ดวงใจภวินท์ - บทที่ 852 ไม่อยากเจอเขา
บทที่ 852 ไม่อยากเจอเขา
“ถ้าคุณดึงดันอยากจะทำตามใจตัวเองโดยไม่รับฟังคำของคนอื่น ฉันก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ” ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ๆ จับจ้องตรงไปทางเขา “ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ฉันจะฟ้องคุณในข้อหาพยายามลักพาตัว”
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “ฟ้องแล้วจะได้อะไร? คุณแน่ใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าตัวเองจะชนะ?”
“พิจารณาครั้งแรกไม่ผ่านก็ไปพิจารณาครั้งที่สอง ครั้งที่สองยังไม่ได้ก็ยื่นอุทธรณ์ใหม่ สรุปแล้วก็คือฉันจะไม่มีทางเปิดโอกาสให้คุณได้เข้าใกล้เอลล่าแน่นอน”
เธอเชิดใบหน้าขึ้นสูงและแสดงท่าทีเหมือนต้องการต่อสู้กับเขาจนถึงที่สุด “แค่อำนาจของSTN Groupในเมือง J การแข่งขันต่อสู้กับคุณมันเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะเอาชนะฉันได้”
เมื่อภวินท์ได้ยินแบบนั้นก็กระตุกมุมปากยิ้มด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดา ก่อนจะยิ้มเยาะออกมา “ผมคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าคำพูดแบบนี้จะออกมาจากปากของคุณ ผมนึกว่าคุณจะเป็นคนซื่อตรงเปิดเผยมากซะอีก”
“จัดการกับคนอย่างคุณ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเปิดเผยโปร่งใสหรือตรงไปตรงมาอะไรพวกนั้นหรอก!” เธอถลึงตาใส่เขาก่อนจะดึงมือของเอลล่าอย่างโกรธจัด แล้วสองแม่ลูกก็เดินตามกันออกจากโต๊ะอาหารไป
เอลล่าไล่ตามฝีเท้าของผู้เป็นแม่ไปอย่างลังเล พลางหันมองกลับไปทางภวินท์เป็นระยะ ๆ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความลังเลใจ
ภวินท์ส่งสายตาเหมือนกำลังปลอบโยนให้เธอพร้อมกับแกว่งโทรศัพท์ไปมาเธอถึงได้รู้สึกโล่งอก และรีบสาวเท้าเดินตามผู้เป็นแม่ไป ก่อนที่แผ่นหลังของทั้งสองคนจะหายลับไปจากร้านอาหาร
บรรยากาศภายในรถดูอึมครึมเล็กน้อย ญาธิดาเบือนหน้าหันมองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่มีท่าทีว่าจะสนใจเธอเลยสักนิด เอลล่าทำใจกล้าฉีกยิ้มอย่างประจบสอพลอพลางโอบรอบแขนของผู้เป็นแม่
“ท่านแม่อันเป็นที่รัก ครั้งนี้หนูมีตาหามีแววไม่ หลงเชื่อคำหลอกลวงของคุณลุงใจร้ายคนนั้น ท่านแม่อย่าโกรธหนูเลยนะคะ ยกโทษให้หนูสักครั้งเถอะนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดทะเล้นของเธอสีหน้าของญาธิดาก็ดูอ่อนลง ทว่ายังคงเมินเฉยกับการกระทำของเธออยู่ดี และได้แต่ส่งเสียงฮึดฮัดออกมาแทนคำตอบ
เอลล่าสังเกตสีหน้าของเธออย่างระแวดระวัง ก่อนจะนึกถึงบทสนทนาบนโต๊ะอาหารเมื่อครู่นี้แล้วพูดอย่างหยั่งเชิงว่า “คุณลุงมาคุยกับหนูเรื่องเซ็นสัญญาจริง ๆ นะคะ ระหว่างนั้นก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องอื่นเลย เพราะแบบนั้นหนูเลยไม่ได้ระวังตัวและต่อต้านเขา”
ญาธิดาหันไปมองลูกสาวสุดที่รัก เห็นดวงตาใสแป๋ว ใบหน้าอ่อนเยาว์ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ ท่าทางเหมือนไม่ได้พูดโกหก เห็นแบบนี้แล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ถ้าเป็นอีธานเธอคงไม่เป็นกังวลมากขนาดนี้
เธอไม่อยากให้ลูก ๆ ทั้งสองคนของเธอต้องเดินตามเส้นทางเดิมของเธอกับวิน ดังนั้นเธอจึงพยายามปกป้องความบริสุทธิ์และไร้เดียงสาของเอลล่าอย่างสุดกำลัง ถึงขนาดที่ไม่ให้เธอแตะต้องเรื่องธุรกิจและไม่ให้เธอติดต่อกับ ozone และหวังเพียงว่าเธอจะเติบโตขึ้นอย่างไร้เรื่องที่ต้องเป็นกังวล
ด้วยเหตุนี้เธอจึงอธิบายให้เอลล่าฟังไม่ได้ว่าคุณภวินท์คนนี้เป็นคนมากเล่ห์เพทุบาย และไม่สามารถบอกเธอได้ด้วยว่าสถานการณ์ของเธอในตอนนี้อันตรายมากจนอาจจะคร่าชีวิตของเธอได้
เมื่อเห็นสีหน้าของเธอดูเป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้ง เอลล่าก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดใจมากกว่าเดิม
เธอรีบโผเข้าไปในอ้อมแขนของผู้เป็นแม่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและทุกข์ใจ “ถ้าแม่ไม่ชอบ ถ้าอย่างนั้นต่อไปหนูจะไม่เจอกับคุณลุงคนนี้อีกแล้ว แบบนี้ก็จะไม่สร้างปัญหาให้คุณแม่แล้ว”
เมื่อญาธิดาได้ยินแบบนั้นเธอก็ยิ่งอึดอัดใจ เธอลูบผมของเอลล่าเบา ๆ คำพูดนับพันติดอยู่ในลำคอของเธอ และสุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมา
เมื่อทั้งสองกลับไปถึงบ้านพักของตระกูลสถิรานนท์ อีธานก็นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นก่อนแล้ว ครั้งนี้เขาไม่ได้บ่นเอลล่า สีหน้าที่ยากจะคาดเดาของเขาให้ความรู้สึกเหมือนเขารู้ทุกอย่างทั้งหมดอยู่ก่อนแล้ว
เอลล่าหลบสายตาของพี่ชายโดยไม่รู้ตัว เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอทำอะไรโดยทีปิดบังพี่ชายของเธอ ดังนั้นจึงแอบรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย
“เอลล่า…”
น้ำเสียงเย็นชาดังขัดขึ้นระหว่างทั้งสองคนอย่างกะทันหันทำเอาเอลล่าตัวสั่น ก่อนจะยัดโทรศัพท์ใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อโดยไม่รู้ตัวแล้วฉีกยิ้มมองไปทางต้นเสียงแสร้งทำเป็นร่าเริงพลางบ่นออกไปว่า “ทำไมจู่ ๆ ก็ส่งเสียงขึ้นมาแบบนี้เล่า ตกใจหมดเลย!”
