ดวงใจภวินท์ - บทที่ 794 ทุกคนต่างมีความอดทนสุดท้าย
เวลานี้ เรื่องราวทั้งหมดราวกับได้รับคำตอบ
ทำไมทุกคนถึงได้มาเจอกันที่ร้านกาแฟใต้ตึกบริษัทคลาวด์ ทำไมชมพู่ถูกคนของบริษัทคลาวด์ซื้อตัว
อีธานกับเอลล่าเดินหายตัวไป สตูดิโอเกิดปัญหา เธอถูกโจมตีจากโซเชียลครั้งแล้วครั้งเล่า
คนที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด มีคนที่มีความสามารถในการสอดแนม ก็คือนพเก้า!!!
ดวงตาของญาธิดาเคร่งขรึม จ้องมาที่เธอด้วยความโกรธแล้วถามขึ้น “เธอร่วมแนวรบเดียวกันกับบริษัทคลาวด์ตั้งแต่แรกแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของเธอ”
“คุณญาธิดา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการคาดเดาของเธอเท่านั้น เรื่องที่ไม่มีหลักฐาน ทางที่ดีอย่างพูดเหลวไหลดีกว่า” น้ำเสียงของนพเก้ากระหยิ่มยิ้มย่อง และรอยยิ้มก็ดูร้ายนิดๆ เหลือเพียงการพยักหน้ายอมรับความจริงเท่านั้น
ปลายนิ้วมือของญาธิดาค่อยๆ กำแน่น สุดท้ายก็กำเป็นหมัดขึ้น แล้วก็กัดฟันกล่าวขึ้น “นพเก้า ฉันทนได้ทุกอย่าง แต่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายลูกของฉันอย่างแน่นอน”
นพเก้าพยักหน้า มองเธอแล้วถามกลับอย่างท้าทาย “ถ้าหากฉันจะลงมือกับเด็กเปรตสองคนนั่น เธอจะทำอะไรฉันได้ล่ะ”
ญาธิดาได้ยินดังนั้นจู่ๆ ก็ยกแก้วกาแฟในมือขึ้น แล้วสาดไปที่ใบหน้าของเธอ ของเหลวสีน้ำตาลที่เปียกชื้นทำให้เสื้อผ้าของเธอเปียกชุ่มในทันที
ทั้งๆ ที่เธอสามารถหลบได้ ทำไมเธอถึงไม่หลบ……
ญาธิดากัดริมฝีปากแน่น คิดไม่ตกถึงเจตนาที่แท้จริงของเธอในชั่วขณะหนึ่ง
นพเก้าไม่สนใจแม้แต่จะเช็ดคราบกาแฟบนตัว ปล่อยให้กาแฟเหนียวเหนอะหนะหยดลงบนเส้นผมของเธอ และเธอก็มองญาธิดาเงียบๆ อยู่อย่างนี้ และการยั่วยุในน้ำเสียงของเธอเพิ่มขึ้นแทนที่จะลดลง
“ญาธิดา เธอเผยจุดอ่อนของเธอเร็วเกินไป” เธอเลิกคิ้วช้าๆ “ขยะแบบเธอ จะปกป้องลูกสองคนได้อย่างไร หากว่าเธอมีความสามารถจริงๆ คงไม่มายืนเตือนฉันอยู่ที่นี่หรอก”
ขณะที่กำลังพูด เธอลุกขึ้นอย่างช้าๆ สบตากับญาธิดาที่เต็มไปด้วยความโกรธ “ฉันชอบดูท่าทางของเธอในตอนนี้ ฉันจะต้องทำให้เธอเห็นเด็กเปรตสองคนนั้นถูกทรมานกับตา ถึงเวลานั้นปฏิกิริยาของเธอจะต้องตลกมากอย่างแน่นอน……”
เพี้ยะ——
มือที่ขาวเนียนของญาธิดาตบไปที่ใบหน้าของเธออย่างไม่ลังเล
“นพเก้า แต่ละคนนั้นมีความอดทนสุดท้าย ทางที่ดีเธอย่ารนหาที่ตายจะดีกว่า” เธอพลางพูดพลางดึงทิชชู เช็ดกาแฟบนตัวให้สะอาดแล้ว แล้วโยนใส่ตัวของนพเก้าอย่างไม่เกรงใจ
