ดวงใจภวินท์ - บทที่ 851 แกล้งคุณพ่อจอมปลอม
บทที่ 851 แกล้งคุณพ่อจอมปลอม
“ขออภัยหมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้…” เสียงผู้หญิงที่แข็งเป็นหุ่นยนต์ดังออกมาจากโทรศัพท์ ญาธิดามือไม้อ่อนก่อนที่จะโทรศัพท์จะหล่นลงบนพื้น
ตั้งแต่ภวินท์จากไป โทรศัพท์มือถือของเด็กทั้งสองคนไม่เคยปิดเครื่องเลยสักครั้ง พาวเวอร์แบงค์ก็พกติดตัวไปด้วยตลอด เพราะกลัวว่าพวกเขาจะไปกระตุ้นเส้นประสาทอันบอบบางของญาธิดาเข้า
ดังนั้นทั้งสองคนที่กำลังนั่งอยู่ในออฟฟิศในตอนนี้จึงผุดความคิดแบบเดียวกันขึ้นมาทันที——เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับเอลล่าแน่ ๆ !
ปลายนิ้วของอีธานรัวนิ้วลงบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งแสงกะพริบสีเขียวปรากฏบนหน้าจอ สีหน้าของเขาถึงดูผ่อนคลายลง “อยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เขตใต้ ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ”
“เธอไปทำอะไรที่เขตใต้?!” ญาธิดาเสียงแข็งกร้าว สีหน้าตื่นตระหนก “ลูกคอยจับตาดูเธออยู่ที่ออฟฟิศ เดี๋ยวแม่ออกไปตามหาเอง!”
อีธานมองดูท่าทางเป็นกังวลของเธอแล้วก็ได้แต่พยักหน้า
ร่างของญาธิดาหายวับออกไปจากออฟฟิศอย่างรวดเร็ว แววตาของอีธานหรี่ลงเล็กน้อย ขณะที่ปลายนิ้วกำลังขยับจู่ ๆ ก็มีสัญลักษณ์อีกอันหนึ่งปรากฏขึ้นตรงตำแหน่งของเอลล่าและมันทับซ้อนกับตำแหน่งของเอลล่าอยู่
ริมฝีปากของเขากระตุกยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มที่ยากจะคาดเดาปรากฏขึ้นบนใบหน้าละอ่อนคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แค่นี้อีกฝ่ายก็ทนไม่ไหวแล้วเหรอเนี่ย ดูเหมือนว่าเขาจะกังวลมากไปจนเกินความจำเป็น
ภายในร้านอาหารที่ไม่รู้จักชื่อแห่งหนึ่งในเขตใต้ เอลล่ากำลังลิ้มรสอาหารตรงหน้าของตัวเองด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย สายตาเหลือบไปมองผู้ชายตรงหน้าบ้างเป็นครั้งครา
ใบหน้าของชายคนนั้นยังคงนิ่งเฉยอยู่ตลอดเวลา มีเพียงแค่เวลาที่เห็นเธอทำตัวตลกขี้เล่นเท่านั้นที่ทำให้แววตาของเขาดูอ่อนโยนขึ้นมาบ้าง
หลังจากทานอาหารจนอิ่มหนำสำราญแล้ว เธอค่อย ๆ เช็ดริมฝีปากแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วชัดเจนขึ้นว่า “อีกเดี๋ยวคุณแม่จะต้องมาสู้กับคุณที่นี่แน่”
“บางทีอาจจะมาตำหนิที่หนูไม่เชื่อฟังก็ได้”
เอลล่าชำเลืองมองเขาและอดทำเสียงฮึดฮัดออกมาไม่ได้ “ของปลอมเนี่ยใช้ไม่ได้จริง ๆ ด้วย คุณยังรู้จักหนูไม่ดีพอ แล้วก็รู้จักคุณแม่ไม่ดีพอด้วย”
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้น “อันที่จริงในใจของหนูคงจะคิดว่าฉันเป็นตัวจริงใช่ไหมล่ะ ไม่อย่างงั้นก็คงไม่จงใจปิดโทรศัพท์หรอก ตอนนี้เธอคงจะกำลังร้อนใจมากแน่ ๆ”
“หนู…” เอลล่าพูดไม่ออก ก่อนจะหันหน้าหลบไปพึมพำอย่างโมโห “จะจริงหรือปลอมแล้วมันยังไง ขอเพียงแค่คุณปฏิบัติกับคุณแม่อย่างดี หนูก็ไม่รังเกียจหรอกที่จะคิดว่าคุณเป็นพ่อแท้ ๆ”
ภวินท์มองเด็กสาวตรงหน้าอย่างพิจารณา แต่ไม่ได้พูดตอบรับคำของเธอ
เอลล่าไม่สนใจและพูดต่อไปว่า “หนูรู้สึกได้ว่าเธอสำคัญกับคุณมาก เพราะสุดท้ายสายตาก็โกหกคนไม่ได้ ดังนั้นต่อให้คุณไม่ใช่พ่อของหนูก็ไม่เป็นไร”
สิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อเธอมองแววตาของภวินท์มันทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความลึกซึ้งที่ยากจะคาดเดาเหมือนกับพ่อของเธอ เวลาที่มองเธอและคุณแม่ก็มีความอ่อนโยนอยู่ในนั้นเหมือนกัน…
