ดวงใจภวินท์ - บทที่ 77 ยังมีผู้หญิงคนอื่นอีก
เป็นได้ไหมว่าเขาเพิ่งกลับจากไปหาผู้หญิงคนอื่นมา?
ความคิดนี้ผ่านวนเข้ามาในสมองของญาธิดา ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเธอไล่ความคิดนี้ออกไป
ภวินท์ไม่ใช่ผู้ชายอย่างนั้น ถึงแม้ว่าระหว่างพวกเขาจะไม่มีพื้นฐานด้านความรู้สึก เขาก็ไม่น่าจะปฏิบัติต่อการแต่งงานของพวกเขาอย่างนั้น
ป้าจันทร์เห็นเธอยืนอยู่ตรงทางขึ้นบันไดนานแล้ว รีบเข้ามาถามว่า “คุณผู้หญิง เป็นอะไรไป?”
ญาธิดาบ่นพึมพำ “ภวินท์เหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดี”
ป้าจันทร์รีบปลอบใจว่า “อาจจะเพราะทำงานเหนื่อยมาก คุณอย่าคิดมากเลย”
ญาธิดาพยักหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกๆ ป้าจันทร์ที่อยู่ด้านข้างเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ถอนหายใจและพูดเบาๆ ว่า “หรือว่า ป้าชงชาให้สักกา คุณลองยกขึ้นไปดูคุณชายหน่อยดีไหม?”
ญาธิดารีบพยักหน้า “ค่ะ”
สองวันก่อนตอนอยู่ที่Lakeside Manor โชคดีที่มีภวินท์ดูแลปกป้องเธอ วันนี้เห็นเขาไม่สบายใจ เธอเองก็พลอยกังวลไปด้วย
เมื่อชงชาเสร็จเรียบร้อย ญาธิดายกถาดไปที่หน้าประตูห้องหนังสือ เธอเคาะประตู “ป้าจันทร์ชงชาให้คุณ คุณจะดื่มหน่อยไหม?”
ด้านในไม่มีเสียงอะไร ญาธิดาสุดหายใจเข้าลึกๆ และค่อยๆ ผลักประตูห้องหนังสือเข้าไป
เธอยื่นหน้าเขาไป ในห้องค่อนข้างมืด มีแค่โคมไฟตรงมุมห้องข้างโซฟาเปิดอยู่เพียงดวงเดียว ไฟมืดสลัว ควันบุหรี่ลอยฟุ้ง
ในความมืด ญาธิดามองเห็นใบหน้าที่เย็นชาของชายหนุ่มได้อย่างชัดเจน และยังเห็นบุหรี่หนีบอยู่ตรงปลายนิ้วเขา
ชายหนุ่มหันมา สายตาเฉียบคมมองมาที่ญาธิดา น้ำเสียงเย้นชาไร้ความรู้สึกดังขึ้นมาว่า “ออกไป!”
ญาธิดาตกตะลึง คำพูดติดอยู่ในลำคอพูดไม่ออกขึ้นมาทันที
หัวใจเธอดิ่งลง ใจเธอปกคลุมไปด้วยความหนาวเย็นเมื่อได้ยินที่เขาพูด เธอถอยออกมาและปิดประตู ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูนาน
นั่นใช่ภวินท์ที่เธอรู้จักไหม? ใช่ผู้ชายที่อยากจะจดทะเบียนสมรสกับเธอในตอนแรกหรือเปล่า? ใช่คนที่สวมแหวนให้เธออย่างอบอุ่นจริงไหม?
หรือว่าเจอกับเรื่องที่ไม่สามารถจัดการได้?
ญาธิดากัดปากแน่น เก็บความรู้สึกไม่เป็นธรรมไว้ในใจและยกถาดกลับไป
ในห้อง ภวินท์นั่งอยู่โซฟา ดวงตาสีเข้มของเขาผันผวนไปด้วยอารมณ์
ในหัวเขา ภาพที่นิวราทั้งร้องไห้ทั้งตะโกนอ้อนวอนเขาวนเวียนอยู่ในหัว วนเวียนกับภาพที่เธออาเจียนไม่หยุดหลังฟอกเลือดเสร็จ ใบหน้าเหลืองซีด จริงๆ แล้ววันมะรืนนี้เป็นวันผ่าตัด แต่ญาธิดากลับป่วยขึ้นมา ทุกอย่างถูกเลื่อนออกไป ขั้นตอนการผ่าตัดต้องเริ่มดำเนินการใหม่อีกครั้ง
สูดหายใจเข้าลึกๆ ภวินท์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคุณหมอตุลธร “ฮัลโหล ลุงธรครับ พรุ่งนี้ลุงมาที่คฤหาสน์หน่อย มาดูแลสุขภาพให้ธิดาหน่อย…”
ตอนนี้ ขอเพียงแค่ญาธิดากลับมาสุขภาพแข็งแรงโดยเร็ว จึงจะสามารถดำเนินการผ่าตัดได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่ายังไงเขาต้องใจแข็ง และหาโอกาสอธิบายความจริงทั้งหมดให้เธอฟัง อย่างอื่นสามารถล่าช้าได้หมด แต่อาการป่วยของนิวราชักช้าไม่ได้อีกแล้ว
…..
