ดวงใจภวินท์ - บทที่ 787 เผชิญหน้าตัวต่อตัว
ช่วงเวลาที่ต้นหญ้าเพิ่งจะงอกต้นกล้าออกมา งานแต่งงานของคณินกับอัญรินทร์จัดตามกำหนด
ภวินท์ปรากฏตัวในงานแต่งด้วยชุดสูทสีดำ ญาธิดากำลังช่วยจัดเนกไทรอบคอให้กับเขา
อัญรินทร์เตรียมตัวที่จะเดินเข้าไปในงานนั้นได้เห็นท่าทางของพวกเขาสองคน จึงกลอกตามองบนแล้วกล่าวแขวะอย่างไร้ความปรานี “วันนี้เป็นวันแต่งงานของฉันนะ พวกเธอสองคนมาโชว์สวีทอะไรกัน! ดูพวกเธอสิคู่รักหนุ่มหล่อสาวสวย คนที่ไม่รู้อาจคิดว่าคนที่แต่งงานคือพวกคุณนะ!”
ญาธิดาจัดเนกไทให้ภวินท์เสร็จ ก็เร่งให้เขาไปทำเรื่องของตัวเอง จากนั้นถึงได้หันหลังแล้วกล่าวว่า “หากว่าเธอยังไม่เข้าไปอีก ไม่แน่คณินอาจจะทนความเหงาไม่ได้ แล้วไปเหล่สาวๆ ด้านในงานนะ”
“ลองดูสิ!” อัญรินทร์ขมวดคิ้วทันที
เพลงพิธีวิวาห์ดังขึ้นอย่างช้าๆ ประตูทองคำขาวบริสุทธิ์ค่อยๆ ถูกผลักออก อัญรินทร์รีบยืดหลังตรงแล้วค่อยๆ เดินไปยังพรมแดง คณินเดินมาด้านหน้าจูงมือของเธอไว้ จากนั้นทั้งคู่เดินตามจังหวะตรงไปที่กลางเวที
ญาธิดามองภาพนี้อย่างเงียบๆ แล้วรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้า ในหัวสมองปรากฏภาพงานแต่งงานของเธอกับภวินท์อย่างไม่รู้ตัว
เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางภวินท์ที่อยู่ไม่ไกล กำลังที่จะเตรียมตัวเดินเข้าไปหา ข้างใบหูก็ได้ยินเสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้น
“ธิดา เป็นคุณจริงๆ ด้วย!” นิธิศยกแก้วไวน์แดงเดินมาที่ข้างตัวเธอย่างสง่างาม ในดวงตาซ่อนความดีใจไว้ไม่มิด
ญาธิดาตกใจเล็กน้อย ความไม่อยากจะเชื่อได้ปรากฏบนใบหน้า “คุณมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงคะ”
“คุณคณินกับผมมีการติดต่อทางธุรกิจกันนิดหน่อย เขาเจอคนที่ดี ผมก็ต้องย่อมมาดีใจกับเขาครับ” นิธิศกล่าวอธิบายเบาๆ
“ติดต่อธุรกิจ?” สีหน้าของเธอยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้ จึงกล่าวขึ้นหลังรับรู้ “จริงสิ ยังไม่ได้ถามเลยว่าคุณนิดรับตำแหน่งอะไรอยู่ที่ไหนคะ”
นิธิศก็ไม่ได้ปิดบัง ยกแก้วไวน์ขึ้นแล้วตอบกลับ “เป็นพนักงานทำงานในสำนักงานที่เมือง J เท่านั้น ไม่ใช่ตำแหน่งที่ร่ำรวยอะไรแต่อย่างใด พอดีบริษัทของคุณคณินมีเอกสารบางอย่างที่ต้องยื่นให้หน่วยงานตรวจสอบ ถึงได้รู้จักกันครับ”
ญาธิดาประกายความประหลาดใจที่ใต้ดวงตา ในหัวสมองจู่ๆ ก็หวนนึกถึงคำพูดของอันอันที่เคยพูดไว้
โรงเรียน……
คุณนิด……
หนึ่งในสองยักษ์ใหญ่แห่งเมืองเมือง J !
ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า!
