ดวงใจภวินท์ - บทที่ 837 การรวมตัวของคนรู้จักเก่า
บทที่ 837 การรวมตัวของคนรู้จักเก่า
การเต้นรำที่มีจุดประสงค์แอบแฝงนี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของเธอ แม้แต่ทุกประโยคที่พูดเธอก็แอบซ้อมอยู่ในใจหลายต่อหลายครั้ง อย่างเช่นว่าต้องใช้น้ำเสียงยังไง ท่าทางแบบไหน
อาริโอเป็นคนระแวดระวังและขี้ระแวง สิ่งของสำคัญต้องซ่อนเอาไว้กับตัวเขาถึงจะสบายใจ
หลังจากการสืบและสังเกตมาเป็นเวลานาน ญาธิดาพบว่าที่ที่เขาชอบซ่อนของมีอยู่เพียงมีกี่ที่เท่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเข็มขัดรอบเอวของเขา
และยิ่งเธอโอนอ่อนกับอาริโอมากเท่าไหร่เขาก็จะยิ่งสงสัยในตัวเธอว่ามีจุดประสงค์แอบแฝง ดังนั้นเธอจึงปฏิบัติต่อเขาด้วยคำพูดและท่าทางที่เย็นชาและต่อต้านแบบนั้น เพื่อดึงดูดความสนใจของเขาแล้วหาโอกาสเอาชิปออกมา
——ซึ่งก็เป็นตอนที่จงใจบีบเอวของเขาตอนนั้น
ชิปนี้มันก็ติดอยู่ตรงระหว่างนิ้วของเธอของเธอแล้ว และเพื่อขจัดความสงสัยของอาริโอ เธอจึงจงใจเข้าไปใกล้หน้าอกของเขาด้วย ซึ่งการกระทำทั้งหมดนี้ทำเอาเธอเหงื่อซึมเต็มฝ่ามือ แต่กระทั่งด้านในชุดของเธอก็เปียกชื้นไปด้วยเหมือนกันในตอนนี้
ญาธิดาไม่กล้าอยู่ต่อนาน จึงทำทีว่าจะไปเข้าห้องน้ำรีบหลบออกไปทางหนีไฟ ใช้ลิฟต์ของพนักงานตรงไปยังห้องจ่ายไฟและปิดแหล่งจ่ายไฟกล้องวงจรปิดในมุมที่สำคัญ ๆ ก่อนจะขึ้นไปที่ห้องพักแขกVIP
ช่วงสองปีที่ผ่านมาเธอผ่านเหตุการณ์แบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน พอมาถึงตอนนี้จึงถือว่ารับมือได้ไม่ยาก
เธอแอบเข้าไปในห้องของอาริโอได้อย่างง่ายดาย ใช้อุปกรณ์ที่เตรียมไว้ล่วงหน้าคัดลอกข้อมูลบุคลากรภายในชิปออกมาได้อย่างราบรื่น
คนพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับงานที่ยุโรป แต่เป็นรายละเอียดของพวกผู้ติดต่อที่ทำงานผิดกฎหมายในต่างประเทศ
เธอก้มหน้าก้มตารีบเดินออกจากห้องไป ขณะที่กำลังคิดว่าจะใส่ชิปกลับเข้าไปในสายเข็มขัดของอาริโอยังไง จู่ ๆ เธอก็บังเอิญเดินชนกับใครคนหนึ่งเข้า
อาจเป็นเพราะเธอกำลังทำตัวเป็นขโมยอยู่เลยทำให้ญาธิดาตกใจมาก ขณะที่กำลังจะพูดขอโทษ กลิ่นหอมมิ้นต์จาง ๆ ที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้าก็ลอยมาแตะจมูกของเธอ
เธอคุ้นเคยกับกลิ่นนี้ดี ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี มันเป็นกลิ่นที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานกี่ปีเธอก็ไม่มีวันลืมได้ลง…
เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ เมื่อกรอบใบหน้าของคนตรงหน้าหัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้น เลือดภายในร่างกายไหลพลุ่งพล่านไปทั่วตัว
“วิน…” เสียงแหบพร่าของเธอสั่นเครือ ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากลำคอของเธอก็เกร็งแน่นจนไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ออกมาจากลำคอได้เลย
ผู้ชายตรงหน้าดูไม่แตกต่างไปจากเมื่อปีก่อน ๆ นี้เลย ความเย็นชาและเฉยเมยที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัว ริมฝีปากบางขยับก่อนจะเปล่งเสียงพูดช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงรังเกียจเล็กน้อย “เรารู้จักกันเหรอ?”
ระเบียงทางเดินถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ มันเงียบมากจนสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของทั้งสองคนได้อย่างชัดเจน
ญาธิดาแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ได้แต่มองเขาด้วยสายตาประหลาดใจแล้วตอบเขาเบา ๆ ว่า “ฉันธิดาไง! ญาธิดา!”
“ไม่รู้จัก”
“จะเป็นไปได้ยังไง…” เอพึมพำกับตัวเองด้วยความมึนงง สมองยังไม่ทันจะตอบสนอง มือเล็ก ๆ ของเธอก็คว้าข้อมือของเขาเอาไว้อย่างเคยชิน “สองปีที่ผ่านมาคุณไปอยู่ที่ไหนมา? ทำไมต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักฉัน ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ!”
เมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำของเธอ ภวินท์ก็ซ่อนความรังเกียจในสายตาเอาไว้ไม่ได้และผลักเธอออกไปทันที พอเห็นเธอโซเซไปมาก็ไม่มีท่าทีว่าจะเอื้อมมือออกไปช่วยพยุงเลยสักนิด เอาแต่เช็ดถูตรงที่เธอจับอย่างรังเกียจ
“คุณผู้หญิงมุกแบบนี้มันเชยเกินไปหน่อยนะ ฉันมีแฟนแล้ว ช่วยให้เกียรติตัวเองด้วย”
วิ้ง——
สมองของญาธิดาระเบิดออกในทันที
เมื่อเห็นว่าเขาหันหลังกำลังจะเดินจากไป เธอจึงรีบตามเขาไปโดยไม่สนอกสนใจอะไรอีก “ภวินท์!”
ของเธอ เขาที่นิ่งสงบเสมอวินาทีนี้น้ำเสียงก็พลอยสั่นเครือตามไปด้วยเช่นกัน “แม่ครับ ใจเย็นก่อน มันอาจจะเป็นกับดัก เรื่องของพ่อไว้พวกเราค่อย
ไม่ได้!
ตอนนี้เหมือนมีเสียงโหยหวนกำลังส่งเสียงร้องอยู่ในใจของเธอตลอดเวลา เธอเฝ้ารอชายตรงหน้ามานานกว่าสองปี และในที่สุดเธอก็ได้พบเขา วินาทีนี้เธอจะพลาดแม้แต่วินาทีเดียวไม่ได้เด็ดขาด
“รีบเอาชิปไปคืนเร็วเข้ามันจะไม่ทันแล้ว!” น้ำเสียงประหม่าของอีธานดังขึ้น “อาริโอรู้ตัวแล้ว!”
เสียงในหูฟังเพิ่งจะพูดจบ เสียงฝีเท้าอึกทึกคึกโครมก็ดังมาจากประตูลิฟต์และยิ่งใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ
มันคือรองเท้าหนังหัวเหล็กถึงจะส่งเสียงแบบนี้ รองเท้าแบบนี้สำหรับคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแล้วนับว่ามีพลังทำลายล้างมหาศาลมาก
เห็นได้ชัดว่าคนที่กำลังเร่งฝีเท้าเข้ามาใกล้คืออาริโอ
“อีธานรีบเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายแล้วเอาข้อมูลก๊อบปี้ส่งไปให้จรณ์”
เธอไม่มีโอกาสนำชิปกลับไปคืน อะไร ๆ ก็สายเกินไปแล้ว ตอนนี้เธอทำได้เพียงแค่ฝืนใจรอสถานะถูกเปิดเผยเท่านั้น
ขณะที่เธอกำลังหลับตาอย่างประหม่า ข้อมือก็ถูกใครบางคนบีบแน่นก่อนที่วินาทีต่อมาริมฝีปากของเธอจะถูกปิดสนิท และถูกลากตัวออกไปทางบันไดหนีไฟที่อยู่ใกล้ ๆ
ทั้งสองคนหลบอยู่ท่ามกลางแสงสลัว แผ่นหลังแนบชิดกับกำแพงเย็นยะเยือก จนต้องพยายามลดเสียงหายใจให้แผ่วลง
“เธอกำลังหลบเขาอยู่?” ท่ามกลางเสียงหอบหายใจ เสียงทุ้มเข้มของเขาก็ดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด
ญาธิดาตกตะลึงและมองภวินท์ด้วยสายตาไม่เข้าใจ แต่ก็ยังพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมาและพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ในเมื่อคุณตัดสินใจแสร้งทำเป็นไม่รู้จักฉันแล้ว ทำไมถึงช่วยฉัน?”
“เพราะเขาไม่ใช่คนดี และเธอ…”
แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางความมืด แต่เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจของภวินท์ในตอนนี้
ในความมืดมิด มือใหญ่ของชายหนุ่มลูบคลำเข้าไปในฝ่ามือของเธอก่อนจะแย่งชิปจากมือของเธอออกมากำไว้ในมือของตัวเอง “เธอทำเพื่อสิ่งนี้เหรอ?”
“คุณ…”
“ฉันไม่สนหรอกว่าเธอเป็นใคร และไม่สนด้วยว่าเธอคิดจะทำอะไร ตอนนี้เธอมายังไงก็กลับไปทางนั้นซะ” หลังจากพูดจบเขาก็ใส่ชิปเข้าไปในกระเป๋าของตัวเองก่อนจะเดินลับหายไปจากทางหนีไฟ
ญาธิดาเอื้อมมือออกไปอยากจะห้ามเขาแต่กลับคว้าไว้ได้เพียงความว่างเปล่า ตอนนี้ทางหนีไฟเหลือแค่เธอยืนอยู่ตัวคนเดียว
เธอมีข้อสงสัยหลายอย่างและคำถามอีกมากมาย แต่กลับพูดไม่ออก ตอนนี้ความรู้สึกเหล่านี้กำลังเอ่อล้นออกจากหัวใจของเธอราวกับกระแสน้ำไหล
เขากำลังปกป้องเธอ เขาคือภวินท์!
“แม่ครับ รีบออกมาจากที่นั่นก่อน” อีธานพูดเตือนสติ
ตอนนี้ญาธิดาถึงสงบสติอารมณ์ได้เล็กน้อย เมื่อนึกถึงแผ่นหลังของภวินท์ที่จากไปโดยไม่สนอกสนใจ เธอก็ได้แต่กัดฟันเดินลงไปที่ห้องโถงผ่านช่องทางหนีไฟ
เพลงเต้นรำแสนไพเราะยังคงดำเนินต่อไป และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเธอเคยเดินออกไปจากบริเวณนี้ และร่างของอาริโอก็มาปรากฏตัวท่ามกลางฝูงชนอีกครั้งในไม่ช้า หลังจากตามหาอยู่สักพักเขาก็รีบเดินตรงมาทางเธอทันที
“ญาธิดาส่งของมา” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยไอสังหารแถมยังบีบข้อมือของเธอแน่น
ยังไงซะตอนนี้ชิปก็ไม่ได้อยู่ที่เธอแล้ว ความประหม่าลึก ๆ ในใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอาริโอก็เหือดหายไปหมด แถมเธอยังทำตัวเป็นธรรมชาติมากยิ่งกว่าครั้งแรกด้วยซ้ำ
“คุณสมิธอยากได้อะไรก็พูดมาให้ชัดเจนเลยสิคะ ทำไมต้องทำให้ฉันอับอายต่อหน้าคนอื่นด้วย ในฐานะที่ฉันเป็นแม่ของอีธาน ยังต้องมาคิดเล็กคิดน้อยกับคุณเพียงเพราะผลกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือไง?”
เมื่ออาริโอได้ยินดังนั้นความโกรธบนใบหน้าก็ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก แถมยังคว้ากระเป๋าถือของเธอไปด้วย “ผมทำของที่สำคัญมากหายไป และมีแค่คุณเท่านั้นที่เข้าใกล้ชิดกับผมที่สุด คงต้องขอล่วงเกินสักหน่อยนะ”
บทที่ 836 ตะเภาเดียวกัน
บทที่ 838 คืนสู่เจ้าของเดิม