ดวงใจภวินท์ - บทที่ 773 ร่วมมือกับการรักษา
นิธิศมองไปที่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ ความรู้สึกอบอุ่นค่อยๆ ปรากฏขึ้นในหัวใจของเขา และใบหน้าคมเข้มก็เผยรอยยิ้มออกมา “คุณดูไม่เหมือนแม่ของเด็กคนอื่นๆ…”
“หือ?” ญาธิดาไม่เข้าใจความหมายคำพูดของเขาในชั่วขณะหนึ่ง
นิธิศส่ายหัวอย่างยิ้มๆ และทันใดนั้นก็เอื้อมมือออกไปหาเธอ
“คุณ…”
ญาธิดาหลบโดยไม่รู้ตัว แต่การเคลื่นไหวก็ถูกหยุดโดยการกระทำที่อ่อนโยนของผู้ชาย เขาไม่ได้สัมผัสเธอ มือข้างหนึ่งจับไปที่หลังศีรษะของเธอ ทิ้งระยะห่างไว้
ในวินาทีต่อมา เธอก็เห็นใบไม้เหลืองใบหนึ่งก็ติดอยู่ระหว่างนิ้วของเขา
“เมื่อกี๊คุณพูดว่าอะไรนะ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายังคงดูสุภาพและอบอุ่น ปราศจากสิ่งเจือปนใดๆ แต่กลับทำให้ญาธิดาเขินอายเล็กน้อย เธอคิดว่าชายผู้นี้…
“คุณนิดควรใช้เวลากับต้นกล้ามากกว่านี้ ฉันเห็นน้องอยู่คนเดียวในกิจกรรมพ่อแม่ลูกครั้งก่อน และดูค่อนข้างเหงา” เธอรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
เมื่อได้ยินดังนั้น นิธิศดูลำบากใจเล็กน้อย “คุณธิดา ผมมีคำขออย่างหนึ่งที่เกี่ยวกับต้นกล้า ไม่รู้ว่าคุณจะตกลงได้ไหม”
ความงงงวยในดวงตาของญาธิดานั้นหายวับไป จากนั้นเธอก็พยักหน้าทันทีโดยไม่ลังเล
ความประหลาดใจแวบวาบในดวงตาของนิธิศ ราวกับว่าเขาไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะรับปากอย่างง่ายดาย “ผมไม่อยากปล่อยต้นกล้าเป็นแบบนี้ ในเมื่อคุณสามารถเปลี่ยนแปลงเขาได้ ผมอยากขอให้คุณมาร่วมมือกับผมเพื่อรักษาอาการของต้นกล้าด้วยกัน”
เมื่อเธอได้ยินที่ผู้ชายพูด ดวงตาที่ว่างเปล่าของต้นกล้าก็วับผ่านในใจของเธอทันที และความรู้สึกสงสารในใจก็เพิ่มมากขึ้น และเธอตอบเบาๆ ว่า “ถ้าต้นกล้าสามารถรักษาให้หายขาดได้จริง ๆ ฉันจะพยายามให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่”
นิธิศถอนหายใจด้วยความโล่งอกและมองดูเธออย่างอ่อนโยน “ผมไม่รู้จะขอบคุณคุณยังไงจริงๆ ผมขอเลี้ยงข้าวคุณเป็นการตอบแทนนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” เธอรีบโบกมือปฏิเสธ
“ต้นกล้ายังไม่เคยไปทานข้าวร้านอาหารข้างนอกเลย ผมกำลังคิดว่า…” นิธิศดูเหมือนเขาลังเลที่จะพูด สีหน้าผิดหวังชัดเจน “ขอโทษที่เสียมารยาทครับ…”
ญาธิดารู้สึกปฏิเสธไม่ลงเมื่อเห็นสีหน้าของเขา ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วตอบด้วยเสียงหัวเราะ “วันหลังฉันกับสามีจะชวนต้นกล้ามาทานมื้อเย็นที่บ้าน เขาก็ชอบต้นกล้ามากด้วย”
ทันทีที่เธอพูดจบ ภายใต้แว่นตากรอบทองนั้นมีความเย็นชาวับผ่าน แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายังคงอบอุ่น “ถ้าอย่างนั้นผมขอรบกวนพวกคุณด้วยครับ”
