ดวงใจภวินท์ - บทที่ 771 พึ่งพาความสามารถของตัวเอง
อากาศมืดครึ้ม ญาธิดาวิ่งเข้าไปในอาคารสำนักงานท่ามกลางลมแรง นั่งพักในบริเวณเลานจ์ของPop Animationตลอดช่วงบ่าย พนักงานที่แผนกต้อนรับยื่นกาแฟอีกแก้วให้เธอและโน้มน้าวด้วยเสียงต่ำว่า “คุณญาธิดาคะ ผู้อำนวยการของเราไม่มีเวลามาเจอคุณหรอก คุณกลับไปรอข่าวก่อนเถอะค่ะ”
ญาธิดาผลักถ้วยกาแฟกลับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและตอบอย่างอ่อนโยนว่า “กรุณาส่งตัวอย่างให้คุณน้ำตาลด้วยค่ะ ฉันจะรอฟังข่าวอยู่ที่นี่”
พนักงานฝ่ายต้อนรับถอนหายใจเบา ๆ แล้วเดินจากไป ไฟในสำนักงานดับไปทีละดวง พนักงานเดินออกจากบริษัทอย่างรวดเร็ว ห้องโถงที่คึกคักค่อยๆ เงียบลงเมื่อเสียงระฆังบอกเลิกงานดังขึ้น
เสียง “แอ๊ด” ดังขึ้นข้างหูของเธอ เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ มองดูประตูห้องทำงานของผู้อำนวยการเปิดออกแล้วปิดลง ผู้หญิงในชุดสีดำเดินออกจากออฟฟิศ
จู่ๆก็นึกอะไรขึ้น แล้วเธอก็เดินไปข้างหน้าหยุดผู้หญิงคนนั้นทันที “สวัสดีค่ะ คุณน้ำตาล ฉันเป็นผู้จัดการของTIDA Studioค่ะ”
น้ำตาลรู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดและพูดเบา ๆ ว่า “คุณยังไม่ไปเหรอ?”
ญาธิดารีบพยักหน้าและถามว่า “ฉันได้ส่งตัวอย่างล่าสุดไปยังอีเมลของคุณแล้ว ไม่รู้ว่าคุณได้เช็คดูหรือยังคะ”
น้ำตาลเหลือบมองเธอ “ตัวอย่างล่าสุดคุณภาพดีมาก แต่เราไม่สามารถทำงานร่วมกับคุณได้ โปรดหาสตูดิโอเจ้าอื่นที่เหมาะสมกว่านี้นะ”
“คุณน้ำตาลคะ!” เธอรีบขวางที่ทางเข้าลิฟต์ มองดูสีหน้าของน้ำตาลที่เริ่มหมดความอดทนมากขึ้นเรื่อยๆ เธออดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึกๆ “ได้โปรดเชื่อใจในความสามารถของบริษัทเรานะคะ หวังว่าคุณน้ำตาลจะให้โอกาสเราอีกครั้ง”
“ฉันก็เชื่อในความสามารถของคุณเหมือนกัน แต่น่าเสียดาย…”
น้ำตาลหยุดไปชั่วคราว และเมื่อมองดูเธออีกครั้ง ดวงตาของเธอก็ดูรังเกียจเพิ่มมากขึ้น “พวกคุณมีเวลามากพอ แต่งานที่ออกมากลับด้อยคุณภาพมาก ฉันรับไม่ไหวหรอก อย่าเสียเวลาเลยค่ะ ”
ขนาดพูดก็ทำท่าทางอยากจะเอื้อมมือผลักธิดาออกไป แต่มือที่ยกขึ้นก็ค่อยๆ วางมันลงมาช้าๆ และเตือนด้วยเสียงเย็นชาว่า “หลีกทางหน่อยค่ะ!”
