ดวงใจภวินท์ - บทที่ 840 ตีงูต้องตีให้ตาย
บทที่ 840 ตีงูต้องตีให้ตาย
“เมื่อสองปีก่อนเธอกลัวว่าภวินท์จะสืบจนสาวมาถึงตัวเธอ ดังนั้นเธอเลยจงใจร่วมมือกับพวกต่างชาติลงมือกับเขา ถึงแม้ว่าเขาจะมีชีวิตรอดมาได้ แต่เขาลืมเรื่องราวก่อนหน้านี้ทั้งหมดไปแล้ว และมันจึงสร้างโอกาสให้เธอ”
น้ำเสียงของนิธิศยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายนพเก้าก็ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเขาได้แต่กำกระเป๋าถือไว้แน่น และพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก “นี่มันก็แค่การคาดเดาของคุณเท่านั้น ฉันกับวินรู้จักกันมานานหลายปี จะมีใจให้กันมันเป็นเรื่องปกติ”
“นั่นเป็นเพราะว่าเขาลืมญาธิดากับลูกสองคนนั้นไปแล้ว…” นิธิศพูดขัดจังหวะอย่างไม่สนใจ “ฉันแนะนำให้เธอรีบพาเขาไสหัวกลับยุโรปไปซะ ก่อนที่เธอจะไม่เหลืออะไรเลย แถมยังจะขัดขวางแผนการของฉันเปล่า ๆ”
นพเก้าครุ่นคิดอย่างหนัก
เธอพาวินกลับมาจากยุโรปเพราะไม่มีทางเลือกอื่นจริง ๆ แถมเธอก็คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอญาธิดาที่งานเลี้ยงคืนนี้
หลังจากญาธิดาสละตำแหน่งจากSTN Group เธอก็ไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอีกเลย การปรากฏตัวของเธอในวันนี้น่าแปลกมาก เว้นเสียแต่ว่าจะมีคนจงใจล่อเธอมา
เมื่อคิดได้แบบนั้น นพเก้าก็ได้แค่เหลือบมองนิธิศอย่างระแวดระวัง “ฉันขอเตือนนะว่าอย่ามาเล่นเล่ห์กับฉัน ไว้ฉันทำธุระของตัวเองเสร็จเมื่อไหร่ฉันกลับแน่ ถ้าคุณทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังของฉันเคืองเมื่อไหร่ แม้แต่ตำแหน่งของคุณก็อาจจะรักษาไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ”
หลังจากพูดจบเธอก็เดินเฉียดไหล่เขาออกจากห้องน้ำไป
ญาธิดากลับมาถึงบ้านพักอย่างสับสนวุ่นวายใจ เด็กทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เอลล่ายังคงสวมชุดที่ใช้แสดงในวันนี้ พลางจ้องหน้าเธออย่างไม่พอใจ
เมื่อนึกถึงเรื่องที่จงใจผิดนัดเธอในวันนี้แล้ว ญาธิดาหัวใจกระตุกเต้น พลางฉีกยิ้มอย่างประจบสอพลอแล้วพุ่งตัวเขาไปหยิกแก้มเด็กสาวทันที
“การแสดงของลูกวันนี้สุดยอดมากเลย ถึงแม่จะไม่ได้ไปที่งานแต่ก็นั่งดูถ่ายทอดสดตลอดเลยนะ ลูกเป็นความภูมิใจของแม่จริง ๆ นะ”
เอลล่ากลอกตามองบนอย่างทนไม่ไหว พลางสะบัดมือเธอออกอย่างไม่เกรงใจ และจ้องมองไปทางพี่ชายของเธอ
“วันนี้อีธานอยู่กับแม่ตลอดเขาเป็นพยานได้ว่าแม่ตั้งใจดูถ่ายทอดสดของลูกมากจริง ๆ นะ” ญาธิดาพูดพลางขยิบตาให้อีธานไม่หยุดเพื่อส่งสัญญาณให้ลูกชายช่วยพูดอะไรดี ๆ ให้เธอสักคำ
“พอแล้ว ถึงหนูจะอายุไม่มากแต่ก็นับว่าเป็นดาราเด็กที่ฝีมือการแสดงเทียบเท่าผู้ใหญ่แล้ว แม่ไม่ต้องแสดงละครต่อหน้าหนูหรอก”
เอลล่าพูดขัดเธออย่างเย็นชา ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า “ว่ามาสิคะว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น เห็นพี่ชายบอกว่าวันนี้แม่พร้อมจะตายอย่างวีรบุรุษอีกแล้ว?”
