ดวงใจภวินท์ - บทที่ 772 ประชุมผู้ปกครอง
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เธอปรากฏตัวอีกครั้งที่Pop Animation พร้อมหลักฐานที่เธอพบเจอ
ความอดทนของน้ำตาลหมดลง มองไปที่เธอและถามอย่างเฉียบขาดว่า “ถ้าคุณธิดามีเวลามาคุยกับฉัน ทำไมคุณไม่ลองกลับไปคิดดูว่าจะทำยังไงให้งานออกมาดีกว่านี้”
ญาธิดาก็ไม่ใจร้อน และเรียงหลักฐานบนโต๊ะด้วยสีหน้าจริงจัง
“นี่คือหลักฐานที่ฉันสัญญาว่าจะส่งให้คุณ เหตุการณ์ครั้งนี้เต็มไปด้วยความผิดปกติ หวังว่าทางคุณน้ำตาลจะตรวจสอบอีกรอบ และค่อยพิจารณาว่ายังจะอยากร่วมมือกับTIDA Studioหรือไม่”
ผู้หญิงกวาดเอกสารลงกับพื้นและมองเธออย่างเฉยเมย “ฉันไม่มีเวลามาตรวจสอบสิ่งเหล่านี้ แม้ว่าจะมีความเข้าใจผิด มันก็เป็นปัญหาของคุณ ฉันจะไม่ชดใช้ความผิดของคุณ”
ญาธิดาเม้มริมฝีปากโดยไม่พูดอะไร ย่อตัวลงนั่งยองๆ กับพื้น จัดเอกสารบนพื้นให้เรียบร้อย ห้องทำงานก็ตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ
เมื่อเห็นการกระทำของเธอเช่นนี้ ดวงตาของผู้อำนวยการก็ฉายแววสงสารเล็กน้อย และในที่สุดก็ส่ายหัวอย่างจำใจ
“คุณน้ำตาล ฉันเลือกเส้นทางนี้ไม่ใช่เพราะว่ามันทำกำไรได้มากแค่ไหน แต่ฉันทำด้วยความจริงใจและความรัก ความตั้งใจดั้งเดิมของฉันก็เหมือนกับของคุณ เราทุกคนต้องการหาแสงสว่างในอนาคตที่มองไม่เห็น หวังว่าคุณจะพิจารณาเรื่องนี้อีกรอบนะคะ”
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็วางเอกสารลงบนโต๊ะ โค้งคำนับไปทางน้ำตาลอย่างจริงใจ สายตาของเธอแฝงไปด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
แววตาของผู้หญิงมีความลังเลเล็กน้อย สายตาของเขาค่อย ๆมองไปที่เอกสาร จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมองไปที่แผ่นหลังที่ดูอ้างว้างและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “เราพอใจกับตัวอย่างครั้งนี้มาก งานที่เหลือเดี๋ยวจะมีคนติดต่อกับผู้ช่วยของคุณ”
ฝีเท้าของญาธิดาหยุดกะทันหัน และในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ เธอมองไปที่ผู้ชายอย่างมั่นใจและตอบว่า “คุณตุนห์วางใจได้ คราวนี้ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอีกแน่นอน”
บัญชีอทางการของPop Animation ได้ลบเนื้อหาที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็วและโพสต์ตัวอย่างและหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความสามารถของTIDA Studio ในเวลาเดียวกันก็ได้ชี้แจงว่าจะยังมีความร่วมมืออีกในอนาคต และฝากทุกคนติดตามผลงานด้วย
ในห้องนอนเล็กของทาวน์เฮ้าส์ นพเก้าจ้องไปที่เนื้อหาบนโทรศัพท์ด้วยท่าทางขมขื่นและทุบแก้วน้ำลงพื้นจนแตกกระจาย
เดิมทีเธอคิดว่าเธอจะสามารถทำลายสตูดิโอของญาธิดาได้ในครั้งนี้ แต่เธอไม่คิดว่าPop Animationจะเปลี่ยนใจรวดเร็วขนาดนี้ และถึงกับบอกว่าจะทำงานกับผู้หญิงต่ำคนนั้นต่อไป
เรื่องเล็กแค่นี้ยังทำไม่ได้ ในสายตาของวีริศเธอต้องไม่มีค่าอะไรเลย และทุกอย่างที่เธอวางแผนมาก็สูญเปล่า หากปราศจากการสนับสนุนของวีริศเธอจะทำอย่างไรกับผู้หญิงคนนั้นได้!