“คุณน้ำตาล โปรดให้เวลาฉันอีกสักนาที หลังจากอธิบายให้ชัดเจนแล้วฉันจะไม่มารบกวนคุณอีกเลย”
ญาธิดาดูจริงจังและพูดทีละคำ”ฉันเลือกที่จะร่วมมือกับPop Animationเพราะฉันให้ความสำคัญกับทัศนคติในการทำงานของPop Animationมาก ดังนั้นฉันจะไม่ละเลยงานของฉันเด็ดขาด แต่เรื่องที่ส่งตัวอย่างที่บกพร่องมาให้เพราะมีสาเหตุบางอย่าง”
เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ใบหน้าของน้ำตาลก็อ่อนลงอย่างมาก และดวงตาของเธอเป็นสัญญาณบอกให้เธอเล่าต่อไป
“แม้เวลาจะเร่งรีบ แต่ฉันก็ยังสามารถส่งตัวอย่างที่ดีกว่าได้ การส่งตัวอย่างทั้งสองแบบอยู่ห่างกันเพียงวันเดียว แต่คุณภาพต่างกันมากขนาดนี้ ไม่สงสัยบ้างหรอกคะจะมีความเข้าใจผิดกันหรือเปล่า?”
น้ำตาลมองตรงมาที่เธอ ถามอย่างเยาะเย้ย “คุณหมายถึงมีคนจงใจส่งตัวอย่างนั้นมาหรอ?”
“ใช่ค่ะ!” เธอตอบอย่างจริงจัง
“โอเค ถ้าคุณสามารถแสดงหลักฐานได้ ฉันจะพิจารณาให้ความร่วมมือกับคุณอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะหาหลักฐานมาได้ ฉันไม่อยากจะเจอหน้าคุณอีก และโปรดอย่ามารบกวนที่การทำงานของฉันด้วยค่ะ”
น้ำตาลพูดเสร็จ ก็ผลักญาธิดาออกไปแล้วขึ้นลิฟต์โดยตรงด้วยท่าทางหงุดหงิด
ลมพัดแรงภายนอกอาคารออฟฟิศ รถยนต์ขับผ่านไปอย่างรวดเร็วบนถนน หิมะผสมกับน้ำฝนที่เย็นจัดตกลงมา เสื้อผ้าของเธอก็เปียกไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าแดงก่ำเมื่อโดนลมหนาว
มายบัคที่คุ้นเคยหยุดตรงหน้าเธอ กระจกรถค่อยๆ เลื่อนลงมา ภวินท์มองมาที่เธอด้วยใบหน้ามืดมน “ขึ้นรถ”
ญาธิดาสะดุ้ง แล้วรีบขึ้นรถอย่างรวดเร็ว บนรถอุ่นมาก แต่เธอก็หยุดสั่นไม่ได้
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่บอกผม” ภวินท์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณอยากจะปิดบังผมนานแค่ไหน?”
ญาธิดาเหลือบมองเขาด้วยความรู้สึกผิด และพึมพำด้วยเสียงต่ำ “นี่เป็นงานที่สำคัญที่สุดของสตูดิโอในปีนี้ ฉันอยากพยายามทำด้วยตัวเอง ไม่อยากขอความช่วยภายนอก”
ริมฝีปากบางของภวินท์ขยับเล็กน้อย มือใหญ่ของเขาก็จับที่ศีรษะของภรรยาเบา ๆ ถูผมของเธอไปมาและตอบอย่างเรียบๆ ว่า “นี่ไม่ใช่ความพยายาม คุณหน่ะอวดเก่ง”
เธอหดคอเล็กน้อย ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของคนเป็นสามี แต่โต้เถียงด้วยเสียงเล็กๆว่า “คุณน้ำตาลสัญญาว่าจะให้โอกาสฉันอีกครั้ง ตราบใดที่ฉันสามารถแสดงหลักฐานได้ก็ถือว่าผ่าน”
“หลักฐานอยู่ที่ไหน” เขาถามเสียงเข้ม “คุณวางแผนที่จะเริ่มการสอบสวนที่ไหน”
ภายในรถตกอยู่ในความเงียบเป็นเวลานานอีกครั้ง และในไม่ช้ารถก็หยุดที่ทางเข้าลานบ้าน
อีธานนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และพิมพ์คีย์บอร์ดต่อไป เมื่อเห็นคนสองคนเข้ามาในห้อง เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงน่ารักว่า “พ่อครับ ผมหาข้อมูลเกือบเสร็จแล้ว พ่อชมผมหน่อยได้ไหมครับ”
ภวินท์เหลือบมองญาธิดาและพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ว่า “มันไม่เกี่ยวกับผมลูกเป็นคนช่วยเอง หากคุณต้องการแก้ปัญหาด้วยความสามารถของตนเอง ฉันจะไม่เข้าไปยุ่ง”
ญาธิดาพยักหน้าและมองดูเขาอย่างซาบซึ้ง จากนั้นจึงเดินไปที่ด้านข้างของอีธานอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเนื้อหาที่หนาแน่นบนคอมพิวเตอร์ เธอเกือบจะตะลึงไปเละ ชี้ไปที่หน้าจอและถามด้วยความประหลาดใจ “ลูกเป็นคนสืบมาทั้งหมดหรอ”
อีธานพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ หยิบกระดาษสองสามแผ่นจากเครื่องพิมพ์บนโต๊ะแล้วยื่นให้เธอ “สิ่งเหล่านี้จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของแม่เอง”
เนื้อหาในกระดาษคือ IP ที่ส่งอีเมลและหลักฐานในการถอดรหัสไฟร์วอลล์เพื่อขโมยบัญชีอีเมล นอกจากนี้ยังมีแผนภาพการทำงานหลายแบบที่เธอไม่เข้าใจเนื้อหา สรุปคือ ตัวอย่างที่บกพร่องไม่ได้ทำโดย IP ของเมืองที่พวกเขาอยู่
สายตาของเธอฉายแววตื่นเต้น
ด้วยหลักฐานนี้ เธอก็มีโอกาสกลับไปทำงานกับPop Animationอีกครั้ง
อีธานมองเธออย่างภูมิใจ “แม่ ไปอาบน้ำอุ่นๆจะได้สบายตัว แล้วลงมาทานข้าว ผมหิวมากเลยครับ”
เมื่อมองดูแผ่นหลังเธอที่เดินออกไป สีหน้าของภวินท์ก็นิ่งขรึม
อีธานเอียงศีรษะ มองเขาอย่างงงๆ แล้วถามว่า “พ่อทำเพื่อแม่มามากแล้ว ทำไมพ่อถึงไม่อยากให้แม่รู้ล่ะครับ?”
เขาไม่ตอบ แต่เดินไปที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ช้าๆ ลูบหัวเล็กๆ ของอีธานแล้วถามว่า “พบสิ่งอื่นอีกไหม”
อีธานพยักหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ จางหายลง แทนที่ด้วยความจริงจังที่ไม่เข้ากับอายุของเด็ก “คนที่ทำน่าจะถูกจ้างมา และวิธีการก็ฉลาดมาก ผมขอให้ลุงจรณ์ช่วยสืบด้วยครับ”
ขนาดพูดเขาก็หันจอคอมพิวเตอร์ไป
ภาพเหมือนเป็นวิดีโอกล้องวงจรปิด แม้จะคลุมเครือมาก แต่ก็ไม่ยากที่จะเห็นว่ามีผู้หญิงที่แต่งตัวมิดชิดคนหนึ่งอยู่ข้างใน
“นี่คือคนที่ว่าจ้าง แต่บันทึกการขึ้นเครื่องถูกลบไปแล้ว ไม่มีทางรู้ว่าเธอเป็นใครครับ”
เมื่อมองดูผู้หญิงในหน้าจอคอมพิวเตอร์ ภวินท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนว่าเขาเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง แต่สักพักหนึ่ง แต่ก็จำไม่ได้ว่าเธอเป็นใคร
“ลุงจรณ์บอกว่าผู้หญิงคนนี้อาจเคยเรียนเรื่องการต่อต้านการลาดตระเวนมาก่อน และเธอก็ระมัดระวังมาก ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่เธอจ้างมาไม่ระวังพอและทิ้งช่องโหว่ไว้ เราอาจจะไม่พบอะไรเลย”
ความสามารถในการต่อต้านการลาดตระเวน?
ชยินหรือว่าคนของสิงโต? หรือศัตรูอื่น ๆ ? ทำไมถึงเลือกลงมือกับสตูดิโอของธิดา?
ความหนาวเย็นในดวงตาของภวินท์ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ …