ดวงใจภวินท์ - บทที่ 833 ความเสียหายของผลิตภัณฑ์
บทที่ 833 ความเสียหายของผลิตภัณฑ์
การประชุมผู้ถือหุ้นครั้งนี้ราบรื่นมากกว่าเมื่อสองสามครั้งก่อน พวกพนักงานข้างนอกกำลังใส่สีตีไข่ถึงความดุเดือดของการประชุมในครั้งนี้
จากสีหน้าสลดหดหู่ของพวกผู้ถือหุ้นทั้งหลายที่เดินออกมา เดาได้ไม่ยากเลยว่าเกมนี้ญาธิดาเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะ
“พายุรีบแจ้งทุกฝ่ายให้หยุดงานในมือทันที และขอความร่วมมือทุกคนให้ความร่วมมือกับบุคคลที่สามอย่างเต็มที่ ในส่วนที่ขาดดุลให้หักจากส่วนทรัพย์สินส่วนตัวของฉันกับวิน อีกอย่างให้ติดต่อคนกลางขายวิลล่าที่ติดชายฝั่งทะเลหลังนั้นซะ”
พายุคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะหยิบบัตรเครดิตสองใบออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้ววางลงบนโต๊ะ
ญาธิดาอึ้งไป “นี่มัน…”
“คุณธิดา การ์ดทองใบนี้เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากผมกับอันอัน พวกเราสองสามีภรรยาทำงานอยู่ภายใต้การคุ้มครองของคุณ ไม่ได้ใช้เงินก้อนนี้อยู่แล้ว ส่วนการ์ดสีดำอีกใบเป็นน้ำใจจากพี่ชายภรรยาผมครับ”
หลังจากธีทัตผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มาได้เขาก็ดูสงบลงไปมาก นอกเหนือจากการแข่งขันทางธุรกิจตามปกติแล้ว เขาก็ไม่ได้จงใจต่อต้านSTN Groupและพายุอีก เมื่อรู้ว่าSTNไม่มีผู้นำอยู่เขาก็เต็มใจที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจของพวกเขาทุกคน ตอนนี้เธอไม่สามารถประเมินได้เลยว่าการตรวจสอบไขความลับน่าสงสัยของบริษัทต้องใช้ทรัพยากรทางการเงินไปมากน้อยแค่ไหน เงินทุกบาททุกสตางค์ล้วนเป็นความหวังที่จะสามารถทำให้STNเดินต่อไปได้
หลังจากมอบการ์ดทั้งสองใบให้พายุเป็นคนดูแลจัดการ เธอก็รีบจัดแจงเสื้อผ้าและถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ตอนนี้การขายมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“อุตสาหกรรมอื่น ๆ ยังคงดำเนินไปได้อย่างราบรื่นครับ แต่จอภาพที่เพิ่งจะส่งออกตลาดมีปัญหาค่อนข้างร้ายแรง”
ขณะที่พูดเขาก็เปิดข่าวล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องจอภาพที่พัฒนาโดย STN Group เกิดการระเบิดหลายครั้งขณะใช้งาน แถมพนักงานก็ไม่บริการหลังการขายเลยสักคนราวกับนัดกันไว้
เห็นได้ชัดว่าจอภาพที่เกิดเหตุขัดข้องผลิตออกมาในล็อตเดียวกัน แต่เมื่อเรียกตัวเครื่องคืนกลับไม่พบปัญหาใด ๆ หลักฐานการทดสอบของSTN Groupไม่เพียงพอที่จะสยบความโกรธเคืองของสาธารณชนได้เลยพลอยทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเสียหายไปด้วย
สีหน้าของญาธิดาเปลี่ยนไปทันที “ส่งข้อมูลที่ตรวจสอบได้ทั้งหมดตอนนี้มาที่อีเมลของฉัน และรีบจัดรถไปที่สถานที่จัดแสดงสินค้า”
“คุณธิดา ตอนนี้คุณจะไปที่งานจัดแสดงสินค้าไม่ได้นะครับ ที่นั่น…”
เธอไม่สนใจคำพูดของพายุและคว้าสมุดจดบันทึกเดินออกจากห้องทำงานทันที พายุกังวลจนเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเธอจึงรีบกัดฟันเดินตามเธอไป
ลานจัดแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในStarlight Mallเต็มไปด้วยผู้คนอัดแน่น ป้ายสีแดงขัดหูขัดตามีให้เห็นอยู่เต็มไปหมด ภายในบริเวณเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้และตะโกนกันดังระงม
แถมพนักงานที่เคาน์เตอร์กลับไม่มีท่าทีว่าจะสนใจคนกลุ่มนั้นเลยสักนิด แถมไม่เพียงแต่เหลือบมองพวกเขาอย่างเย็นชาเท่านั้นแต่ยังพูดจาข่มขู่คนกลุ่มนั้นอีกด้วย
“ที่นี่ไม่มีผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ ถ้าเก่งจริงก็ไปประท้วงที่บริษัทเลยสิ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่นี่ไม่ใช่ราคาถูก ๆ ถ้าเกิดพังเสียหาย รปภ.ก็ต้องจับพวกคุณไปชดใช้ตามราคาอยู่ดี พวกเขาไม่สนใจหรอกว่าพวกคุณเป็นผู้เสียหายหรือเปล่า”
น้ำเสียงแหบพร่าดังเข้าหูญาธิดาผ่านกระจกรถ เธอขมวดคิ้วแน่นและหยิบกระดาษที่เพิ่งจะปริ๊นออกมาจากเครื่องปริ๊นเป็นแผ่นสุดท้าย ก่อนจะลงจากรถและเดินตรงไปที่หน้าพนักงานขายคนนั้น
“นี่เป็นวิธีการบริการหลังการขายของพวกเธอเหรอ?”