เช้าตรู่วันที่สอง ญาธิดาเพิ่งจะทานอาหารเช้าเสร็จ และกำลังเตรียมตัวจะเปลี่ยนเสื้อผ้าไปบริษัท ขณะที่เดินไปทางขึ้นบันได ภวินท์เดินลงมาพอดี
สายตาของชายหนุ่มมองผ่านเธอไปและพูดนิ่งเฉยว่า “ช่วงสองสามวันนี้ยังไม่ต้องไปที่บริษัท อยู่บ้านพักผ่อนให้หายดี สุขภาพร่างการสำคัญกว่า”
ได้ยินความเป็นห่วงที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดจากเขา ญาธิดาตะลึงไปช่วยขณะ จากนั้นตอบไปเบาๆ ว่า “ไม่เป็นไร ฉันรู้สึกว่าดีขึ้นมากแล้ว เอายาติดตัวไป…”
“ไม่ได้” ภวินท์ขมวดคิ้วน้ำเสียงเย็นชาแต่หนักแน่น “อีกเดี๋ยวคุณหมอตุลธรจะมาตรวจคุณ จ่ายยาและดูแลคุณ”
“ฉัน…”
ญาธิดาไม่รู้จะพูดอะไรและไม่รู้จะตอบยังไง เห็นแววตาจริงจังของชายหนุ่ม เธอทำได้พยักหน้า ตอบตกลง
เรื่องที่เขาสั่งมาดูเหมือนเป็นห่วงเธอ แต่ทำไมเธอกลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นของเขา ตั้งแต่เธอสลบไปตอนอยู่ที่Lakeside Manor ท่าทีที่เขามีต่อเธอก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง หรือว่าเธอสร้างความลำบากให้เขาเพิ่มขึ้น
ในใจยิ่งคิดยิ่งแปลก ญาธิดากลับมาที่ห้อง หยิบโทรศัพท์แอบโทรหาชมพู่
“ฮัลโหล? ชมพู่”
“ธิดา! ในที่สุดคุณก็โทรหาฉันแล้ว! เป็นยังไงบ้าง หายดีหรือยัง ”
ได้ยินเสียงตื่นเต้นดีใจจากปลายสาย ญาธิดายิ้มมุมปาก พูดเบาๆ ว่า “อาจจะอีกสักสองสามวันถึงจะกลับไปทำงานได้ ชมพู่ ที่ฉันโทรมาเพราะมีเรื่องจะถาม…”
ชมพู่พูด “เรื่องอะไรหรอ?”
“ฉันแค่อยากรู้เรื่องเหตุการณ์ตอนที่พาฉันไปส่งโรงพยาบาล ได้ยินว่าคุณกับพี่แนนส่งฉันไป…”
“ใช่สิ วันนั้นพอเอาต์ติงจบลง ทุกคนก็นั่งรถบัสกลับ ฉันกับพี่แนนกลับไปที่บ้านก่อน”
“งั้น…คุณภวินท์ละ?”
“คุณภวินท์กลับไปนานแล้ว เหมือนว่าเขามีธุระ แยกตัวไปก่อนนานแล้ว”
ได้ยินชมพู่พูดอย่างนี้ ญาธิดาตอบรับและในใจรู้สึกไม่เข้าใจมากยิ่งขึ้น
“ธิดา เป็นอะไรไป? มีปัญหาอะไรไหม?”
