ดวงใจภวินท์ - บทที่ 842 พวกเราไม่ได้สนิทกัน
บทที่ 842 พวกเราไม่ได้สนิทกัน
ภวินท์เหลือบมองเธอ สายตาของเขาเผยให้เห็นความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด “ไม่จำเป็นหรอก ผมไม่ได้อยากกินข้าวกับคุณ”
ญาธิดายักไหล่ เธอยังไม่ทันได้พูดอะไร เอลล่าที่อยู่ด้านข้างก็หัวเราะเยาะออกมา แล้วก็พูดอย่างไม่เกรงใจว่า “คุณลุงก็เป็นแค่ส่วนเกินเท่านั้นแหละ ไม่มีใครสนใจหรอกว่าคุณลุงจะกินรึเปล่า”
พอพูดจบเธอก็เลิกคิ้วใส่แม่ของตัวเอง “แม่คะ ไม่ง่ายเลยกว่าหนูจะจองร้านนี้ได้ พวกเราไปกันเถอะ”
ภวินท์มองเธอด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง แล้วก็เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “คุณญาธิดาขอให้ฉันมาทำธุระให้แท้ๆ แล้วหนูทำท่าทางแบบนี้ใส่ฉันเลยเหรอ? ”
“การจะเลี้ยงข้าวแขกมันเป็นเรื่องของหนูกับแม่ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับลุงเลย แม่ติดหนี้บุญคุณลุง ลุงก็ไปทวงกับแม่เอาเองสิ คุณลุงคะ พวกเราไม่ได้สนิทกันสักหน่อย!”
เธอมองตรงไปที่สายตาที่เยือกเย็นของภวินท์ เธอไม่ได้แค่ไม่แสดงความหวาดกลัวออกมา แถมยังดูดื้อรั้นอีกต่างหาก เธอยืดคอออกไปแล้วพูดกับเขาอย่างไม่อ้อมค้อม “คุณลุงก็น่าจะรู้อยู่แล้วนะคะ ว่าหนูไม่มีพ่อ ก็เลยไม่ค่อยได้รับการสั่งสอนเท่าไหร่”
“เอลล่า!”
สีหน้าของญาธิดาเปลี่ยนไปทันที ลงจากรถไปคว้าแขนของเด็กน้อยแล้วดุว่า “ห้ามพูดจามั่วซั่ว!”
เอลล่าสะบัดตัวออก เธอหันหลังให้ภวินท์แล้วก็แอบขยิบตาให้เธอ แล้วจู่ๆ น้ำเสียงของเธอก็ดูโมโหขึ้นมาทันที “แล้วหนูพูดอะไรผิดล่ะ หนูได้มีพ่อแค่ปีเดียวเอง ถ้าเกิดว่าเขารักหนูจริง ก็คงไม่ปล่อยให้หนูเป็นเด็กไม่มีพ่อแบบนี้หรอก”
เธอพูดไปด้วยแล้วก็แอบสังเกตปฏิกิริยาของภวินท์อย่างระมัดระวัง สายตาที่ลึกซึ้งของเขาดูไม่ได้มีอารมณ์ร่วมใดๆ เหมือนกับว่าไม่ได้เก็บคำพูดเมื่อกี้ไปใส่ใจเลย
แต่ว่าญาธิดากลับได้แต่ชะงักอยู่กับที่ แล้วก็มองไปที่เอลล่าอย่างมึนงง
เธอรู้ว่าเอลล่าจงใจพูดให้ภวินท์ได้ยิน แต่ว่าเธอก็ยังรู้สึกปวดใจอย่างอธิบายไม่ถูกอยู่ดี อีธานกับเอลล่าลำบากกับเธอมามากจริงๆ แล้วก็ได้รับความไม่เป็นธรรมตั้งมากมาย
เธอไม่เหมาะสมจะเป็นแม่คนเลยจริงๆ ……
พอเห็นว่าสีหน้าของเธอเริ่มแย่ เอลล่าก็ไม่กล้าเล่นละครอีกต่อไป เธอรีบพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเธอ แล้วก็ปลอบด้วยเสียงของเด็กน้อย “ไม่มีพ่อแล้วยังไงกัน เพราะยังไงหนูก็มีแม่ที่ดีที่สุดในโลกอยู่แล้วนี่”