พนักงานขายกลอกตาขาวใส่ก่อนจะพูดตอบอย่างหงุดหงิด “ถ้าอยากได้เงินชดเชยก็ไปต่อแถวโน้น ฉันเป็นแค่พนักงาน หนึ่งฉันไม่มีเงิน สองไม่มีอำนาจสิทธิ์อะไรในการพูด จะให้เอาอะไรไปบริการหลังการขายล่ะ”
“เธอไม่มีอำนาจ แต่ฉันมี!” เธอขึ้นเสียงก่อนจะโบกมือให้พายุที่อยู่ข้าง ๆ “จัดการทำเรื่องเลิกจ้างให้พนักงานขายทุกคน และเคาน์เตอร์จะปิดปรับปรุงนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป”
พายุขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
การปฏิบัติการของญาธิดาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเกรงว่าจะต้องเสียทรัพย์สินของ STN ไปซะทั้งหมด ถ้าเธอชนะศึกครั้งนี้ต่อไปบริษัทและตระกูลสถิรานนท์คงจะอยู่สุขสบายราบรื่น แต่ถ้าเธอแพ้…
ถ้าท่านประธานกลับมาก็คงจะสามารถพลิกฟื้นทุกอย่างกลับคืนมาได้อีกครั้งแน่!
เมื่อเห็นผู้รับผิดชอบห้างสรรพสินค้าเริ่มสั่งการให้ทุกคนจัดการเคาน์เตอร์และหน้าร้าน พนักงานถึงได้รู้ว่าญาธิดาไม่ใช่ลูกค้าทั่วไป แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
ความขุ่นเคืองในใจทำให้เธอจงใจตะโกนออกมาเสียงดังลั่นว่า “เป็นเจ้านายเนี่ยมันง่ายซะจริง ๆ เอาแต่หดหัวอยู่ข้างหลังไม่พูดไม่จา พอเรื่องใหญ่โตบานปลายก็คิดจะไล่พวกเราออก และก็หนีหายไปไม่รับผิดชอบ”
เมื่อผู้คนที่ร้องไห้อยู่บริเวณรอบ ๆ ได้ยิน สายตาแห่งความเกลียดชังก็จดจ้องมาที่ญาธิดา แถมยังค่อย ๆ ขยับเข้าไปล้อมเธอ บีบเคล้นเธอทีละนิด ๆ
“STN Group หาเงินอย่างไร้ยางอาย ไม่สนใจชีวิตของคนอื่น พวกแกต้องคืนความเป็นธรรมให้กับพวกเรา!”
“แบนผลิตภัณฑ์ทั้งหมดภายใต้ชื่อของSTN Group!”
“ทุกคนดูสิ ลูกชายฉันอายุแค่นี้กลับโดนระเบิดใส่จนกลายเป็นแบบนี้ แล้วจะให้ลูกกำพร้ากับหญิงม่ายอย่างฉันใช้ชีวิตต่อไปได้ยังไง!”
ชายคนหนึ่งเบียดเสียดตัวเดินออกมาจากฝูงชน เขาย้ายจอภาพที่ไหม้เกรียมไปยังแหล่งจ่ายไฟอย่างชำนาญ ทันทีที่เสียบปลั๊กก็มีประกายไฟพุ่งออกมาก่อนจะดำไหม้เกรียมไปหมด
ชายคนนั้นร้องตะโกนขึ้นว่า “นี่คือผลิตภัณฑ์ขยะที่พวกเขาผลิตออกมา นี่เห็นชีวิตของคนธรรมดาอย่างเราเป็นแค่เกมหรือไง!”
ญาธิดายืนมองฝูงชนตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ และเร่งถามพายุเสียงดังลั่นว่า “ทีมทนายมาถึงหรือยัง?”
“มารอที่หน้าประตูแล้วครับ”
“เจ้าหน้าที่แพทย์จากโรงพยาบาลประจำจังหวัดล่ะ” ทันทีที่เธอพูดจบเสียงรถพยาบาลฉุกเฉินก็แล่นเข้ามาจอดที่หน้าห้าง กลุ่มเจ้าหน้าที่แพทย์สวมเสื้อกาวน์ลงมาจากรถพร้อมกับอุปกรณ์ทางการแพทย์
เธอกระแอมเบา ๆ ก่อนจะยกเครื่องขยายเสียงจากตู้จัดแสดงขึ้นมา เสียงดังฟังชัดลั่นไปทั่วบริเวณ
“ตามรายชื่อที่ทุกท่านแจ้งเข้ามา จากผลิตภัณฑ์ชุดนี้มีหกเครื่องที่เกิดการระเบิด คนอื่น ๆ ที่มาเรียกร้องความชอบธรรมในที่นี้ วันนี้ก็ขอให้ทุกท่านช่วยเป็นพยานให้กับดิฉันด้วย
วันนี้ทางเราได้เชิญทีมแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลประจำจังหวัดมาเพื่อทำการตรวจและรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ตราบใดที่ทุกท่านมีอาการบาดเจ็บตรงตามที่เขียนในเนื้อหารายงานจริง ดิฉันจะรับผิดชอบอย่างถึงที่สุด แต่ถ้าหากอาการบาดเจ็บนั้นเป็นของปลอม ทีมทนายที่อยู่ด้านหลังจองดิฉันจะทำการฟ้องร้องพวกคุณทันที”
หลังจากสิ้นเสียงสีหน้าของครอบครัวผู้บาดเจ็บหลายคนต่างถอดสีไปตาม ๆ กัน บางคนถึงกับปฏิเสธที่จะตรวจอาการ ซึ่งมันเพิ่มข้อสงสัยให้กับข้อเท็จจริงเรื่องการบาดเจ็บจากเหตุระเบิดทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย
เธอเดินตรงไปที่จอภาพที่เคาน์เตอร์อย่างไม่รีบร้อน สีหน้าจริงจัง ก่อนจะถอดอะไหล่ทุกส่วนออกด้วยมือของตัวเอง
“ขอทุกท่านโปรดดูทางด้านนี้ จอภาพของเราใช้อุปกรณ์และสายไฟของ Co Tech อะไหล่ทุกชิ้นได้รับการอนุญาตจากCo Techทั้งหมด”
ญาธิดาพูดยังไม่ทันจบ จอภาพที่ไหม้เกรียมอยู่ข้าง ๆ ก็ส่งเสียงดัง “ปัง” ขึ้นอย่างกะทันหัน
เธอยืนอยู่ตรงกลางระหว่างจอภาพทั้งสองเครื่อง ความเสียหายจากการระเบิดทำให้เกิดรอยดำขนาดใหญ่บนแขนของเธอ ผิวด้านนอกก็ถูกแรงระเบิดจนเกิดเลือดซึมออกมา เลือดสีแดงสดไหลหยดลงจากปลายนิ้วของเธอ หยดลงบนพื้นไหลรวมกันเป็นแอ่งเล็ก ๆ
เสียงกรีดร้องคำรามทำให้สถานการณ์โดยรอบโกลาหลวุ่นวาย ใบหน้าของชายที่เป็นคนยกจอภาพออกมาคนนั้นกำลังมองเหมือนรอดูเรื่องสนุก
เหงื่อไหลผุดขึ้นเต็มหน้าผากของเธอ ปรอยผมตามขมับเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เธออดทนกับความเจ็บปวดอันรุนแรงที่แขนของตัวเอง เดินเข้าไปใกล้จอภาพที่แตกละเอียดอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะใช้แหนบหุ้มฉนวนหยิบเส้นลวดที่ไหม้เกรียมขึ้นมา
สีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไปและรีบหันหลังวิ่งหนี พายุเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งไปตามออกไปเพียงไม่กี่ก้าวก็สามารถจับชายคนนั้นไว้ได้