ดวงใจภวินท์ - บทที่ 775 สุนัขที่กัดคน
ทันทีที่วันหยุดฤดูหนาวเริ่มต้น พี่โอ๊ตก็รีบมาหาพร้อมกับรอยยิ้มที่ตื่นเต้นบนใบหน้า “ธิดา โอกาสในการทำเงินมาแล้ว ลองพิจารณาหน่อยไหม?”
อีธานและเอลล่าวิ่งไปข้างหน้าทันทีที่เมื่อเห็นโอ๊ตมา กอดต้นขาของเขาคนละข้าง และทักทายอย่างน่ารักว่า “ลุงโอ๊ตสวัสดีครับ/ค่ะ ”
“ลุงโอ๊ตหาสคริปต์ใหม่ให้เราอีกแล้วหรอ”
“คราวนี้เราจะไปถ่ายที่ไหน ยังทำงานกํบกับUncle Leeรึเปล่า”
เด็กสองคนพูดคุยกันไม่หยุดและยินดีต้อนรับเขามาก เพราะพวกเขาต้องทำการบ้านที่น่าเบื่ออยู่บ้านทุกวัน
ญาธิดาก้าวไปข้างหน้าแล้วดึงพวกเขาออกไป ตำหนิอย่างไม่จริงจังว่า “ข้างนอกมันหนาวมาก จะไปถ่ายอะไรกัน พวกลูกแค่อยู่บ้านเฉยๆ และไม่ต้องไปไหน”
อีธานและเอลล่าทำปากจู๋ และมองดูเธออย่างงอลๆ
โอ๊ตยิ้มอย่างเจ้าเลห์ โน้มตัวไปหาเธอแล้วพูดว่า “ธิดา นี่เป็นความผิดของเธอเลยนะ เธอกำลังดับความฝันการแสดงของเด็ก ๆ ”
ญาธิดาอดไม่ได้ที่จะกลอกตา มองมาที่เขาด้วยท่าทางรังเกียจและบ่นว่า “พี่ก็ข่าวไวเชียวนะ รู้ข่าววันหยุดของอีธานและเอลล่าเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ใครอยากพลาดโอกาสในการทำเงินเลาะ”พี่โอ๊ตท่าทางมั่นใจ “อีกอย่าง พี่ก็ทำเพื่อความฝันของเด็กๆ ด้วย”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ขยิบตาให้เอลล่าและอีธาน และเอลล่าก็รีบพยักหน้าเห็นด้วยกับเขา
ญาธิดาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และแบมือออกไปหาเขา “แล้วสัญญาล่ะ ขอดูก่อน”
เขารีบเอาสัญญาออก ยื่นให้ด้วยท่าทางประจบมาก และอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “พี่รู้ว่าเธอไม่อยากให้ลูกลำบาก คราวนี้ไม่มีฉากเอาท์ดอร์ พี่เลยทำสัญญาพิเศษให้ พวกเขาอยู่ข้างในโรงถ่ายเท่านั้น อย่าหาว่าพี่ไม่ดูแลเธอ”
“พี่ยังจะมีหน้ามาพูดอีก”
เมื่อฟังคำบ่นของเธอ พี่โอ๊ตก็ปิดปากทันทีและมองดูเธออย่างคาดหวัง
สัญญาที่เขารับช่วงนี้เป็นสัญญาโฆษณา เป็นแบรนด์เสื้อผ้าเด็กที่มีชื่อเสียง ถือเป็นแบรนด์ชั้นนำในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าเด็ก และถ่ายทำในสตูดิโอทั้งหมด ไม่มีการถ่ายเอาท์ดอร์ใดๆ
ญาธิดามีสีหน้าลังเลเล็กน้อย เมื่อคิดได้เธอจึงวางสัญญาลงและพูดอย่างเรียบๆว่า “โฆษณานี้ต้องถ่ายทั้งหมด7ชุด ซึ่งไม่เสร็จในหนึ่งหรือสองวันแน่ๆ จะสิ้นปีแล้ว สำหรับเด็กงานมันมากเกินไป”
“ฝ่ายนั้นขอมา12ชุด พี่ให้ก็ต่อรองไปเหลือแค่7ชุด…”
พี่โอ๊ตมองเธอด้วยท่าทางลำบากใจและเหมือนจะร้องไห้ “ธิดา พี่รู้ว่าเธอไม่ได้ขาดเงิน แต่พี่หน่ะยากจน และตรุษจีนกำลังใกล้เข้ามาแล้ว เธอจะทนดูพี่อดอยากได้อย่างไรกัน เฮอๆ ”