ญาธิดามีภูมิคุ้มกันอยู่แล้ว พอรู้ว่าเธอจงใจพูดให้ตัวเองมีความสุข ก็เลยพยายามฝืนยิ้มออกมา
เอลล่าก็สบายใจขึ้น แล้วก็เคาะประตูรถตามแผนการเดิม “คุณลุงที่ยังไม่ยอมไปสักที รบกวนลงจากรถหน่อยได้ไหมคะ? ”
ไม่ยอมไปสักที……
พอภวินท์ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็หม่นหมองลงในทันที
“คุณลุงคะ ตอนนี้คุณลุงมีทางเลือกสองทาง ก็คือหนึ่ง คว้าโอกาสที่จะได้กินอาหารร่วมกันมื้อนี้ หรือสอง หายไปจากสายตาของพวกเราซะ”พอเอลล่าพูดจบ ก็ดึงญาธิดาให้เดินเข้าไปในร้านอาหาร
ภวินท์มองดูแผ่นหลังของสองคนนั้น แล้วริมฝีปากบางก็เม้มเป็นเส้นตรงอย่างไม่รู้ตัว เท้าของเขาขยับเดินตามสองคนนั้นไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“เมื่อกี้หนูพูดเกินไปหน่อย แม่เป็นคนใจกว้างอยู่แล้ว อย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะคะ ถ้าพี่ชายรู้ต้องส่งหนูไปสั่งสอนที่ozoneอีกแน่นอนเลย” เอลล่าทำสีหน้าออดอ้อน ลดเสียงลงและพยายามทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่ญาธิดา
ญาธิดาอดกลอกตาไม่ได้ “ลูกนี่ช่างเป็นดราม่าควีนจริงๆ เลยนะ เห็นแม่เป็นผู้กำกับรึไงกัน? ”
“นี่มันเรียกว่าการที่นักแสดงฝึกฝนตัวเองต่างหาก ตัวประกอบที่ไม่ขโมยซีนไม่ใช่นักแสดงที่ดีหรอกนะ”
สองแม่ลูกคุยกันจนมาถึงที่นั่ง แล้วก็เห็นว่าภวินท์เดินตามมาด้านหลัง ทั้งสองคนส่งสายตาให้กัน แผนการดำเนินมาถึงขั้นตอนนี้แล้ว ตอนนี้พวกเธอก็เริ่มสบายใจลงเล็กน้อย
เอลล่าตั้งใจทำเป็นเมินภวินท์ แต่ว่าความจริงแล้วเธอรู้สึกตื่นเต้นมาก จนนิ้วเท้าแทบจะจิกพื้นรองเท้าเป็นรูหมดแล้ว
ญาธิดาเงยหน้าขึ้นมาคุยกับภวินท์อยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการต้อนรับเท่าไหร่นัก อีกฝ่ายเหมือนกับว่าไม่อยากจะสนใจเธอเลย สุดท้ายเธอก็เลยทำได้แค่ก้มหน้าก้มตากินข้าวไป
ภวินท์เหลือบมามองญาธิดากับเอลล่าอยู่หลายครั้ง แล้วในหัวของเขาก็เอาแต่นึกถึงสิ่งที่เอลล่าพูดกับเขาเมื่อกี้นี้ แล้วคิ้วก็ขมวดเข้าหากันอย่างอดไม่ได้
เธอดูเหมือนสาวน้อยที่น่ารักเรียบร้อยคนหนึ่ง แถมตอนนี้ก็ยังดูออดอ้อนแม่ตัวเองอย่างน่ารักน่าชังอีก แล้วทำไมเธอถึงได้ดูหยิ่งทะนงกับเขาแค่คนเดียวล่ะ?
เพียงเพราะตำแหน่ง “พ่อ”งั้นเหรอ?
เพราะว่าท่าทางของเขาไม่ได้เป็นมิตรเท่าไหร่นัก อาหารมื้อนี้ก็เลยไม่ค่อยจะอร่อยเท่าไหร่ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็ค่อนข้างกระอักกระอ่วน
โดยเฉพาะเอลล่า เธอรู้สึกผิดหวังกับการแสดงออกของพ่อในวันนี้มาก!
คุณครูเคยสอนเอาไว้ว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ดังนั้นต่อให้พ่อจำเธอไม่ได้ แต่ว่าก็ควรจะมีความรู้สึกสนิทสนมบ้างสิ ไม่ใช่มีท่าทีไม่ชอบเธอแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอยากให้แม่มีความสุข เธอก็ไม่อยากได้พ่อแบบนี้หรอก เธอชอบพ่อในเมื่อก่อนมากกว่าอีก พอมาคิดแบบนี้แล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะสูดน้ำมูกแรงๆ แล้วจู่ๆ น้ำตาก็คลอเบ้าขึ้นมา
วินาทีต่อมา ก็มีผ้าเช็ดหน้าผ้าใหม่ยื่นมาตรงหน้าเธอ
“ขอบคุณค่ะ……”
เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา ตอนที่กำลังจะเช็ดน้ำตานั้น จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้แล้วก็หันไปมองเขาอย่างระมัดระวัง
แล้วเธอก็ขยับผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดตรงริมฝีปากแทน พร้อมกับพูดกึ่งล้อเล่นว่า “คุณลุงคงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับหนูเรื่องผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวหรอกใช่ไหมคะ งั้นทิ้งไว้ให้หนู ถือว่าเป็นของขวัญแล้วกันโอเคไหม? ”
“ฉันให้ของที่ดีกว่านี้ได้อีกนะ”เขาตอบด้วยน้ำเสียงอู้อี้
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันสักหน่อย”เอลล่าอธิบายอย่างสบายๆ “หนูไม่ชอบของที่คนแปลกหน้าให้เท่าไหร่”
หัวใจของภวินท์แน่นตึงอย่างอธิบายไม่ถูก สายตาที่มองมาที่เอลล่าอีกครั้งนั้นมันมีความซับซ้อนมากขึ้น
ตอนที่ญาธิดาไปเติมเครื่องสำอางในห้องน้ำนั้น เขาก็พูดอย่างช้าๆ ว่า “ฉันเคยเจอหนู……”
เอลล่าปล่อยหลอดชานม แล้วก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่เขา “หนูเดบิวต์ตอนอายุห้าขวบ แน่นอนว่าลุงต้องเคยเห็นหนูอยู่แล้ว หนูก็เคยเห็นลุงเหมือนกัน เพราะถึงยังไงลุงก็หน้าเหมือนพ่อของหนูราวกับแกะ ตอนที่เห็นลุงครั้งแรกหนูยังสะอึกไปเลย”
ดวงตาของภวินท์หรี่ลงเล็กน้อย แล้วก็ถามด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “แค่นั้นเหรอ? ”
“ไม่งั้นจะอะไรล่ะ? ” เอลล่าเลิกคิ้วขึ้น เธอเอียงหัวและหัวเราะคิกคักพร้อมกับถามว่า “หนูควรจะกอดขาลุง แล้วก็เรียกลุงว่าพ่อด้วยน้ำเสียงออดอ้อนไหมล่ะ แล้วก็หาวิธีจับคู่ลุงกับแม่ ให้ลุงกลายมาเป็นพ่อใหม่หนูงั้นเหรอ? ”
ภวินท์ “……”
ที่จริงมันก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้หรอกนะ ถึงแม้ว่าสมองของญาธิดาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่โชคดีที่ลูกสาวคนนี้ของเธอน่ารักน่าเอ็นดูมาก
เอลล่าสังเกตเขาอย่างละเอียด เหมือนกับมองออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ “หนูไม่สนใจเหรอกว่าใครจะเป็นพ่อคนต่อไปของหนู ขอแค่แม่ชอบเขาก็โอเคแล้ว สำหรับหนูนะ คนที่จะมาเป็นพ่อหนูได้อาจจะเป็นลุงก็ได้ หรือว่าจะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้นแหละ”
พอภวินท์ได้ยินดังนั้นสีหน้าเขาก็มืดมนยิ่งกว่าเดิม แล้วก็ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “หรือว่าหนูมีคนอื่นเป็นแผนสำรองอีกงั้นเหรอ? ”
“คนอื่น……”เธอขมวดคิ้วและครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วตอบอย่างจริงจัง “จริงๆ ก็มีคนที่น่าเลือกอยู่สองสามคนนะคะ แต่ว่าคุณลุงไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เพราะว่าในตัวเลือกของหนูไม่มีคุณลุงอยู่ด้วยหรอกนะ เพราะถึงแม้ว่าคุณลุงจะเหมือนพ่อของหนูมาก แต่ว่าก็ไม่เหมาะสมกับแม่ของหนูหรอก”
ภวินท์รู้สึกแน่นหน้าอก แล้วก็เริ่มหักมือตัวเอง “มีคนตามจับเธอเยอะเลยเหรอ? ”
เอลล่าพยักหน้า
ญาธิดาทำตัวเหมือนขโมย ชะโงกหน้ามาดูการเคลื่อนไหวบนโต๊ะอาหาร พอเห็นว่าผู้ใหญ่กับเด็กน้อยเข้าสู่ความเงียบ ก็เลยเดินกลับไปที่ที่นั่งของตัวเอง “จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง”
“ถ้างั้นพวกเราไปกันเถอะค่ะ”เอลล่าคล้องแขนเธอ แล้วก็โบกมือให้ภวินท์ “คุณลุง พวกเราไม่ไปส่งนะคะ”