นพเก้าไม่ทำการหลบ นั่งลงไปยังที่นั่งของตัวเองอย่างสง่างาม จานนั้นกล่าวอย่างเย็นชา “สิ่งที่ฉันต้องการพูดได้พูดไปหมดแล้ว ไม่ส่งคุณญาธิดาแล้ว”
ท่ามกลางความไม่รู้ตัว ฝ่ามือของญาธิดาก็ซึมไปด้วยเหงื่อ เธอจับกระเป๋าถือไว้แน่นแล้วเดินออกจากร้านกาแฟไป ขณะที่กำลังจะโทรศัพท์หาหมายเลขของภวินท์ เธอก็ได้ยัดโทรศัพท์ใส่ลงไปในกระเป๋าอีกครั้ง
ไม่รู้เพราะเหตุใด ในหัวสมองของเธอจู่ๆ ก็ฉายภาพเมื่อสักครู่ที่เจอกันกับนพเก้าในร้านกาแฟ ต่อให้เธอจะเชื่อใจภวินท์ แต่ในใจก็ยังมีความรู้สึกไม่สบายใจ
จนกระทั่งร่างของเธอหายลับไปจากสายตา นพเก้าถึงได้ดึงทิชชูออกมาเช็ดแก้มกับร่างของตัวเอง
เธอเชิดคางขึ้นมองไปทางที่นั่งบูธที่อยู่ไม่ไกล แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ออกมาเถอะ”
แตงโมได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นมาจากที่นั่งบูธ เดินมาที่ข้างตัวเธออย่างช้าๆ
“ภาพเมื่อกี้ได้ถ่ายบันทึกไว้หรือยัง”
แตงโมรีบพยักหน้าตอบกลับทันที “คลิปวิดีโอนี้เมื่อฉันกลับไปก็จะทำการตัดต่อออกมา ท่านวีริศจะจัดการกับอีเมลปลอมให้แล้วเสร็จคืนนี้ คลิปวิดีโอนี้พรุ่งนี้ก็น่าจะส่งถึงมือของคุณภวินท์ค่ะ”
“ไม่รีบ……” นพเก้ากล่าวกำชับเชิงยิ้มเชิงไม่ยิ้ม “ตัดต่อออกมาแล้วส่งให้มาให้ฉัน ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะส่งออกไป เธออย่าลืมจัดการกับข้อมูลของขวัญตาคนนั้นก็พอ”
เธอหันหน้ามามองแตงโมแวบหนึ่ง แล้วกล่าวพึมพำอย่างน่ากลัว “สิ่งกีดขวางเหล่านี่ จะให้จัดการทีละคนๆ รีบร้อนไม่ได้……”
สองสามวันหลังจากนั้น ญาธิดาเดินเข้าไปในสำนักงานของภวินท์อย่างรีบร้อน “คณินบอกว่าปัญหาด้านศุลกากรได้รับการแก้ไขอย่างราบรื่น ทำไมความร่วมมือจากต่างประเทศยังคงถูกระงับอยู่ล่ะ”
ภวินท์ดึงเอกสารที่หนาตึบออกมาหนึ่งฉบับแล้วยื่นให้กับเธอ
นี่เป็นสำเนาฉบับเดียวที่ต้องตรวจสอบในเวลานี้ และก็เป็นเอกสารสุดท้ายที่ STN Group ดำเนินการตรวจสอบ
ขอเพียงผ่านการตรวจสอบได้อย่างราบรื่น ต่อไปก็ไม่ต้องมีความกังวลอีก แต่เอกสารแผ่นนี้ดันไม่ผ่านการตรวจสอบ
“ต้องใช้เวลาสักหน่อย อย่างน้อยสองเดือน” ภวินท์ยุ่งอยู่กับงานในมือ กล่าวตอบกลับอย่างไม่เงยหน้าขึ้นมอง
สองเดือนเหรอ……
เดิมทีเธอสามารถรอได้……
แต่ว่าตอนนี้การร่วมมือของTIDA StudioกับPop Animation ทำสำเร็จแล้ว ทางฝั่งนั้นไม่มีผู้นำใดๆ เธอต้องการทำภารกิจนี้ให้เสร็จโดยเร็วแล้วส่งมอบออกไป ถึงจะสามารถไปจัดการกับสตูดิโอของตัวเองได้อย่างวางใจได้
ภวินท์สามารถรอได้ แต่ตอนนี้เธอรอไม่ได้
รู้สึกได้ว่าเธอมีความกังวลเล็กน้อย ภวินท์จึงแกล้งทำเป็นเปลี่ยนหัวข้อเรื่องอย่างไม่ตั้งใจ “อีธานยังคงคิดเรื่องของนพเก้าเหรอ”