“เก้า…” น้ำเสียงไม่พอใจของจีรวรรณดังขึ้น
เธอรีบปรับอารมณ์ของเธอ เปิดประตูและลงไปชั้นล่าง มองไปยังจีรวรรณด้วยรอยยิ้มที่ประจบสอพลอ “คุณผู้หญิง”
จีรวรรณเหลือบมองเธอด้วยความไม่พอใจ และตำหนิอย่างหัวเสีย “ช่วงนี้เธอเป็นอะไรห๊า ทำงานก็ไม่ดี ไม่รู้หายหัวไปไหนทั้งวัน ถ้าเธอยังอู้งานอีก ก็รีบเก็บกระเป๋าไสหัวออกไปซะ”
นพเก้าหลับตาลงเล็กน้อย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ผู้หญิงโง่ที่อยู่ตรงหน้าไม่รู้ไปโกรธอะไรมา กลับมาก็วีนแตก ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้เธอไม่มีที่ไป คงไม่ทนอยู่ที่นี่หรอก
ชีวิตปัจจุบันของเธอ การทรมานทั้งหมดที่เธอได้รับ ก็เพราะญาธิดานังชั้นต่ำคนนั้น!
เมื่อเห็นว่าเธอไม่พูดกับเธอ จีรวรรณก็โกรธมากขึ้น และก้าวไปข้างหน้าทันทีและตะโกนว่า“ได้ยินที่ฉันพูดกับเธอไหม เธอยังต้องการทำอยู่ไหม!”
นพเก้าแอบกำหมัดแน่น และเมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้งก็ทำหน้าประจบพูดอย่างเชื่อฟังว่า “เป็นความผิดของฉันเองค่ะคุณผู้หญิง ฉันจะทำอาหารอร่อยๆให้ทานนะคะ”
“ไม่ต้อง เธอเป็นสาวบ้านนอก ฉันกลัวเสียของ”
จีรวรรณจ้องเธอด้วยความรังเกียจและสั่งอย่างเย็นชาว่า “วันนี้โรงเรียนน้องพอลมีประชุมผู้ปกครอง เธอไปร่วมประชุมแทนฉันก็แล้วกัน ไปโรงเรียนต้องบอกครูว่าฉันไปไม่ได้ต้องไปออกงานสังคม บอกครูว่าเธอเป็นพี่เลี้ยงของน้องพอลก็พอ”
นพเก้าหัวเราะเยาะในใจเมื่อได้ยินที่จีรวรรณพูด แต่ยังตอบรับอย่างเชื่อฟังและเก็บสีหน้าไว้ดี
ไม่ต้องบอกก้รู้ว่าเธอไม่กล้าไปเผชิญหน้ากับญาธิดาที่โรงเรียน ดังนั้นเธอจึงคิดหาข้ออ้างที่ดูดี พอคิดว่าต้องร่วมประชุมกับญาธิดาในฐานะพี่เลี้ยง ความโกรธของเธอก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ภาคการศึกษาเทอมนี้จะจบลงในเร็วๆ นี้ วันปีใหม่ใกล้เข้ามาทุกที และการประชุมผู้ปกครองก็จัดขึ้นตามกำหนดเช่นกัน
ต้นกล้าซบอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายคนหนึ่ง จ้องมองไปที่กระดานแสดงผลของโรงเรียนที่ว่างเปล่า และพึมพำกับตัวเองว่า “แม่…”
ผู้ชายที่อยู่ในสูทเรียบง่าย สวมแว่นตากรอบทองบนใบหน้าคมเข้มดูสุภาพ
เมื่อเขาได้ยินเสียงของต้นกล้า สีหน้าเด็กดูเหงาเล็กน้อย แต่เขาก็ประหลาดใจมาก
เขาไม่ค่อยได้ยินต้นกล้าพูด และเสียงเรียกพ่อก็นับครั้งได้ แต่ทุกครั้งที่เขามารับต้นกล้าจากโรงเรียน ต้นกล้าจะมองที่กระดานและเรียก“แม่”เสมอ ไม่ว่าเนื้อหาบนกระดานจะอะไร
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความหมายของ “แม่” ปรากฏในชีวิตของต้นกล้าตั้งแต่เมื่อไร