เธอแอบพึมพำในใจ ไม่สามารถมองคนที่ภายนอกจริงๆ
เธอมองดูท่าทางที่มีมารยาทของนิธิศ ยังคิดว่าเขานั้นเกิดในครอบครัวนักวิชาการ ทำงานวรรณกรรมหรือศิลปะเสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนมีชั้นเชิงเช่นกัน
นิธิศไม่ได้สังเกตเธออย่างละเอียดว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่กลับยิ้มและมองเธอแวบหนึ่งจากนั้นกล่าวเบาๆ “ดูแล้วคุณก็เหมือนจะเป็นเพื่อนสนิทของคุณคณินกับคุณอัญรินทร์ด้วย การเป็นเพื่อนเจ้าสาวเป็นงานที่ยากงานหนึ่ง”
ความชื่นชมในดวงตาของเขาไม่ได้ปกปิด “ชุดเดรสนี้สวยมาก แต่ดูไม่เหมาะกับคุณ”
ญาธิดาก้มมองการแต่งตัวของตัวเอง ชุดเพื่อนเจ้าสาวสีชมพูสั้นใส่คู่กับรองเท้าส้นสูง ซึ่งเข้ากับฉากงานแต่งงานและดูไม่เวอร์เกินไป โดยที่ไม่มีการแย่งซีนกล้องจากเจ้าสาวแม้แต่น้อย แล้วมันไม่เหมาะตรงไหนกัน
นิธิศกัดริมฝีปากขึ้นอย่างสง่างาม ถือแก้วไวน์และเขย่าผ่านหน้าเธอไป เมื่อเขายื่นมือออกมาอีกครั้ง สร้อยคอคริสทัลสีชมพูปรากฏขึ้นบนปลายนิ้วที่เห็นข้อนิ้วอย่างชัดเจนของเขา
เธอมองนิธิศอย่างงุนงง มือน้อยๆ จับที่หว่างคออย่างไม่รู้ตัว ถึงได้รู้ว่าบนคอของตัวเองว่างเปล่า
นิธิศกล่าวอธิบายอย่างใจเย็น “ความจริงแล้วตั้งแต่ที่เจอคุณครั้งที่แล้ว ก็อยากจะมอบสิ่งนี้ให้ักบคุณมาโดยตลอด แต่น่าเสียดายไม่มีโอกาสได้เจอคุณ ยังดีที่ผมพกติดตัวตลอดเวลา เป็นโอกาสที่ดีที่ถือวันนี้มอบให้กับคุณ”
สร้อยคอคริสทัลส่องแสงแพรวพราวภายใต้การสะท้อนของแสงไฟ
ญาธิดาถอยหลังสองก้าวอย่างควบคุมไม่ได้ รีบโบกมือปฏิเสธทันทีแล้วกล่าว “คุณนิด ของขวัญชิ้นนี้แพงเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้ค่ะ”
นิธิศเดินมาด้านหน้าตามรอยเท้าของเธอและตอบอย่างนุ่มนวลว่า “นี่เป็นของขวัญที่เตรียมไว้เพื่อขอบคุณที่คุณช่วยดูแลต้นกล้า เป็นต้นกล้าที่เลือกเองกับมือ หากเขารู้ว่าคุณรับของขวัญชิ้นนี้ จะต้องดีใจอย่างมากๆ แน่”
เมื่ออ้างถึงต้นกล้า การต่อต้านของเธอลดลงอย่างเห็นได้ชัด ยังไม่ทันรอให้เอ่ยเสียงขึ้นอีกครั้ง นิธิศก็ได้โอบเธอไว้ในอ้อมแขน และนำสร้อยคอมาใส่ลงบนคอของเธอ
ร่างอันบอบบางของญาธิดาได้แข็งทื่อทันที ในชั่วขณะนั้นจะใส่ก็ไม่ใช่ ไม่หลบก็ไม่เชิง
ในช่วงเวลาของภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เสียงเยือกเย็นของภวินท์จู่ๆ ดังขึ้นข้างใบหูของพวกเขา “พวกคุณทำอะไรกัน”
สร้อยคอถูกสวมแล้ว เธอรีบถอยตัวห่างจากนิธิศสองก้าวแล้วเดินไปหาภวินท์ จากนั้นจับแขนของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ และแนะนำอย่างใจกว้าง “วิน คนนี้คือพ่อของต้นกล้า คุณนิด นิธิศค่ะ”
“ที่แท้คุณคือคุณพ่อของต้นกล้า……”