ญาธิดารู้สึกขบขันกับการแสดงออกของเขา จากนั้นมองไปที่อีธานและเอลล่าที่สีหน้าคาดหวัง และในที่สุดเธอก็พยักหน้า “งั้นก็รบกวนพี่โอ๊ตไปจัดการเรื่องนี้ก็แล้วกัน”
“พี่รู้ว่าเธอต้องตกลง พี่เอาสัญญาทั้งหมดมาให้แล้ว ตอนนี้เราสามารถออกไปเซ็นต์ได้เลย เธอดูว่า…”
ญาธิดาหัวเราะเบาๆ หลังจากนั้นก็ตามพี่โอ๊ตออกไปพบกับผู้จัดการทางแบรนด์ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้ต่อรองอะไรกันมาก และกระบวนการก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก
ในขณะนี้นพเก้ากำลังนั่งอยู่ในสำนักงานของคลาวด์ และวีริศได้จัดเตรียมทุกอย่างให้เธอแล้ว
เมื่อเธอมารายงานตัว อันที่จริงเธอมาเป็นผู้อำนวยการในนามเท่านั้น และในปกติ เธอก็แค่ทำงานง่ายๆที่ไม่ได้สำคัญอะไรไปวันๆ
วีริศยังหาผู้ช่วยที่เจ้าแผนการให้เธอ ปากบอกว่าว่าเป็นผู้ช่วยสำหรับเธอโดยเฉพาะ แต่จริงๆ แล้วเป็นไส้ศึกคอยจับตามองเธอ
เธอกำลังคิดว่าจะกำจัดแตงโมคนนี้ยังไง แตงโมก็ผลักประตูเข้ามาด้วยใบหน้าที่สงบ
เธออดรู้สึกร้อนรนเล็กน้อยไม่ได้ และความโกรธของเธอก็เพิ่มขึ้นทันที “เรื่องมารยาทแค่เคาะประตูต้องให้คนสอนไหม”
แตงโมเหลือบมองเธออย่างนิ่งๆ และโยนเอกสารในมือของเธอบนโต๊ะอย่างไม่ไว้หน้า และพูดอย่างเรียบๆ ว่า “นี่คือเอกสารที่คุณท่านให้ฉันเอามาให้คุณ”
“หยุดนะ!”ดวงตาของนพเก้ามืดลงราวกับว่าเขามีความคิดที่ดีกว่าการกำจัด แตงโม และรอยยิ้มที่ดุร้ายก็ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆบนใบหน้าของเธอ
เธอดันเอกสารลงไปที่พื้น ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว แล้วยกมือตบหน้าของแตงโม
แตงโมจ้องไปที่เธอด้วยความโกรธ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และก่อนที่เธอจะพูด ฝ่ามือของนพเก้าก็ตบลงมาอีกครั้ง
รอยนี้วมือใบหน้าแตงโมแดงชัด และหันหน้าไปอีกด้าน
นพเก้ารู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย เธอจ้องที่แตงโมด้วยสีหน้าดูถูกและถามว่า “เธอรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงยืนอยู่ที่นี่ได้ แต่เธอเป็นได้แค่ผู้ช่วยของฉันเท่านั้น”
แตงโมก้มศีรษะลงและนิ่งเงียบ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ในวินาทีต่อมานพเก้าก็จับคางเธอและบังคับให้ดวงตาของทั้งสองคู่จ้องมองกัน
“เพราะฉันมีค่ามากกว่าเธอ ฉันจึงเป็นพาร์ทเนอร์ของคุณวีริศได้ และเธอเป็นแค่ลูกน้องของเขา” นพเก้ารู้สึกมีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ และเตือนอย่างเย็นชาว่า “เธอคิดว่าจุดจบของสุนัขที่กัดเจ้านายจะเป็นยังไง?”
