ดวงใจภวินท์ - บทที่ 79 แค่ไปกินข้าวเท่านั้นเอง
ดวงใจภวินท์ บทที่ 79 แค่ไปกินข้าวเท่านั้นเอง –
แต่งตัวทางการ?
พวกเขาไม่ได้นัดเดทกัน ทำไมต้องแต่งตัวเป็นทางการด้วย?
ญาธิดาวางโทรศัพท์ลง ทิ้งคำพูดของคณินไว้ด้านหลัง
พริบตาเดียว ฟ้าก็มืดแล้ว ญาธิดาแต่งตัวตามสบาย บอกป้าจันทร์แล้วก็รีบออกไป
เมื่อนั่งแท็กซี่มาถึงที่หมาย ญาธิดามองผ่านกระจกรถออกไป เห็นชื่อโรงแรมที่อยู่ด้านนอก ในใจก็เข้าใจแล้วว่าสาเหตุที่คณินให้แต่งตัวเป็นทางการเพราะอะไร
The Table ภัตตาคารระดับชาติแห่งเดียวในเมือง J แหล่งรวมอาหารจีนแก่นแท้ ใช่ว่าคนธรรมทั่วไปมีเงินจะเข้าได้
ก่อนหน้านี้ญาธิดาก็แค่เคยได้ยินชื่อเสียงของThe Table และไม่เคยมาใช้บริการเลยสักครั้ง คิดไม่ถึงว่าคณินจะจองสถานที่กินข้าวไว้ที่นี่
พูดถึงก็มาเลย ญาธิดาเปิดประตูลงจากรถ ก็เห็นคณินที่สวมชุดสูทสีน้ำเงินทั้งตัวกำลังเดินมาหาเธอ
เมื่อคณินเดินเข้ามาใกล้ เห็นชุดที่ญาธิดาสวมใส่ แล้วทำตาโตทันที “นี่คุณ…”
ญาธิดาบอกความจริง “ฉันก็แค่หยิบๆ มาใส่ ก็แค่มากินข้าวเอง”
คณินหมดคำจะพูด แต่ไม่นานเขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
จริงๆ ด้วย ผู้หญิงที่เขาสนใจไม่เหมือนใครจริงๆ
“เอาเถอะ” คณินยิ้ม และเอามือไปดึงเนกไทออก ถอดเสื้อสูท และเริ่มปลดกระดุมเสื้อ
ญาธิดาตะลึง “นี่คุณ…”
ถอดเสื้อผ้ากลางแจ้ง เขาคิดจะทำอะไร?
คณินปลดกระดุมตรงคอเสื้อสองเม็ด พับแขนเสื้อขึ้นและกะพริบตาปริบๆ ให้เธอ “แต่งตัวเป็นเพื่อนคุณ!”
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จ เขายื่นมือไปดึงแขนญาธิดา ลากให้เดินตามเขาไปที่ประตูใหญ่
ญาธิดาตะลึง เธอไม่เข้าใจความคิดของคนคนนี้จริงๆ
มาถึงชั้นสองของร้านอาหาร บริกรนำพวกเขาไปนั่งโต๊ะริมหน้าต่าง จากนั้นส่งเมนูอาหารให้
หลังจากสั่งอาหาร ญาธิดายกชาขึ้นมาจิบ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นคณินที่นั่งจ้องเธออยู่ฝั่งตรงข้าม
อาจจะเป็นเพราะแววตาเขาตรงไปตรงมา ญาธิดารู้สึกร้อนแก้ม “คุณ…มองอะไร?”
“น่าเสียดาย” คณินส่ายหน้า แกล้งทำเป็นเสียใจ
“มีอะไร?” ญาธิดาตื่นตระหนกกับความประสาทของเขา “” เสียดายอะไร?
“ผมเสียดายที่คุณแต่งงานกับภวินท์” คณินขมวดคิ้ว “แต่ว่าผมยังมีโอกาส”
ได้ยินเขาพูดอย่างนี้ ญาธิดาขมวดคิ้ว “คุณอย่าพูดอะไรมั่วซั่ว”
คณินยิ้ม อยู่ๆ น้ำเสียงก็หนักแน่นขึ้นมา “โอเค แต่ผมกล้ารับรองว่า ไม่ช้าก็เร็วคุณกับภวินท์ต้องหย่ากันแน่นอน”
ญาธิดาได้ยินอย่างนั้นก็หัวใจเต้นแรง
เธอเองก็ไม่รู้ว่าเธอกับภวินท์จะอยู่กันตลอดไปไหม แต่ถ้าอ้างอิงตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ในใจเธอเองก็สับสน
เหมือนภวินท์จะมีผู้หญิงอยู่ด้านนอก และเธอก็มีขอบเขตและหลักการของตัวเองที่ต้องปกป้อง ถ้าเป็นอย่างนี้ พวกเขาอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดไป
คณินเห็นความมืดมนในแววตาของญาธิดา จึงได้สติขึ้นมาและพูดว่า “ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว วันนี้พวกเราออกมาหาเรื่องสนุกๆ คุยกันดีกว่า!”
ขณะกำลังคุยกัน บริกรยกอาการมาเสิร์ฟ คณินสวมถุงมือ และจัดการฉีกนกพิราบย่างออกเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นส่งไปตรงหน้าญาธิดา
ญาธิดาตะลึงเอ่ยปากปฏิเสธ “ไม่ต้อง ฉันทำเองได้…”
เธอกำลังจะดันจานออก ใครจะรู้ว่าอยู่คณินจะยื่นมือมาจับมือเธอไว้ “ถ้าคุณไม่รับไว้ งั้นผมจะป้อนคุณเองดีไหม?”