“ฉะนั้นหนูตกลงที่จะช่วยฉัน? ไม่กลัวว่าฉันจะหลอกใช้ความรู้สึก?” ภวินท์เตือนด้วยรอยยิ้ม
เอลล่าส่ายหน้าไปมาช้า ๆ
“ถ้าคุณอยากจะใกล้ชิดกับพวกเราจริง ๆ คุณสามารถใช้วิธีที่มีตรงไปตรงมากว่านี้ก็ได้ แบบที่เดินเข้ามาในชีวิตของพวกเราอย่างเปิดเผย แทนที่จะใช้กลวิธีแบบนี้ ดังนั้นไม่ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของคุณคืออะไร หนูก็ยินดีที่จะร่วมมือกับคุณ”
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ประตูกระจกด้านหน้าถูกผลักเปิดออกอย่างรวดเร็วตามด้วยสายลมที่โบกพัดเข้ามา ก่อนที่ร่างของญาธิดาจะปรากฏตัวที่ข้างโต๊ะอาหารของพวกเขา
เมื่อเห็นผู้ชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหารเธอได้แต่หายใจกระหืดกระหอบและชะงักฝีเท้าลงกะทันหัน สายตากวาดมองระหว่างทั้งสองคนสลับกันไปมา ก่อนจะสีหน้าจะเต็มไปด้วยความโกรธ
เมื่อรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เอลล่ากับภวินท์สบสายตากันและกัน
เธอจึงเป็นฝ่ายลงมือก่อนด้วยการยื่นน้ำอุ่นแก้วหนึ่งให้กับญาธิดาอย่างรู้ความ และเพราะกลัวว่าแม่จะพ่นไฟโกรธใส่ตัวเองจึงรีบพูดเสียงออดอ้อนขึ้นมาอย่างช้า ๆ “ทำไมคุณแม่ถึงมาช้าขนาดนี้ล่ะค่ะ โทรมาหาตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
ญาธิดากวาดสายตามองเธออย่างสงสัย บนใบหน้าเด็กน้อยประดับด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสาพลางชี้นิ้วไปที่โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ “พาวเวอร์แบงค์ของหนูหมดไปแล้ว คุณลุงบอกว่าจะช่วยโทรบอกให้”
สิ้นเสียงสีหน้าของภวินท์ก็อึมครึมลงทันที
เอลล่าแอบส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปให้เขา พลางแอบบ่นในใจว่าสถานการณ์แบบนี้ต่อให้พ่อแท้ ๆ ของเธออยู่ที่นี่เธอก็ต้องโยนความผิดให้แบบนี้เหมือนกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณพ่อจอมปลอมคนนี้เลย
ภวินท์เหลือบมองเธออย่างช่วยไม่ได้ จึงทำได้เพียงเหลือบตาขึ้นมองญาธิดาพลางอธิบายให้เธอฟัง แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากน้ำอุ่น ๆ ก็ถูกสาดใส่ใบหน้าของเขาก่อนแล้ว
หยดน้ำหยดลงตามเส้นผมตามขมับของเขา แววตาทั้งสองข้างเยือกเย็นจับจ้องตรงไปที่ญาธิดา
บรรยากาศระหว่างพวกเขากำลังลดลงจนถึงจุดเยือกแข็ง
ญาธิดากำแก้วในมือไว้แน่น ใบหน้าเชิดสูงจ้องเขากลับอย่างโกรธเคือง สงครามความเงียบระหว่างทั้งสองคนกำลังเข้าใกล้จุดแตกหัก
เอลล่าแอบเหลือบมองทั้งสองคนแล้วก็อดกลืนน้ำลายอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะพยายามไกล่เกลี่ย “แม่คะ คุณลุงไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรนะคะ เขาไม่ได้ทำร้ายหนู สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นเอง”
“เราก็อายุไม่น้อยแล้ว อย่าวิ่งแจ้นไปไหนมาไหนกับคนแปลกหน้า ทำไมถึงชอบทำให้คนอื่นเขาไม่สบายใจอยู่เรื่อยเลย?!” ญาธิดาพ่นคำพูดออกมาด้วยความโกรธ
เอลล่าถึงกับคอหดทันทีและไม่กล้าพูดอะไรอีก
ภวินท์ค่อย ๆ เช็ดหยดน้ำตามใบหน้าอย่างไม่รีบร้อนก่อนจะพูดเตือนด้วยเสียงเย็นชาว่า “แม้แต่เด็กที่อายุน้อยอย่างเอลล่ายังรู้เลยว่านี่เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด คุณญาธิดาไม่ควรจะขอโทษกับการกระทำสุดโต่งเมื่อครู่นี้ของตัวเองหน่อยเหรอ?”
