ดวงใจภวินท์ - บทที่ 841 คุณถูกเปิดโปงแล้ว
บทที่ 841 คุณถูกเปิดโปงแล้ว
“ขอโทษด้วยนะ ผมไม่ได้สนใจในสิ่งที่คุณพูดเลยน่ะ” ภวินท์ยังคงมีท่าทีเย็นชาเหมือนเดิม แล้วก็เดินผ่านเธอไป “อย่ามาใช้แผนการที่น่าเบื่อแบบนี้เลย สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดก็คือผู้หญิงแบบคุณเนี่ยแหละ”
ญาธิดาตัวแข็งทื่อไปในทันที หลังจากนั้นเธอก็ตอบว่า “ฉันยอมรับว่าฉันมีเจตนาแอบแฝง ก็เลยใช้ลูกไม้นิดหน่อย แต่ฉันไม่ได้มีความคิดจะทำร้ายคุณเลยนะ ฉันแค่อยากให้คุณไปกับฉันเท่านั้นเอง”
ภวินท์หยุดเดิน พร้อมกับเหล่มองเธอแล้วถามกลับว่า “ทำไมผมต้องเชื่อผู้หญิงอย่างคุณด้วย? ”
“ก็เพราะนี่ไง!”
ญาธิดาเดินเข้าไปหาเขา แล้วก็หยิบกระเป๋าตังค์ออกมาพร้อมกับยื่นให้เขาด้วยมือทั้งสองข้าง และเปิดกระเป๋าตังค์ออกให้เห็นรูปภาพครอบครัว
รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กๆ นั้นอ่อนโยนและสดใสมาก ส่วนญาธิดาก็ยิ้มแย้มแจ่มใสและพิงอยู่ในอ้อมแขนของชายคนหนึ่ง ใบหน้าที่คมชัดของผู้ชายคนนั้นเหมือนกับใบหน้าของภวินท์ในตอนนี้อย่างกับแกะ
สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกันก็คือ สายตาของผู้ชายในรูปภาพที่มองไปที่ญาธิดานั้นมันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่ซ่อนไว้ไม่อยู่ แต่ว่าตอนนี้สายตาที่เขามองไปที่ญาธิดานั้น มันมีแต่ความเย็นชาและเบื่อหน่าย
ปลายนิ้วของภวินท์จับกระเป๋าตังค์นั้นแน่นขึ้นกว่าเดิม สายตาก็เริ่มผันผวนอย่างไม่ชัดเจน
ญาธิดาสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเขา และใบหน้าของเธอก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ขมขื่น “สามีที่หายตัวไปของฉันเหมือนคุณมากเลยใช่ไหมล่ะ? ”
ภวินท์ไม่ตอบคำถามของเธอ แต่ว่าเธอก็ไม่ได้สนใจ พูดเองเออเองต่อไปว่า “ฉันหวังว่าคุณจะไปเยี่ยมครอบครัวของสามีฉันแทนเขาได้ เพราะว่าพวกผู้ใหญ่อายุมากแล้ว และพวกท่านก็คิดถึงลูกหลานมาก”
ภวินท์เงียบอยู่นาน แล้วก็ยื่นกระเป๋าตังค์กลับให้เธอ พร้อมกับพยักหน้าช้าๆ
สายตาของเธอเผยให้เห็นถึงประกายแห่งความสุข อดไม่ได้ที่จะอุทานในใจ ว่าฝีมือการแสดงของตัวเองนั้นไม่เลวเลย ไม่ได้แย่เหมือนเอลล่าหรอก แม้แต่คนที่ไหลลื่นอย่างภวินท์ยังหลงกลเธอเลย
“ผมจะให้เวลาคุณแค่ช่วงเช้าเท่านั้น นัดสถานที่มา”
พอได้ขึ้นไปนั่งรถมายบัคที่คุ้นเคย ก็เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะมาก มองดูคนขับเป็นระยะๆ แล้วก็พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ในวงการต่างก็บอกว่าคุณญาธิดาเป็นคนที่ให้ความสำคัญต่อความรู้สึกมาก และไม่ได้คิดจะแต่งงานใหม่เลย แต่ที่แท้ก็มีความเห็นแก่ตัวอยู่เหมือนกันนะครับ”
ญาธิดามองดูคนขับที่ดูมีอายุตามสายตาของญาธิดา แล้วก็หัวเราะออกมาดัง “พรืด” “เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของพายุค่ะ ฉันย้ายพายุกับอันอันไปเป็นผู้จัดการสาขาย่อยแล้ว เขาก็เลยจะมาแทนพายุ”