นึกถึงเรื่องนี้ยิ่งทำให้ญาธิดาปวดหัว กุมขมับอย่างจนปัญญา “ตั้งแต่ที่ลูกคนนี้ประสบความสำเร็จด้านคอมพิวเตอร์ก็กู่ไม่กลับมาแล้ว”
เธอรู้สึกว่าเด็กคนนี้ควรทำสิ่งต่างๆ ตามวัย การโตก่อนวัยอันควรไม่ใช่เรื่องที่ดี เหมือนกับเอลล่าที่คงความเป็นเด็กไว้ถึงจะทำยิ่งทำให้น่าเอ็นดู
“เด็กที่ออกจาก ozone ล้วนเป็นแบบนี้ ตอนนั้นเป็นคุณที่ตัดสินใจเอง”
ภวินท์ตอบกลับเบาๆ
ญาธิดาอดไม่ได้ที่จะจ้องเขม็งเขาอย่างขุ่นเคือง จากนั้นกล่าว “ฉันไม่ได้เสียใจกับการตัดสินใจตอนนั้น ไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าชีวิตของอีธานกับเอลล่า”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเข้าใกล้ภวินท์ และกล่าวถามด้วยความไม่เข้าใจ “นพเก้าซ่อนอยู่ที่ในที่ลับนานขนาดนี้ ก็ยังตามสืบไม่เจอ ทำไมครั้งนี้กลับเปิดเผยตัวตนอย่างมีสติได้ล่ะ”
“เพราะว่ามีความลับที่ปิดบังไม่มิดแล้วน่ะสิ เธอเพื่อปกปิดความจริงที่สำคัญกว่านั้น จึงต้องทิ้งเรือเพื่อรักษาขุนไว้”
เขาตอบกลับอย่างเฉยเมย ไม่ลืมที่จะกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เปิดเผยตัวตนแล้ว การกระทำของเธอก็จะยิ่งระวังขึ้น อย่าชะล่าใจเป็นอันขาด”
ญาธิดาขมวดคิ้วแล้วค่อยๆ พยักหน้า ความสงสัยในใจก็ยิ่งมากขึ้น เธอมักจะรู้สึกว่าบนศีรษะมักจะมีตาข่ายขนาดใหญ่มาก ที่ล้อมรอบเธอกับนพเก้าให้อยู่ในนั้น และผู้ที่ควบคุมความจริงสามารถเก็บตาข่ายนั้นได้ตลอดเวลา
“วิน คุณว่าจะมีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังของนพเก้าไหม……” เธอหรี่ตาลงครุ่นคิด แล้วพึมพำ “เป็นใครกันแน่นะที่สามารถอำนวยความสะดวกเช่นนี้ให้กับเธอ ทัตมีความสามารถขนาดนี้จริงๆ เหรอ”
“ไม่ใช่ธีทัต” เขาตอบกลับอย่างเย็นชา “ถ้าหากว่าเป็นเขาเป้าหมายก็น่าจะเป็นผม”
ในขณะที่ทั้งคู่ครุ่นคิดกันอย่างลุ่มลึกนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นในห้องทำงาน เลขาฯ ผลักประตูแล้วมองพวกเขาอย่างเคารพนอบน้อม “ท่าน CEO ด้านนอกมีผู้หญิงที่ชื่อเก้ามาพบท่านค่ะ บอกว่ามีของที่ต้องการอยากให้กับท่านกับมือค่ะ”
ญาธิดาสบตากับภวินท์ครู่หนึ่ง ต่างอยากรู้ว่านพเก้าจะมาไม้ไหนกันแน่ เธอรีบชี้ไปที่ประตูห้องรับรองในสำนักงาน แล้วเร่งฝีเท้าหลบเข้าไปด้านใน
ภวินท์เห็นท่าทางที่เดินเท้าเบาของเธอ ความอ่อนโยนในดวงตาฉับพลันก็จางหายไป จากนั้นก็โบกมือสื่อให้เลขาฯ ปล่อยตัวนพเก้าเข้ามา
เสียงรองเท้าส้นสูงดังตึกตักงจากไกลมาสู่ใกล้ ประตูห้องสำนักงานก็ถูกผลักออกในขณะเดียวกัน นพเก้ามองมาทางเขาอย่างน้อยอกน้อยใจ