ในหัวของภวินท์แวบรูปภาพที่เคยได้รับอย่างไม่รู้ตัว มองไปที่ชายตรงหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรึม และค่อยๆ ยื่นมือออกมาในขณะเดียวกัน
ชายหนุ่มสองคนจับมือประสานกันสองมือ ราวกับว่ากำลังหยั่งเชิงจุดอ่อนซึ่งกันและกัน
บรรยากาศโดยรอบเย็นยะเยือก ญาธิดาอดไม่ได้ที่ตัวสั่น จึงรีบก้าวไปด้านหน้าเพื่อจับมือของภวินท์ บังคับให้ทั้งคู่ปล่อยมือ
สายตาของภวินท์ค่อยๆ ตกกระทบมาที่ลำคอของเธอ แล้วกล่าวเสียงเบาๆ “สร้อยคอสวยดีนี่”
ญาธิดาได้ยินดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเล็กน้อย แอบงอนเขาเพื่อสื่อให้เขารู้ว่าอย่าได้ขี้หึงโดยไม่มีเหตุผล จากนั้นจึงได้กดเสียงต่ำอธิบาย “คุณนิดบอกว่าเป็นของขวัญของต้นกล้า ดังนั้น……”
เธอยังอธิบายไม่ทันจบ เสียงที่นุ่มนวลของอัญรินทร์ก็ดังขึ้นมาจากกลางเวที “ดอกไม้ในวันนี้ฉันอยากจะมอบให้กับคนที่สำคัญคนหนึ่ง เธอชื่อญาธิดา ถ้าหากว่าไม่มีเธอ ก็จะไม่มีงานแต่งงานในวันนี้”
อัญรินทร์กล่าวจบก็กวักมือเรียกมาทางเธอ สื่อให้เธอขึ้นไปที่เวที เธอจึงไม่ทันได้พูดอะไรมาก ก็รีบเดินไป
มองดูแผ่นหลังที่เดินรีบเร่งของเธอ น้ำเสียงของนิธิศที่ดูเหมือนจะยิ้มไม่ยิ้มดังขึ้น “คุณภวินท์คงไม่ใจแคบถือสาของขวัญของเด็กหรอกนะครับ”
“ความคิดของเด็กนั้นไร้เดียงสา ส่วนคนโตนั้นไม่แน่” ภวินท์ตอบกลับอย่างเย็นชา “ผมไม่สนใจของขวัญที่คนอื่นมอบให้ ไม่ใช่ว่าทุกคนที่จะสนใจสิ่งของที่คนอื่นมอบให้”
ฟังออกถึงความหมายในคำพูดของเขา นิธิศไม่โกรธแต่กลับยิ้ม ในแววตาที่ดูเหมือนมีความท้าทายก็ไม่เชิง มองมาทางเขาแล้วกล่าวเน้นแต่ละคำ “แต่ผมสนใจของของคนอื่นมาก”
“ความชอบของคุณนิดผมคงไม่กล้าชมเชย เส้นทางต่างกันคงเดินร่วมทางกันไม่ได้” ในสายตาของภวินท์ค่อยๆ ปรากฏความเยือกเย็น จากนั้นกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “คนบางคนนั้นแตะต้องไม่ได้นะ”
เวลานี้ บนเวทีที่อยู่ไม่ไกล อัญรินทร์ได้ยื่นไมค์โครโฟนและดอกไม้ให้ไว้ในมือของญาธิดาแล้ว
ญาธิดากระแอมเส้นเสียงก่อน หลังจากที่กล่าวคำอวยพรแล้ว สายตาที่อ่อนโยนค่อยๆ มองมาทางภวินท์ แล้วกล่าวเบาๆ “เวลานี้ ฉันหวังว่าจะสามารถอวยพรคู่บ่าวสาว และรับดอกไม้พร้อมกันกับสามีของฉัน”
ภวินท์ได้ยินดังนั้น ความเยือกเย็นในดวงตาค่อยๆ เข้ามาแทนที่ด้วยความอ่อนโยน เขาค่อยๆ เหยียบบนพรมแดงและเดินไปยังทิศทางของญาธิดา
วินาทีที่เดินผ่านนิธิศนั้น เขาเอ่ยปากอย่างเฉยเมย “คนที่มีสิทธิ์ยืนข้างเธอนั้นคือผม”
รอยยิ้มที่ย่ามใจบนใบหน้าของนิธิศชะงักในทันใด กดเสียงต่ำแล้วตอบกลับกลับอย่างเย็นชา “ผมไม่แคร์ว่าเธอจะแต่งงานแล้ว ไม่มีสิทธิ์ยืนข้างเธอแล้วยังไง บางทีอาจจะมีสิทธิ์นอนข้างเธอ”