“ตายอย่างวีรบุรุษอะไรกันล่ะ ทุกครั้งแม่ก็กลับมาอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือไง” ญาธิดาได้ยินแบบนั้นก็แต่หดคออย่างรู้สึกผิด
นับตั้งแต่ที่เธอตัดสินใจปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้เป็นอิสระ โลกกลับตาลปัตร เจ้าเด็กน้อยสองคนนี้ไม่เห็นหัวเธอเลย แถมยังคอยสั่งสอนเธอตลอดเวลา
เอลล่าจ้องเธอตาเขม็งอย่างไม่พอใจ ในน้ำเสียงมีแต่ความโกรธ “สองปีที่ผ่านมาแม่เอาแต่ทำภารกิจที่เอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง แม่ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของหนูกับพี่ชายเลย ถ้าวันนี้ตัวตนของแม่เปิดเผย จะอีกกี่สิบลุงจรณ์ก็ช่วยแม่ไม่ได้!”
ญาธิดาได้ยินแล้วก็เบ้ปาก ในหัวของเธอหวนนึกถึงฉากที่ภวินท์แย่งชิปไปจากเธอ
อีธานเงยหน้าขึ้นมองเธอย่างพิจารณาและพูดขึ้นช้า ๆ ว่า “เหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้ง ๆ ที่แม่หลีกเลี่ยงได้ ทำไมถึงไม่เอาชิปกลับไปคืนตามแผนเดิม?”
“แม่…” เธอสบสายตากับเขา ผ่านไปนานครู่หนึ่งแล้วแต่ก็ยังหาข้อแก้ตัวเพื่อตอบคำถามของเขาไม่ได้อยู่ดี
อีธานไม่รอให้เธอตอบและพูดต่อไปว่า “เป็นเพราะแม่บังเอิญเจอคนที่ทำให้จิตใจวุ่นวาย? แถมคนคนนั้นยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องชิปให้แม่ด้วย?”
ขณะที่เขาพูด ญาธิดาก็ได้พยักหน้าเงียบ ๆ ผ่านไปสักพักก็พูดตอบเขาช้า ๆ ว่า “ลูกน่าจะได้ยินหมดแล้วทำไมต้องถามแม่อีก?”
ทีแรกสมองของเอลล่าก็ยังพอฟังเข้าใจอยู่บ้าง แต่หลังจากฟังบทสนทนาของทั้งสองคนไปสักพักเธอกลับยิ่งรู้สึกไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอดถามออกไปไม่ได้ว่า “นี่แม่กับพี่พูดถึงเรื่องอะไรกันแน่? นี่พวกเรายังพูดถึงเรื่องเดียวกันอยู่ไหมคะ?”
