายุรีบตามไปถาม “คุณภวินท์ เราจะไปไหนกัน?”
ภวินท์ขมวดคิ้วแน่น ตอบเสียงเคร่งขรึม “โรงพยาบาลโชคศิริ”
ใช่ว่าก่อนหน้านี้จะไม่เคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น เพราะนิสัยเอาแต่ใจของนิวรา เธอทำลายข้าวของจนตัวเองบาดเจ็บ ทุกวันนี้เมื่อเขาเห็นรอยแผลพวกนั้น ยังคงนึกเสียใจที่ไม่ดูแลปกป้องเธอให้ดี
พายุอดไม่ได้ที่ถามออกออกไปว่า “งั้นคุณผู้หญิงล่ะครับ?”
ทันทีที่พูดจบ ภวินท์หันมาและชำเลืองมองด้วยความไม่พอใจ
พายุรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที รีบก้มหน้าและไม่พูดอะไรอีก
“ติ๊ง” เสียงดังขึ้น ประตูลิฟต์เปิดออก ภวินท์ก้าวขาออกไปสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา
ผู้หญิงที่เป็นที่หนึ่งในใจเขาตลอดมาคือนิวรา ไม่มีทางเป็นคนอื่นได้เลย
……
หลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ญาธิดาลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตัวเองอยู่ในที่ที่หนึ่งซึ่งไม่คุ้นเลยสักนิด
เธอขยับตัว คอแห้งปากแห้งจนไม่มีเสียงจะพูดออกมา
“ปัง–”
เสียงประตูเปิดเข้ามา และตามมาด้วยเสียงที่คุ้นหู “คุณผู้หญิง ในที่สุดคุณก็ตื่นสักที!”
ญาธิดาค่อยหันไป ก็เห็นป้าจันทร์ที่เพิ่งกลับมาจากไปเติมน้ำ
เธอเอ่ยปาก เสียงแหบและเชื่องช้า “ฉันอยู่ที่ไหน…”
“โรงพยาบาลไงคะ คุณมีไข้สูง และถูกส่งมาที่โรงพยาบาล ป้าได้รับคำสั่งให้รีบมาดูแลคุณ!”
ป้าจันทร์พูดพลางส่งน้ำอุ่นไปให้เธอ
ญาธิดาดื่มน้ำไปหนึ่งอึก จึงค่อยๆ ดีขึ้น “ป้าจะบอกว่าฉันถูกส่งตัวจากLakesideManor มาที่โรงพยาบาล?”
ป้าจันทร์พยักหน้า “ใช่จ้ะ”
เธอค่อยกวาดสายตาดูรอบๆ และถามต่อว่า “ฉันหลับไปนานเท่าไหร่…”
“หนึ่งวันหนึ่งคืน แต่ดีหน่อยที่ไข้ลดแล้ว…”
หลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ญาธิดาสูดหายใจเข้า และถามต่อว่า “ภวินท์ล่ะ?”
เมื่อพูดถึงภวินท์ ป้าจันทร์ลังเลเล็กน้อย “คุณชาย…ไม่ได้มา”
ญาธิดาตะลึง
เธอสลบไปหนึ่งวันหนึ่งคืน แต่เขาไม่มาดูเธอ…
น่าจะงานยุ่งมากสินะ?
“แล้ว…ฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่?”
ตอนนี้ไข้เธอลดแล้ว ไม่จำเป็นต้องพักต่อให้ห้องพักคนไข้ของโรงพยาบาลที่ราคาต่อวันแพงขนาดนี้อีกแล้ว
“หมอบอกรอให้คุณฟื้น ถ้าไม่เป็นอะไรมาก ก็กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้ว ป้าจะรีบไปตามหมอเดี๋ยวนี้”
ป้าจันทร์วิ่งวุ่นไปมา ตามหมอให้มาตรวจ
หลังจากคุณหมอมาตรวจแล้ว สั่งให้เธอต้องระวังเรื่องอะไรบ้าง จากนั้นก็เตรียมตัวออกจากโรงพยาบาล
บนรถระหว่างทางกลับ ญาธิดานึกถึงเรื่องนั่นที่เกิดขึ้นที่Lakeside Manor ก่อนจะเข้าโรงพยาบาล แต่ละเรื่องราวกับความฝัน ดูไม่ค่อยเป็นความจริง แต่เมื่อคิดให้ละเอียดดูแล้ว การออกไปเที่ยวครั้งนี้โดยมีภวินท์ไปด้วยก็สนุกไม่น้อยเลย
กลับมาถึงบ้าน ในห้องก็ว่างเปล่า สงสัยภวินท์ยังไม่กลับมา
หลังจากญาธิดากินอะไรง่ายๆ ไปแล้ว ภายใต้การดูแลของป้าจันทร์ เธอกินยาและน้ำอีกหนึ่งแก้วหมด
“ดื่มน้ำเยอะ จะได้หายไวๆ ป้าจะไปรินน้ำให้คุณอีก”
ป้าจันทร์พูด หยิบแก้วมาและไปรินน้ำให้ ญาธิดาตบท้องแน่นๆ ของเธอ “ป้าจันทร์ พอแล้วค่ะ ฉันดื่มไม่ลงแล้ว!”
“ไม่ได้ ดื่มอีกแก้วค่ะ!”
ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังคุยกับ มีเสียงรถดังมาจากด้านนอก
ป้าจันทร์เอาแก้ววางไว้หน้าเธอ “คุณชายน่าจะกลับมาแล้ว ป้าไปดูหน่อย คุณดื่มน้ำเถอะ”
ญาธิดาทำอะไรไม่ได้ ได้แค่ตอบตกลง
และดื่มน้ำแก้วที่สอง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นภวินท์เดินเข้ามาพอดี เขาวางเสื้อคลุมลงและถอดรองเท้า
ญาธิดาลุกขึ้น และถามอย่างลังเลเล็กน้อย “กลับมาแล้วหรอ?”
ภวินท์เงยหน้า สายตานิ่งสงบมองมาที่เธอ “อืม”
ท่าทีที่เขามีต่อเธอ ดูห่างเหินไม่น้อย
ญาธิดาเดินไปข้างหน้า ถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ “เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำงานเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า?”
หลังจากรู้จักกับเขา เธอไม่ค่อยเห็นท่าทางเหนื่อยขนาดนี้ของเขา หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
เธอมีคำถามมากมาย อยากจะถาม คิดไม่ถึงว่าอยู่ภวินท์จะหยุดเดินกะทันหัน เธอเบรกไม่ทันจึงเข้ากับแผ่นหลังที่แข็งแรงของเขาอย่างจัง
ญาธิดายกมือขึ้นนวดศีรษะที่กระแทก ยังไม่ทันเงยหน้าขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงเคร่งขรึมเย็นชาของชายหนุ่มดังมา
“ฉันอยากอยู่เงียบๆ”
มีกลิ่นน้ำหอมติดอยู่ที่ปลายจมูก ญาธิดาเงยหน้าขึ้น เห็นแววตาเย็นชาของชายหนุ่มจึงตะลึง
ภวินท์กวาดสายตามองเธอและเดินขึ้นบันไดไป
มองแผ่นหลังเขาค่อยๆ หายไปจากบันได ใจของญาธิดาเศร้าลง
ท่าทีที่เขามีต่อเธอ ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้?
และเมื่อกี้เธาได้กลิ่นน้ำหอมบนตัวเขา ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ใช้น้ำหอมบ่อยๆ แต่กลิ่นหอมดอกไม้นั่น เห็นได้ชัดว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมที่ผู้หญิงใช้!