ภวินท์หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่ได้มีท่าทีจะตอบเธอ
ญาธิดามองเขาอย่างสนใจ และก็ค่อยๆ ยกมุมปากขึ้น “ภวินท์ คุณเผยไต๋ออกมาแล้วล่ะ โดนเปิดโปงแล้ว”
“สิ่งที่คุณได้เห็น ก็คือสิ่งที่ผมอยากจะให้คุณเห็นนั่นแหละ” เสียงของเขาทุ้มต่ำเล็กน้อย เหมือนกับว่ากำลังพยายามอธิบาย แล้วก็เหน็บแนมว่าเธอกำลังคิดว่าตัวเองฉลาด
รอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอแข็งทื่อไปเล็กน้อย เธออดไม่ได้ที่จะถามต่อว่า “แล้วทำไมถึงไม่ถามต่อล่ะ? เช่นใครคือพายุ หรือว่าอันอันเป็นใคร? ”
“ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม ผมไม่ได้สนใจ” เขาตอบอย่างเย็นชา
ญาธิดาสังเกตเขาอ่างละเอียดอีกครั้ง เหมือนต้องการหาพิรุธอะไรบางอย่างจากใบหน้าของเขา และสิ่งที่ทำให้ผิดหวังก็คือ เหมือนกับว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องอะไรพวกนี้จริงๆ
“ในเมื่อคุณไม่รู้จักฉัน แล้วทำไมเมื่อวานถึงต้องช่วยฉันด้วยล่ะ? คุณรู้จักอาริโอ แล้วก็เอาชิปไปด้วย หมายความว่าคุณรู้ว่าของสิ่งนี้มันสำคัญ”
พอพูดถึงเรื่องชิป สายตาของภวินท์ก็เย็นชาขึ้นมาทันที ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
“ข้อมูลในชิปนั้นสำคัญมาก ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะมาอยากได้ ถ้าเกิดว่าข้อมูลนั้นถูกเผยแพร่ออกไป ผมจะมาจัดการคุณเป็นคนแรก ไม่ว่าเบื้องหลังคุณจะเป็นใคร”
ที่แท้!
ญาธิดากำหมัดแน่น!
สิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดก็เกิดขึ้นแล้ว!
นพเก้ากับอาริโอต้องติดต่อกันอย่างแน่นอน และวินก็เป็นคนสำคัญในนั้นด้วย!
“ภวินท์ คุณรู้ไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่? บ้าไปแล้วเหรอ!”เธออดไม่ได้ที่จะตะคอกออกมา “ฉันจะต้องส่งต่อข้อมูลในชิปนั้นอย่างแน่นอน และไม่มีทางยอมให้คุณมามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย!”
“คุณเนี่ยนะ? ” เขาหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ดวงตาที่ลึกซึ้งเต็มไปด้วยความเยือกเย็นในทันที
แต่ว่าญาธิดายังไม่ทันจะตอบสนองอะไร เขาก็ยื่นมือมาบีบที่คอหงส์ของเธอ โชคดีที่ไม่ได้ออกแรงอะไร “ที่ผมไม่แตะต้องอะไรคุณ เพราะว่าเห็นแก่สามีคุณหรอกนะ อย่ามาท้าทายขีดจำกัดของผมเลย”
ร่างกายที่ผอมบางของญาธิดาสั่นเล็กน้อย สายตาเต็มไปด้วยความหวัง หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบรรยายได้เลย เธอไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลยว่า จะมีวันหนึ่งที่เขาจะยื่นมือมาจับที่คอของเธอ
แล้วทั้งสองคนก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก จนรถค่อยๆ แล่นมาหยุดที่สุสานเขาราม
ญาธิดาพาเขาไปที่หลุดฝังศพ แล้วก็วางดอกไม้ด้วยความเคารพพร้อมกับพูดเบาๆ ว่า “แม่คะ วินกลับมาแล้ว”
ภวินท์มองดูป้ายหลุดศพที่สะอาดเรียบร้อย และความมืดมนในสายตาของเขาก็เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็คำนับให้หลุมศพตามเสียงของเธอ
พอเห็นภาพนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอ พยายามเก็บความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้เอาไว้ แล้วก็พูดพร้อมสะอื้นว่า “ไม่ได้กลับมาหาแม่นานมากแล้ว แม่คงไม่ได้โกรธหนูหรอกใช่ไหม”
“แม่คุณเป็นคนใจดี ไม่มีทางโทษคุณหรอก”ภวินท์ตอบเธออย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมกับยื่นมือไปโอบไหล่เธอและดึงเธอมากอดไว้ในอ้อมแขน “คุณทำดีมากแล้ว เหนื่อยหน่อยนะ……”
ความรู้สึกปลอดภัยที่คุ้นเคยโอบล้อมเธอไว้แน่น พอเธอได้ยินเสียงทุ้มที่น่าดึงดูด ความคับข้องใจที่เธอได้รับในช่วงสองปีที่ผ่านมาก็พรั่งพรูออกมาจากหัวใจของเธอทันที
ไหล่ของเธอสั่นอย่างรุนแรง และเธอก็สะอื้นออกมาอย่างเก็บไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ทำให้เสื้อสูทของเขาเปียกโดยไม่รู้ตัว
จนกระทั่งดวงตาของเธอบวมราวกับวอลนัท อารมณ์ของเธอถึงได้เริ่มสงบลง แล้วทั้งสองคนก็เดินลงจากภูเขาตามทางที่มีต้นไม้เรียงกันอยู่
“ขอบคุณที่คุณช่วยฉันวันนี้นะ” อารมณ์ของเธอค่อนข้างอึมครึม และก็อธิบายต่อว่า “คุณเหมือนสามีฉันมากจริงๆ ฉันก็เลยอินไปหน่อย ขอโทษด้วยจริงๆ นะ ที่ทำให้คุณต้องมาเห็นเรื่องตลกอะไรพวกนี้”
“คนตายนั้นสำคัญที่สุดอยู่แล้ว แน่นอนว่าต้องแสดงละครบ้างแหละ หวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้เจอกันนะ”เขาตอบด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ
คำพูดเหล่านี้เหมือนกับการเทน้ำเย็นราดบนศีรษะ ญาธิดาฟื้นจากความผิดหวังในทันที แล้วก็พึ่งจะรู้ตัวว่าละครเรื่องนี้ยังไม่จบ
เธอขยี้ตาที่เจ็บปวดของตัวเอง แล้วก็ทำเป็นพยักหน้าอย่างสบายใจ ไม่ได้ตั้งใจจะกวนใจเขาต่อ ได้แต่พูดต่อเบาๆ ว่า “งั้นฉันไปส่งคุณกลับแล้วกัน คนขับรถฉันอยู่ล่างเขานี่เอง”
รถแล่นกลับเข้าเมืองไปจนสุดทางแต่แทนที่จะไปตามเส้นทางเดิม รถกลับแล่นมุ่งหน้าไปทางร้านอาหารตะวันตกแทน และไม่นานนักแสดงฝีมือดีก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้ารถมายบัค——เอลล่า
บรรยากาศภายในรถนั้นอึมครึมมาก สีหน้าของภวินท์ดูมืดครึ้มจนน่ากลัว เหมือนกับว่ากำลังถามญาธิดาว่านี่มันเรื่องอะไรกัน
“คือว่า……เด็กน้อยข้างนอกนั่นคือลูกสาวของฉันเอง……”เธอรักษาระยะห่างกับเขาทันที
เอลล่าเปิดประตูรถ เธอไม่ได้สนใจสีหน้าของทั้งสองคนที่นั่งอยู่เบาะหลังเลยแม้แต่นิดเดียว และเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัยว่า “ไม่หิวกันเหรอคะ? ลงไปกินอะไรกันหน่อยไหม? ”
“นี่ก็เป็นฉากที่คุณจัดเตรียมไว้เหมือนกันเหรอ? ”ภวินท์เค้นคำพูดออกมาจากฟัน
ญาธิดาส่ายหน้าทันที แสดงสีหน้าที่ไม่เป็นอันตราย พร้อมกับชักชวนด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่งั้นฉันเลี้ยงข้าวคุณดีกว่าไหม ถือว่าขอบคุณที่คุณช่วยฉันในวันนี้ไง? ”
บทที่ 840 ตีงูต้องตีให้ตาย
บทที่ 842 พวกเราไม่ได้สนิทกัน