อีกธานมองเธออย่างจนปัญญา “สรุปแล้วก็คือคุณแม่ตามหาคุณพ่อเจอแล้ว แต่ว่าคุณพ่อจำคุณแม่ไม่ได้ แถมยังคบกับคนอื่นอยู่ด้วย”
ญาธิดาพูดเสริมต่อท้ายไปอีกว่า “เขากำลังคบกับนพเก้า แถมยังดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับองค์กรที่ยุโรปด้วย เพราะเขาเอาชิปนั่นไป”
สีหน้าของเอลล่าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันจากประหลาดใจกลายเป็นความโกรธ หลังจากพยายามทำความเข้าใจอยู่สักพักเธอก็พึมพำกับตัวเองขึ้นว่า “ถ้าคุณพ่อพาผู้หญิงคนนั้นกลับมายั่วโมโหพวกเรา งั้นพวกเราก็แค่ไล่เขาออกจากบ้านไปซะก็สิ้นเรื่อง”
“…”
อีธานยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่ และไม่ได้สนใจเธออีกแต่หันไปมองญาธิดาแทน “แม่ครับ สิ่งที่ozoneติดค้างแม่ตอนนี้ถึงเวลาเอาคืนแล้ว ผมกับน้องจะช่วยแม่อย่างถึงที่สุด ตอนนี้ขึ้นอยู่กับแม่ว่าจะเอายังไง”
ญาธิดาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่แววตาของเธอจะเต็มไปด้วยแสงประกาย “ตีงูต้องตีให้ตาย จะจัดการกับใครก็ต้องจับจุดอ่อนให้ได้ก่อน
อีธาน แม่ไม่สนใจว่าจะใช้วิธีการไหน ตอนนี้แม่อยากได้ตารางการเดินทางในช่วงไม่กี่วันนี้ของนพเก้ากับภวินท์”
หลังจากพูดจบเธอก็หันไปกระซิบข้างหูเอลล่าสองสามคำ หลังจากนั้นก็ส่งข้อความไป “ทวงหนี้” จากจรณ์ หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จเธอก็ขึ้นชั้นบนไปนอนหลับพักผ่อน เหลือเพียงแค่เด็กสองคนนั่งมองหน้ากันอยู่ในห้องนั่งเล่น
เช้าวันรุ่งขึ้น เธอจงใจใส่เสื้อผ้าที่บางเบาสะดวกสบายและตรงไปที่Starlight Mall ที่นี่เป็นจุดหมายแรกที่เธอจะมาสุมตัวอยู่ในวันนี้ แล้วก็เป็นสถานที่ที่ภวินท์จะต้องผ่านมาอีกที่หนึ่งด้วย
เพียงไม่นานร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏตัวขึ้น
ภวินท์เดินเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ พลางเหลือบมองหลังเป็นระยะ ๆ ชายชุดดำสองสามคนกำลังแอบย่องตามเขาท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ญาธิดาก็ทำตัวเป็นขโมยแอบย่องตามไปด้วยเหมือนกัน
ตรงปากทางแยก ภวินท์ชะงักฝีเท้าอย่างกะทันหันราวกับว่ากำลังรอใครอยู่ กระทั่งชายชุดดำสองสามคนเดินเข้าไปใกล้เขาถึงเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “พวกคุณคิดจะทำอะไร พูดมาตรง ๆ เลยดีกว่า”
“นายไม่ควรกลับมา…” ชายชุดดำที่เป็นหัวหน้าพ่นลมหายใจออกมา “เบื้องบนต้องการชีวิตของนาย!”
หลังจากพูดจบพวกเขาก็รายล้อมปิดเส้นทางของเขาก่อนจะเริ่มต่อสู้กัน เสียงต่อสู้ดังสะท้อนออกมาจากตรอกซอยลึก
ญาธิดาเห็นแบบนั้นก็คิดบางอย่างขึ้นได้ ขณะที่กำลังจะยืดเส้นยืดสาย อยากจะเข้าไปทำตัวเป็น “สาวงามช่วยวีรบุรุษ” แต่คาดไม่ถึงว่าขณะที่เธอกำลังจะก้าวเข้าไปในตรอกภวินท์กลับกำลังยืนมองเธอด้วยใบหน้าเย็นชา
กลุ่มชายชุดดำนอนร้องโอดโอยอยู่ใต้แทบเท้าของเขา ส่วนภวินท์กลับไม่มีร่องรอยการต่อสู้ราวกับเขาเป็นแค่ผู้ชมยังไงอย่างนั้น
ญาธิดาทำหน้าเก้อเขินก่อนจะโบกมือและฉีกยิ้มให้เขา “เอ่อ บังเอิญจังเลยนะ…”
“คุณแค่บังเอิญผ่านมา?” เขายิ้มเยาะเย้ย
วินาทีนี้ญาธิดาแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำได้แค่หน้าด้านอธิบายให้เขาฟัง “ที่จริงฉันตั้งใจมารอคุณที่นี่ แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นฉากเด็ด”
เธอตอบอย่างไม่มั่นใจ “หวังว่าคุณจะมีเวลาให้ฉันสักสองสามนาที วันนี้ฉันมีเรื่องสำคัญมากอยากจะคุยกับคุณ”