ดวงใจภวินท์ - บทที่ 767 เธอควรจะมีชีวิตของตัวเอง
หลังจากที่นพเก้ากำลังยุ่งอยู่ในห้องครัวโดยสวมผ้ากันเปื้อน อาหารหลายจานก็ถูกวางลงบนโต๊ะอาหาร เธอยืนอยู่ข้างๆ อย่างอารมณ์เสีย
เธอเป็นแค่พี่เลี้ยงและไม่มีสิทธิ์นั่งที่โต๊ะกินข้าว และต้องดูแลอาหารการกินของนายจ้างข้างๆ เธอด้วย
“เก้า น้องพอลมีอาการร้อนในนิดหน่อย อย่าลืมต้มน้ำเก๊กฮวยให้เขาด้วยหล่ะ” จีรวรรณคีบผักให้แก่ลูกชาย และสั่งนพเก้าด้วยท่าทางเจ้ากี้เจ้าการ
ความขยะแขยงในสายตาของนพเก้านั้นหายวับไป จากนั้นเธอก็พูดอย่างสุภาพว่า “เข้าใจแล้วค่ะคุณผู้หญิง”
พอลกินข้าวไปไม่กี่คำก็ไม่ยอมกอนแล้ว เขานั่งเขี่ยข้าวในจาน ขว้างข้าวไปทั่ว
เมื่อมองดูฉากที่วุ่นวายต่อหน้า นพเก้ารู้สึกโมโหขึ้นทันทีและกลอกตาด้วยความรังเกียจ
จีรวรรณเกลี้ยกล่อมไม่เป็นผล และความโกรธของเธอก็พุ่งขึ้นทันทีและตะโกนใส่เด็กน้อยว่า “ดูลูกคนอื่นแล้วดูแกสิ ฉันจะให้กำเนิดคนงี่เง่าอย่างแกได้อย่างไร!”
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เธอขว้างตะเกียบในมืออย่างแรง แล้วอาละวาดอย่างดุเดือดว่า “ฉันด้อยกว่านังชั้นต่ำญาธิดานั้นตรงไหน ทำไมชีวิตเธอถึงได้ดีแบบนี้”
เมื่อได้ยินชื่อที่คุ้นเคย นพเก้าก็เงยหน้าขึ้นทันที และความเกลียดชังที่ซ่อนอยู่ในหัวใจก็ผุดขึ้นอีกครั้ง
เธอยิ้มให้จีรวรรณทันที และแสร้งทำเป็นประจบสอพลอ “คุณผู้หญิงสวยสง่าและมีรสนิยมสูง ชีวิตก็ดี๊ดี ใครจะเทียบได้กับคุณผู้หญิงของเรา ”
จีรวรรณรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยิน และพูดจาดูถูกเหยียดหยาม “ฉันจะสู้กับกับคุณนายที่ทั้งรวยและมีอำนาจได้ยังไง ก็เพราะเธอมีเงินอยู่นิดหน่อยก็ทำตัวหยิ่งผยอง”
“ฉันเคยอิจฉาคุณผู้หญิงมาตลอด แต่ฉันไม่เชื่อว่ามีใครมีความสุขมากกว่าคุณผู้หญิงอีกแล้ว” เธอรีบเดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย “ผู้หญิงที่คุณผู้หญิงพูดถึงคือใครคะ”
“นี่คือภรรยาคนปัจจุบันของประธานSTN Group ก็แค่ได้สามีที่ดี ชอบทำตัวหยิ่งวางอำนาจไปวันๆ ” จีรวรรณตอบกลับอย่างหงุดหงิด
ความเกลียดชังในดวงตาของนพเก้ารุนแรงยิ่งขึ้น และปลายนิ้วของเขาถูกกำแน่นเป็นหมัดโดยไม่รู้ตัว
เธอบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวแล้วพูดด้วยความเคารพ “คราวหน้าฉันจะไปรับน้องพอลให้คุณผู้หญิงดีกว่าค่ะ ไม่ต่องไปเห็นใบหน้าที่น่าขยะแขยงของผู้หญิงคนนั้นอีก”
จีรวรรณครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ “ก็ได้ ตอนนี้ฉันเห็นหน้าเธอแล้วรู้สึกแน่นหน้าอก และไม่รู้ว่าคุณวินจะหย่ากับเธอเมื่อไร”
“อย่ากังวลไปเลยค่ะ นางจะโอหังได้สักกี่วันเชียว…” นพเก้ายกยิ้มชั่วร้าย
ญาธิดายุ่งมากตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา สตูดิโอเพิ่งก่อตั้งและมีพนักงานเพียงไม่กี่คน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอต้องทำด้วยตัวเอง