“เข้าใจผิด? ขอโทษ?”
ญาธิดายิ้มเยาะแล้วยกแก้วน้ำที่อยู่ตรงหน้าของเอลล่าขึ้นอีกครั้ง และทำท่าเหมือนจะสาดไปทางเขาอีก ภวินท์มือเร็วตาไวรีบขัดขวางการกระทำของเธอในทันที
หยดน้ำสาดกระเซ็นไปทั่วพื้น ก่อนที่เขาจะตะโกนเสียงดังด้วยน้ำเสียงโกรธจัด “ญาธิดาใจเย็นหน่อยสิ!”
ญาธิดาชะงักนิ่งไปทันที
ผ่านไปสองปี เธอได้ยินน้ำเสียงเดิม สำเนียงเดิม คำพูดแบบเดิมอีกครั้ง
ความทรงจำสลับซับซ้อนมากมายพรั่งพรูเข้ามาในหัวของเธอ
ใจเย็น? จะให้เธอได้เย็นได้ยังไง?!
เมื่อสิ้นเสียง เธอก็สะบัดมือของภวินท์ออกก่อนจะมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง “ภวินท์ คุณช่วยทำความเข้าใจตำแหน่งและสถานะของตัวเองตอนนี้ด้วยนะ ตอนนี้คุณเป็นแฟนของนพเก้า ฉะนั้นโปรดอยู่ให้ห่างจากลูกของฉันด้วย!”
“ผมรู้สึกถูกชะตากับเอลล่า และที่นัดเธอมาพบเป็นการส่วนตัวครั้งนี้ก็เพราะอยากจะเจรจาเรื่องที่อยากให้เธอช่วยมาเป็นตัวแทนโฆษณาให้สหพันธ์การค้า มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องผมโสดหรือว่าไม่โสด?” ภวินท์ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“คุณเห็นฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง?” เธอยิ้มเยาะออกมาทันที
สหพันธ์การค้าอยากจะหาใครไปเป็นตัวแทนมันถึงคราวที่ภวินท์ต้องลงมือเข้ามาแทรกแซงเองตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงแม้ว่างานนี้จะมอบหมายให้เขามาจัดการจริง ๆ เขาก็ควรจะเข้าหาพี่โอ๊ตแทนที่จะนัดเอลล่าออกมาเพียงลำพังแบบนี้
เธอสามารถมองเขาว่าเป็นภวินท์ที่หายสาบสูญไปคนนั้นได้ และสามารถยอมรับเรื่องที่เขายืนอยู่ฝ่ายของศัตรูและสร้างความเดือดร้อนให้เธอได้ แต่อีธานกับเอลล่าเป็นขีดจำกัดสุดท้ายของเธอ ต่อให้เขาเป็นภวินท์จริง ๆ ก็ไม่สามารถมาทำร้ายลูกของเธอได้!
“คุณภวินท์ ฉันไม่สนใจแผนการของคุณหรอกนะ แต่โปรดอย่าเอาผู้บริสุทธิ์เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เรื่องการต่อสู้ทางธุรกิจเป็นเรื่องระหว่างฉันกับคุณ อย่ามายุ่งเกี่ยวกับลูกของฉัน!”
ภวินท์มองดูท่าทางและคำพูดทวงความชอบธรรมของเธอแล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย พยายามบดบังความคิดทั้งหมดในแววตาของตัวเองเอาไว้ และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นว่า “แล้วถ้าผมต้องการเซ็นสัญญากับเอลล่าให้ได้ล่ะ?”