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะที่อ่อนโยนของหญิงสาวก็ดังขึ้นมาแต่ไกล และยังมีเสียงพูดคุยของเด็กๆ ต้นกล้าซึ่งเดิมอยู่ในอ้อมแขนของเขาเงียบๆก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขายังคงบิดตัวไปมาและเรียกแม่ไม่หยุด
เขายื่นมือเล็ก ๆขึ้นไปในอากาศ จับบางสิ่งอย่างไร้จุดหมาย แต่รูม่านตาของเขาเริ่มค่อยๆ จดจ่อ
ผู้ชายหันกลับมามองตามสายตาของต้นกล้า ญาธิดาที่ได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ สบเข้ากับสายตาของผู้ชายพอดี
“ต้นกล้า!” อีธานเอลล่ารีบไปหาชายคนนั้น ทักทายชายคนนั้นอย่างน่ารักก่อน แล้วจึงถามเขาว่าเล่นกับต้นกล้าได้หรือไม่
ผู้ชายมองไปที่ต้นกล้าที่มีสีหน้าสดใส และแสงสว่างในดวงตาของด็กน้อยก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หลังจากตอบตลงเขาก็วางต้นกล้าลงบนพื้นและอดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะของอีธานและเอลล่าอย่างเอ็นดู
เสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังขึ้นอย่างรวดเร็วบนสนามเด็กเล่นที่เต็มไปด้วยหิมะ ต้นกล้าเดินตามเด็กสองคนและแสดงรอยยิ้มที่หายากบนใบหน้าที่อ่อนโยนของเขา
“ผมนิธิศครับ เป็นพ่อของต้นกล้า ” ชายคนนั้นท่าทางสง่างามสุภาพและเอื้อมมือไปหาญาธิดา “ขอบคุณมากที่ลูกของคุณยอมรับต้นกล้า คุณเป็นแม่ที่ยอดเยี่ยมมาก”
ทั้งสองจับมือกัน ญาธิดายิ้มอย่างเกื้อเขินเล็กน้อย “ฉันรู้สึกยินดีที่ได้ช่วยคุณดูแลต้นกล้าและขอขอบคุณที่ไว้วางใจฉันและอีธานเอลล่าค่ะ”
นิธิศผายมือ และทั้งสองก็เดินตามรอยเท้าของเด็กๆ ในสนามเด็กเล่น
“มันไม่ง่ายนะครับที่จะได้ยินต้นกล้าพูด และผมไม่เคยได้ยินเขาเรียกแม่มาก่อนเลย” รอยยิ้มของเขาขมขื่นเล็กน้อย “ผมคิดว่าผมจะไม่วันได้ยินมัน”
ญาธิดาฟังเขาพูด และสายตาเธอก็จับจ้องไปที่ต้นกล้า และเกิดความรู้สึกสงสารในใจ “แม่ของต้นกล้า…”
“คุณน่าจะรู้อาการของต้นกล้าด้วย แม่ของต้นกล้าเสียชีวิตระหว่างการคลอดบุตร ผมพาน้องไปหาหมอที่มีชื่อเสียงมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศมาบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เห็นผลเลย”นิธิศถอนหายใจเบา ๆ
“ดูเหมือนว่าต้นกล้าจะชอบคุณมาก คุณเป็นคนพิเศษของเขา และมันก็หายากที่จะพบคนที่ไม่รังเกียจต้นกล้า”
ญาธิดาอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงพูด และรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็กว้างขึ้น “ต้นกล้าน่ารักขนาดนี้ ฉันหน่ะก็เอ็นดูน้องมาก”