อีธานเอลล่ารู้สึกไม่พอใจกับสิ่งนี้มาก ทุกวันที่พวกเธอกลับมาก็เอาแต่บ่นว่าแม่ไม่อยู่อีกแล้ว เธอทำได้เพียงสัญญากับเด็กสองคนว่าเธอจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนกับพวกเขาหลังเลิกงานทันที
เมืองJเริ่มมีหิมะตก ญาธิดากระทืบเท้าของเธอท่ามกลางความหนาวเย็นที่ประตูโรงเรียนและมองดูไปข้างในโรงเรียนเป็นครั้งคราว
เด็กทั้งสองเห็นร่างของเธอทันทีที่ตอนที่เดินออกจากประตูโรงเรียนด้วยกัน เด็กๆมีรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้า และวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเธอ
“แม่จ๋า วันนี้ต้นกล้าเริ่มมาเล่นกับเราแล้วค่ะ แม่คิดว่าอาการป่วยของเขาจะดีขึ้นในเร็วๆ นี้ไหม” เสียงเล็กๆของเอลล่าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ญาธิดายิ้มอย่างอบอุ่นและอดไม่ได้ที่จะลูบหัวของเธอและชมเชย “ต้นกล้าจะดีขึ้นในไม่ช้า เอลล่าจะเป็นผู้มีความชอบรายใหญ่ที่สุด”
เอลล่ายิ้มและมองเธอทันทีและพูดว่า “ต่อไปหนูจะเป็นหมอค่ะ และหนูจะไปรักษาเด็ก ๆที่มีอาการเหมือนต้นกล้า”
“แล้วอีธานล่ะ?” เธอเอียงศีรษะและมองลูกชายของเธออย่างสงสัย
เอลล่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกระซิบว่า “พี่ชายไม่มีความฝันของตัวเองค่ะ เพราะเขาต้องกลับไปสืบทอดบริษัทของพ่อ”
ญาธิดามองไปที่ลูกสาวของเธออึ้งๆ หลังจากคิดดูแล้ว เธอรู้สึกว่าไม่มีทางที่จะหักล้างเธอได้ แม้แต่อีธานก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของน้องสาว
เธอมองดูอีธานอย่างตั้งใจ และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนภวินท์มากขึ้นเรื่อยๆ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นในรูปร่างหน้าตาของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนิสัยบุคลิกของเขาด้วย
รอยยิ้มที่ไร้เดียงสาบนใบหน้าของเขาเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ และเขาก็จริงจังมากเกือบตลอดเวลา คำพูดและทำสิ่งต่าง ๆก็คล้ายกับภวินท์มาก
เธอนั่งลงและมองที่อีธาน ด้วยน้ำเสียงที่หมดหนทางและทุกข์ใจ “ชีวิตของหนูไม่ได้ถูกกำหนดตั้งแต่เริ่มต้น และหนูไม่จำเป็นต้องเดินตามทางของพ่อ อีธานควรมีชีวิตของลูกเอง”
อีธานพยักหน้าอย่างเชื่อฟังและแสดงรอยยิ้มกว้างให้กับเธอ ราวกับจะปลอบโยนเธอ แต่มันทำให้ญาธิดารู้สึกเศร้ามากขึ้น
“แม่ครับ หนูรู้ว่าหนูต้องการอะไรดี แม่ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงหนู” เขาเอื้อมมือน้อยๆ ของเขาไปหว่างคิ้วของเธอเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย “น้องร้องว่าหิวตลอดตอนที่อยู่โรงเรียน เรากลับเถอะครับ”
ญาธิดาจงมือพวกเขาและเหยียบไปที่หิมะสีขาว หวนนึกถึงคำพูดของเด็กสองคน และเธอไม่ได้สังเกตเห็นคนสองคนที่เดินตรงมาทางพวกเขา