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีสายตาพิฆาตกำลังจ้องมองไปทางคนทั้งสองอยู่ไม่ไกล
ศัพท์ได้ยกขึ้นและวางลง นพเก้ามองไปที่ภาพถ่ายบนหน้าจอ รอยยิ้มอันน่าสยดสยองปรากฏขึ้นที่มุมปาก เธอกดส่งรูปไปยังหมายเลขหนึ่งที่จำได้ขึ้นใจทันที
ในภาพ ญาธิดาและนิธิศมองหน้ากัน ทั้งสองคนรอยให้กัน พวกเขาดูเขกันมาก
ห้องทำงานที่กว้างเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าขนลุก และอุณหภูมิก็ลดลงทันที ดวงตาของภวินท์มืดมน เขาโยนโทรศัพท์ไปที่พายุและสั่งอย่างเย็นชาว่า “ไปตรวจสอบ”
สีหน้าพายุเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาได้เห็นรูปภาพ เขาพยักหน้าและออกไปพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ ไม่ช้าก็กลับมาที่สำนักงานอย่างรวดเร็วพร้อมกับข้อมูลที่เขาสืบได้
“คุณภวินท์ครับ ผมหาข้อมูลผู้ชายที่ในรูปนี้มาได้ไม่มากนัก แค่รู้ว่าลูกของเขาชื่อต้นกล้า ผู้ชายคนนี้เป็นพ่อของต้นกล้า วึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นของคุณหนูทั้งสอง วันนี้เป็นวันที่โรงเรียนเด็กจัดประชุมผู้ปกครอง คุณนายกับชายผู้นี้น่าจะได้พบกันโดยบังเอิญ”
ต้นกล้า…
แววตาของเขาเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ปลายนิ้วจับปากกาแน่นขึ้นเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นและถามว่า “ที่มาของภาพล่ะ”
พายุหยุดไปชั่วคราว “เป็นการโทรทางอินเทอร์เน็ต และอีกฝ่ายดูเหมือนจะจงใจปกปิดตัวตน ไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ ดังนั้นยังไม่พบแหล่งที่มาครับ”
ภวินท์กวาดสายตาไปทางเขาอย่างเคร่งขรึมราว เขาก้มศีรษะทันทีและกล่าวด้วยความเคารพ “ขอโทษครับที่ผมทำงานไม่ดี”
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับนาย คอยติดตามต่อไป” เสียงนั้นเงียบลง และห้องทำงานก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ภวินท์มองไปที่รูปถ่ายอย่างเย็นชา
ฝ่ายตรงข้ามมีความสามารถในการต่อต้านการสอดแนมที่แข็งแกร่งซึ่งกำลังแอบซ่อนอยู่รอบตัวธิดา และคนนั้นกำลังติดตามทุกย่างก้าวของธิดาอยู่ จุดประสงค์ของบุคคลนี้คืออะไร…
จนกระทั่งกลิ่นหอมของอาหารลอยออกมาจากครัว ญาธิดาก็พาอีธานเอลล่ากลับไปที่บ้านพัก ทันทีที่เธอเข้าประตู เธอรู้สึกว่าบรรยากาศที่บ้านค่อนข้างแปลก
ป้าจันทร์แขวนเสื้อผ้าให้เธอ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล “หลังจากที่คุณผู้ชายกลับมาก็ตรงไปที่ห้องอ่านหนังสือเลยค่ะ คุณผู้หญิงจะไปดูหน่อยไหม”
ดวงตาของญาธิดาฉายแววสงสัย เธอผลักประตูและเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับอาหารที่คุณป้าเตรียมไว้ ในหน้าหนาวที่หิมะตกหนัก เครื่องปรับอากาศก็ยังทำงานอยู่ เธออดไม่ได้ที่จะสั่นเทาและถามด้วยความกังวลว่า “บริษัทมีเรื่องอะไรเหรอ ?”