ได้ยินอย่างนั้น ญาธิดาเงยหน้าขึ้นมองตาเป็นประกายของเขาและขนลุก
โดนเขาจ้องอย่างนี้ เธอรู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยเป็นตัวเอง
ญาธิดารีบดึงมืออก “ม…ไม่ต้อง ฉันกินเอง”
ไม่นาน อาหารทยอยเข้ามาเสิร์ฟ จนถึงเมนูสุดท้ายซุปเนื้อ เด็กสาวอายุไม่เยอะคนหนึ่งที่มาเสิร์ฟอาหาร ถือถ้วยซุปมาวางอย่างระมัดระวัง ใครจะรู้เมื่อมือเริ่มสั่น น้ำซุปกระเด็นออกมาเล็กน้อย และกระเด็นไปใส่มือญาธิดาพอดี
เธอเก็บมือหลบทันที แต่ก็อดโมโหไม่ได้
“ขอโทษค่ะ…ขอโทษค่ะ ฉันเช็ดให้”
เด็กสาวรีบยื่นกระดาษทิชชู ญาธิดารับกระดาษทิชชูไปและพูดว่า “ไม่เป็นไร”
คณินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเห็นมือญาธิดาโดนลวกแดงเป็นรอย สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“ทำอะไรของคุณ?”
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมาเห็นชายหนุ่มหล่อเหลากำลังจ้องเธอตาโต เธอตกใจจนไม่กล้าเงยหน้า “ฉัน…ฉันไม่ได้ตั้งใจ…”
ญาธิดารีบเกลี้ยกล่อม “พอแล้วคณิน ฉันไม่เป็นไร”
คณินจริงจังขึ้นมา “นี่มันซุปร้อนๆ ถ้าสาดไปโดนหน้าจะทำยังไง?”
เขาพูดพลางลุกขึ้นยืน เอื้อมมือไปดึงมือของญาธิดา “ไป ผมพาไปล้างน้ำเย็น”
แผลน้ำร้อนลวกไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ถึงแม้เธอจะโดนลวกแค่ที่แขนนิดหน่อยเท่านั้น แต่ผิวหนังบริเวณนั้นทั้งร้อนทั้งแสบจนทนไม่ไหว
ญาธิดาไม่ทันได้พูดอะไร ก็โดนเขาลากไปที่อ่างล้างมือสาธารณะหน้าห้องน้ำ ชายหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ เปิดก๊อกน้ำ ดึงมือเธอไปวางให้น้ำไหลผ่าน
คณินขมวดคิ้วแน่น อดที่จะดุออกมาไม่ได้ “รอยน้ำร้อนลวดเล็กๆ อย่างนี้ก็ทำให้เป็นแผลเป็นได้ คุณรู้ไหม? เป็นผู้หญิงต้องดุแลตัวเองหน่อย!”
ญาธิดาได้ยินอย่างนั้นรู้สึกหัวใจอบอุ่น กำลังจะเอ่ยปากขอบคุณ อยู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากทางเดินด้านข้าง
เมื่อเธอหันไปมอง และบังเอิญสบตาเข้ากับดวงตาที่ดำมืดสนิทคู่นั้นของผู้มาเยือน
ภวินท์!
ญาธิดาตกใจ แทบจะรีบดึงมือของตัวเองออกมาจากมือของคณินทันที
สีหน้าภวินท์เคร่งขรึมจนน่ากลัว แววตาดำสนิทจ้องเธอไม่ขยับ
ญาธิดารู้สึกได้ว่าอากาศโดยรอบเบาบางลงเป็นอย่างมาก เธอรวบรวมความกล้า “วิน…”
ยังไม่ทันพูดจบ ชายหนุ่มก้าวมาข้างหน้า จับมือของเธอโดยไม่พูดอะไร และลากเข้าไปในห้องน้ำหญิงข้างๆ
คณินเพิ่งจะได้สติ รีบก้าวขาตามไป “ภวิ…”
“ปัง!”
ประตูปิดลงทันที คณินที่โดนปฏิเสธทำตัวไม่ถูก ขมวดคิ้วแน่น เขาลองผลักประตูและพบว่าโดนล็อกไปแล้ว
ในห้องน้ำ ญาธิดาตกใจก้าวถอยหลัง “นี่มันห้องน้ำผู้หญิง…”
ภวินท์ขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไรและเดินเข้ามา และต้อนญาธิดาจนมุมห้อง
เขาพูดน้ำเสียงเย็นชา “ทำไมถึงมาอยู่กับเขาได้?”
เขาจำได้ว่าเคยบอกให้เธออยู่ห่างๆคณินไว้ แต่เธอไม่ใช่เพียงแต่ไม่ฟัง กลับใกล้ชิดเขามากยิ่งขึ้น อย่างนี้เห็นเขาเป็นอะไร?
ญาธิดาอ้าปากอย่างตื่นเต้น แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง ในเมื่อเรื่องที่เธอติดเลี้ยงอาหารเข้ามื้อหนึ่งเกิดตั้งแต่ที่งานนิทรรศการอัญมณีในตอนนั้น
ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ในใจรู้สึกหดหู่ เธอหายใจเข้าลึกๆ กัดฟัน“ฉันก็แค่มากินข้าวกับเขาเท่านั้น”
เธอแสร้งทำเป็นนิ่ง สายตาปรากฏความไม่เห็นด้วยกับความโกรธของภวินท์ ชายหนุ่มสีหน้าเคร่งขรึม และหายใจหนักขึ้น
เสียงราวกับดังอยู่ในลำคอ ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จับมือกันยิ้มหัวเราะ นี่คือการกินข้าวที่คุณบอกหรือไง?”