ดวงตาของนพเก้าจับจ้องที่อีธานและยิ่งเธอมองดูเด็กคนนี้มากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งรู้สึกรำคาญมากขึ้นเท่านั้น
เขามีรูปลักษณ์ของคนรักของเธอ ราวกับแกะสลักจากแม่พิมพ์เดียวกันกับ วิน ทำไมเขาถึงเป็นลูกชายของญาธิดานังร่านคนนี้
ขณะที่เธอเดินผ่านไป แสงเย็นวาบในดวงตาของเธอ และเธอก็ยื่นมือออกและผลักอีธานลงไปกองหิมะที่อยู่ถัดจากเธอแรงๆ
ญาธิดาตั้งสติได้ก็รีบไปช่วยอีธาน แล้วเงยหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจ หลังจากที่เห็นว่าคนตรงหน้าเธอคือนพเก้า ดวงตาของเธอก็เย็นชาขึ้น
“ไม่เจอกันนานเลยนะ คุณเก้า” น้ำเสียงของเธอเรียบๆ ดวงตาของเธอกวาดมองไปที่พอล จากนั้นเธอก็มองมาที่นพเก้าอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าภารกิจของคุณหนักมาก งั้นฉันจะไม่รบกวนคุณแล้ว”
เมื่อพูดถึงภารกิจ ความเกลียดชังในสายตาของนพเก้าก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เธอกัดฟันและตอบว่า “ชีวิตของฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะแก แล้วแกจะแกล้งทำเป็นใจกว้างทำไม”
ถ้าไม่ใช่เพราะอีตัวที่ใส่ร้ายป้ายสี วินจะเต็มใจจัดการกับเธอได้อย่างไร
เมื่อเธอออกจากองค์กรด้วยตัวเปล่า และมีศัตรูมากมายที่จ้องจะจัดการเธอ เธอพยายามดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้ ทำได้แค่เป็นพี่เลี้ยงให้คนอื่น ซักผ้าและทำอาหารที่บ้านคนรวยเท่านั้น
ทั้งหมดนี้ต้องก็เพราะนังตัวดีญาธิดา!
ญาธิดาไม่เข้าใจคำพูดของเธอและไม่อยากจะเข้าใจคำพูดของเธอด้วย คิดว่าเธอกำลังทำภารกิจบางอย่างลับๆ อยู่ และไม่อยากยุ่งกับเธออีกต่อไปจึงดึงอีธานและเอลล่าเพื่อเตรียมจากไป
“หยุด!” นพเก้าตะโกน ไล่ตามเธอไปสองก้าว และพูดอย่างดุร้าย “แกกับวินเป็นคนจากสองโลกที่แตกต่างกัน มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเธอจะอยู่ด้วยกัน ถ้าแกรู้ตัวจริงๆ ก็ควรยอมแพ้ก่อน จะไม่ต้องเสียใจภายหลัง..”
“คุณนี่ก็ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริงๆ ” ญาธิดามองดูเธออย่างเย็นชาและอดที่จะเยาะเย้ยไม่ได้
“ไม่ว่าจะเหมาะสมหรือไม่ก็ตาม ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของวิน คุณผู้หญิงแห่งตระกูลสถิรานนท์ หากคุณมีความสามารถพอจริงๆ คุณจะไม่มาตะโกนใส่ฉัน”
สีหน้าของนพเก้าดูแย่ลงเรื่อย ๆ ฟันกรามหลังของเธอแน่นเข้าด้วยกันและเธอก็ได้แต่มองดูเญาธิดาพาเด็กสองคนออกไป
วันนี้เธอก็หมดความโอหังเหมือนตอนปยู่Ozone และเธอก็เป็นเหมือนตัวตลกเมื่ออยู่ต่อหน้าญาธิดา
เธอตั้งคำถามกับตัวเอง ที่เธอเริ่มตกลงไปอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
และในชั่วพริบตา เสียงของหญิงแปลกหน้าก็ดังขึ้นต่อหน้าต่อตาเธอ