“คุณก็แค่มีคุณค่าของการใช้งานมากกว่าฉันเท่านั้น” แตงโมตอบอย่างขมขื่น
นพเก้าไม่ได้โกรธแต่หัวเราะ ค่อยๆ เข้ามาใกล้หูของเธอและพูดคำต่อคำ “ตอนนี้มูลค่าการใช้งานของเธออยู่ในมือของฉันแล้วถ้าเธอทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก … ”
มันง่ายเกินไปสำหรับเธอที่จะทำให้แตงโมผิดพลาด วีริศจะไม่เก็บขยะไว้ข้างเธอและจุดจบของแตงโมก็ชัดเจน
“คุณขู่ฉันหรอ” แตงโมคำรามอย่างโกรธเคืองด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
นพเก้าพยักหน้าและยอมรับ การคุกคามในสายตาของเธอชัดเจน “ฉันจะให้ทางเลือกสองทางแก่เธอ อย่างแรกคือทำตัวเชื่อฟัง และอย่างที่สองคือออกจากตระกูลกรเวชตลอดไป”
สีหน้าของแตงโมค่อยๆ เปลี่ยนไป และหลังจากเงียบไปชั่วครู่ในห้องทำงาน ในที่สุดเธอก็พูดช้าๆ ว่า “ขอโทษค่ะผู้อำนวยการ แล้วก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ”
นพเก้าพอใจ เธอเอื้อมมือออกไปตบหน้าข้างที่บวมของเธอเบาๆ และพูดอย่างมีชัยว่า “เก็บเอกสารขึ้นมาให้ฉัน”
คราวนี้แตงโมเปลี่ยนทัศนคติก่อนหน้านี้ ก้มลงไปจัดการเอกสารบนพื้น แล้วยื่นเอกสารให้นพเก้าด้วยความเคารพ “คุณท่านพบว่าญาธิดาได้เซ็นสัญญาโฆษณาเสื้อผ้าเด็ก และจะเข้าไปในสตูดิโอในเร็งๆ นี้ ห็คุณเก้าเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า ”
นพเก้าพลิกเอกสารในมืออย่างไม่ตั้งใจ คิดอยู่ครู่หนึ่งและสั่งเสียงเข้ม “ไปตรวจสอบใครรับผิดชอบโฆษณานี้ตอนนี้ ยิ่งเร็วยิ่งดี ต้องติดต่อบุคคลนั้นให้ได้ก่อนการถ่าย ทำงานให้รอบคอบ อย่าให้ถูกจับได้ล่ะ”
แตงโมไม่กล้าแสดงความคิดเห็นใดๆ เพิ่มเติม และพยักหน้าตอบทันที “ฝ่ายคุณท่าน…”
“เธอต้องรู้ว่าเธออยู่ในฝ่างไหน และต้องรายงานวีริศอย่างไร เธอแค่ต้องทำตามความเหมาะสม ฉันไม่เก็บคนไร้ประโยชน์ไว้ข้างตัว
นพเก้ามีรอยยิ้มบูดบึ้งบนใบหน้าของเธอ เธอออกแรงเล็กน้อย และโฟลเดอร์ก็มีรอยแตก และรอยเลือดไหลลงมาตามข้อนิ้วหยดลงไปบนกระดาษพิมพ์
แตงโมออกจากห้องนั้นอย่างรีบร้อน หยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาวีริศ สีหน้าที่สั่นเทาก่อนหน้านี้หายไปในทันที และกลับไปดูชั่วร้ายเหมือนเดิน