ภวินท์ไม่ตอบคำพูดของเธอ เพียงแค่จ้องไปที่เธออย่างเฉยเมย
เธอรู้สึกอึดอัดเมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาแบบนั้น เธออดไม่ได้ที่จะเดินไปข้างหน้า และก่อนที่เธอจะหยุดลง ข้อมือเล็กก็ถุกกระชับ และวินาทีต่อมาเธอก็ตกลงสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นของผู้ชาย
ญาธิดาไม่ทันตั้งตัวว่ามันเกิดอะไรขึ้น ริมฝีปากที่เยือกเย็นได้กดทับลงมาแล้ว และค่อยๆ ลุกเป็นไฟจนทนไม่ไหว การช่วงชิงก็ได้เกิดขึ้น
เสียงอู้อี้เบาๆได้ดังขึ้น มือเล็กๆ ของเธอค่อย ๆ จับที่หน้าอกแน่นของผู้ชายตรงหน้า
อุณหภูมิในห้องค่อยๆสูงขึ้น เธอหอบเหนื่อยและนั่งอยู่ในอ้อมแขนของภวินท์ และบ่นเบาๆว่า “ป้าบอกว่าคุณยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย เกิดอะไรขึ้น?”
“มีเรื่องเล็กน้อยหน่ะ”เขาตอบด้วยเสียงเย็นแล้วทำเหมือนไม่ใส่ใจและถามต่อ “ทำไมคุณกลับมาช้าจัง”
เธอยิ้มเบา ๆ และบอกภวินท์ว่าเกิดอะไรขึ้นในโรงเรียน เมื่อเธอพูดถึงการรักษาของต้นกล้า ดวงตาของเธอยังคงเปร่งประกาย
“คุณเป็นห่วงเด็กคนนั้นเหรอ” ดวงตาของเขามืดลงเล็กน้อยและมีความไม่พอใจในน้ำเสียง เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงในท่าทางของสามี รอยยิ้มของญาธิดาก็หยุดชะงักไป และเธอตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า
“ทำไมคุณไม่เห็นอกเห็นใจบ้างล่ะ คุณเข้าใจความรู้สึกของฉันที่ในฐานะแม่จริงๆ ไหม?”
“คุณไม่สามารถแทนที่บทบาทของแม่เขาได้” เขาตอบอย่างเฉยเมย
เมื่อญาธิดาได้ยินน้ำเสียงเช่นนั้น คิ้วของนางก็ขมวดเข้าหากันราวกับกำลังมองดูคนแปลกหน้า “คุณเคยเจอต้นกล้า เขาอายุพอๆ กับอีธาน เอลล่า และน่าจะมีวัยเด็กที่ปกติเหมือนเด็กทั่วไป แต่ไม่ใช่แบบนี้”
เธอรู้สึกถึงความเยือกเย็นในใจ มือของเธอกำชายเสื้อโดยไม่รู้ตัว เหมือนทั้งสองคนก็เข้ากันได้อย่างกลมกลืนจนเธอค่อยๆ ลืมไปว่าภวินท์ไม่ใช่คนใจอ่อนและไม่มีความรู้สึกมากเกินไป
ภวินท์หันไปยิ้มให้อย่างจนใจและถามกลับ “คุณคิดว่าความสามารถของคุณสูงกว่าแพทย์มืออาชีพหรือ”
ญาธิดาไม่มีทางที่จะหักล้าง แต่เธอไม่สามารถยอมรับทัศนคติของเขาได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างดื้อรั้น “คุณพูดถูก แต่ฉันจะทำให้ดีที่สุด”
ห้องตกอยู่ในความเงียบนอึดใจเดียว เธอมองอย่างเงียบ ๆ ที่ดวงตาลึกซึ้งของผู้ชาย หัวใจถูกเหมือนถูกบีบจนหายใจลำบาก
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เม้มริมฝีปากบางๆและตอบช้า ๆ “ระวังตัวด้วย”
“คุณ…” ญาธิดาตะลึงเป็นเวลาสองวินาที รอยยิ้มที่อ่อนโยนค่อยๆ กระจายบนใบหน้าของเธอ และในที่สุดเธอก็รีบวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของภวินท์ด้วยความดีใจ