ญาธิดาตอบเบาๆ “ไม่มี ก็แค่ถามดู ขอบคุณเธอกับพี่แนนมากนะ ไว้วันหลังพวกเราไปกินข้าวกัน”
“ได้สิ”
หลังจากวางสายญาธิดาเงียบไปนาน
ตามที่ชมพู่บอก วันนั้นภวินท์ออกไปตั้งนานแล้ว เรื่องที่เธอสลบไป พวกพี่แนนเป็นคนพาส่งโรงพยาบาล ว่ากันตามจริงแล้ว เธอไม่ได้ก่อเรื่องให้เขาเลย แต่ทำไมสองวันนี้เขาปฏิบัติต่อเธอแตกต่างเป็นอย่างยิ่ง?
เธอยังไม่คิดไม่ตก ก็มีคนเคาะประตู “คุณผู้หญิง คุณหมอตุลธรมาแล้วค่ะ ตอนนี้สะดวกให้เข้าตรวจเลยไหม?”
ได้ยินอย่างนั้น ญาธิดาลุกขึ้นยืนและเดินไปเปิดประตูทันที เห็นป้าจันทร์และคุณหมอตุลธรที่อยู่ด้านนอก เธอก้มหน้าให้เขาเป็นสัญญาณบอกว่า “ได้ค่ะ”
หลังจากสอบถามอาการป่วยเบื้องต้น คุณหมอตุลธรเข้าใจอาการของเธอแล้ว จากนั้นจึงจ่ายยาที่เตรียมมาไว้ให้ และบอกป้าจันทร์ว่าต้มยาให้เธอกินวันละสองครั้ง
ก่อนออกไป คุณหมอตุลธรมองญาธิดา ยิ้มอย่างใจดี “คุณย่าดูไม่ผิดจริงๆ คุณช่างเหมาะสมกับวินมากกว่าจริงๆ”
ญาธิดาได้ยินอย่างนี้ก็ตะลึง
ได้ยินที่เขาเรียกภวินท์ เธอก็เดาได้ทันทีว่าคุณหมอคนนี้ต้อมีงความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมกับตระกูลสถิรานนท์ เธอยิ้มและถามเล่นๆ ว่า “เหมาะสมมากกว่า? หรือว่าก่อนหน้านี้มีที่ไม่เหมาะสมหรอ?”
คุณหมอตุลธรได้ยินอย่างนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยิ้มและพูดว่า “ต่อให้มี แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว พักผ่อนดีๆ กินยาตามเวลา ดูแลสุขภาพให้ดีนะ”
พูดจบเขายกกล่องยาขึ้นและเดินออกไป
ญาธิดายืนอยู่ตรงนั้น มองแผ่นหลังของคุณหมอตุลธรหายไปตรงหน้าประตู ในใจเศร้า
คำพูดเหล่านั้นของคุณหมอตุลธร กลิ่นน้ำหอมติดตัวของภวินท์ ไหนจะนิวราที่เป็นคนในความลับนั่นอีก เอาเรื่องพวกนี้มาปะติดปะต่อกัน เธอแทบจะมั่นใจภวินท์มีผุ้หญิงอยู้ข้างนอก
เธอไม่สนใจประสบการณ์ความรักครั้งก่อนของภวินท์ แต่จนถึงตอนนี้พวกเขาจดทะเบียนกันแล้ว เธอไปมีทางรับได้ที่ข้างตัวเขายังมีผู้หญิงคนอื่นอยู่ นี่เป็นหลักการสำคัญของการแต่งงานที่เธอยึดมั่น
เธอรู้สึกกระสับกระส่าย อยู่ๆโทรศัพท์ของญาธิดาดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดู ที่แท้เป็นอัญมณีโทรมานี่เอง
ขณะตื่นตกใจ เธอรีบรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล? อันอัน นึกยังไงถึงโทรหาฉันกันเนี่ย?”
อัญมณีที่อยู่ในสายจงใจอุบไว้ไม่ยอมพูด แต่ไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นไว้ได้ “ธิดา ทายสิว่าฉันอยู่ไหน?”
“อะไรกัน? เธอกลับมาแล้วหรอ?”
อัญมณียิ้มและพูดว่า “ใช่จ้ะ! ฉันมีงานที่มาเก๊า ไม่แน่อีกสองสามวันฉันอาจจะไปหาเธอก็ได้นะ!”
ญาธิดายิ้ม แต่สภาพจิตใจกลับไม่ดีขึ้น ตอบกลับไปนิ่งๆ ว่า “ดีเลย”
ในที่สุดอัญมณีก็รู้สึกความผิดปกติของญาธิดา เงียบไปและถามว่า “ธิดา เธอเป็นอะไร?”
—————————————–