“กำลังส่งข้อความให้ใครอยู่?” น้ำเสียงไม่พอใจของเขาดังขึ้นอีกครั้ง
เอลล่ายังคงทำสีหน้ารู้สึกผิดอยู่เหมือนอย่างเคย ราวกับว่าอยู่ต่อหน้าพี่ชายเธอไม่มีความลับอะไร และทำได้เพียงฝืนพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก “เปล่านะ เมื่อกี้กำลังคุยเรื่องงานกับลุงโอ๊ต”
อีธานเอียงศีรษะและตอบอย่างเฉยเมย “หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอไม่มีตารางงาน”
“พี่!” เอลล่าทำเสียงฮึดฮัดพลางกลอกตาขาวใส่เขา “ทำไมคอยเช็กตารางงานของหนูอยู่เรื่อยเลย หนูควรจะมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างสิ?!”
“ ‘พื้นที่ส่วนตัว’ ของเธอ อย่าให้คุณแม่รู้จะดีที่สุด ถ้าแม่รู้เรื่องที่เธอทำขึ้นมาละก็ ไม่มีทางเกลี้ยกล่อมง่ายเหมือนวันนี้แน่” อีธานจงใจทำเสียงเกรี้ยวกราดพูดตักเตือนเธอ
“พี่รู้ได้ยังไง?!” ดวงตากลมโตของเอลล่าเปล่งประกายระยิบระยับ หลังจากที่เธอทำความเข้าใจคำพูดของเขาแล้วก็ได้แต่ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา “แต่ว่าคุณลุงคนนี้ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรจริง ๆ…”
เธอยังพูดไม่ทันจบก็ถูกคำพูดของพี่ชายขัดขึ้นเสียก่อน “งั้นเธอจะมีโอกาสได้พบเขาในวันนี้เหรอ?”
เอลล่าเงียบกริบและแอบบ่นในใจ
ไม่มีเรื่องอะไรปิดบังพี่ชายของเธอได้จริง ๆ ด้วย เขานี่มันเป็นแบบจำลองของคุณพ่อโดยแท้เลย แถมยังน่ากลัวยิ่งกว่าคุณพ่อเสียอีก!
อีธานเหลือบมองไปข้าง ๆ ก่อนจะสั่งให้ป้าจันทร์เตรียมเสื้อผ้าและของใช้ประจำวันให้เขา ยังไงนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาออกไปจากบ้านพักอยู่แล้ว ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเขาได้เดินทางไปทำงานที่เมืองใกล้ ๆ อยู่บ้าน ดังนั้นป้าจันทร์จึงไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงไม่นานกระเป๋าเดินทางใบเล็กก็ถูกยกมาวางที่ห้องนั่งเล่น
เอลล่าเห็นแบบนั้นก็รีบเข้าไปขวางเขาไว้ทันที “ทำไมจู่ ๆ ถึงไปกะทันหันแบบนี้ล่ะ? นี่พี่จะไปไหน?”
“หลบหน้าเขา”
คำตอบของอีธานสั้นและกระชับ ทำเอาสีหน้าของเอลล่าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด และทั้งคู่ต่างรู้ดีว่า ‘เขา’ ที่กำลังพูดถึงนั้นหมายถึงใคร
“ไม่ช้าก็เร็วพี่กับเขาก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้พี่ไม่อยากเห็นหน้าเขา” หลังสิ้นเสียง แผ่นหลังเล็ก ๆ ของอีธานก็หายลับไปจากบ้านพัก
เอลล่ามองไปทางที่เขาเพิ่งจะเดินจากไปอย่างไม่เข้าใจ ได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น
เมื่อญาธิดาอาบน้ำเสร็จเดินลงมาแล้วไม่เห็นอีธานก็อดสงสัยไม่ได้ ด้านเอลล่าจะพูดว่าตัวเองสมรู้ร่วมคิดกับคนอื่นจนบีบให้พี่ชายต้องออกจากบ้านไปก็ไม่ได้ จึงทำได้เพียงแค่หาข้ออ้างว่ามีเรื่องที่บริษัท พี่ชายต้องกลับไปจัดการเหตุฉุกเฉินที่นั่นชั่วคราว
ญาธิดาไม่สงสัยอะไร แล้วเดินตรงไปที่โต๊ะอาหารเพื่อทานอาหารเย็น พลางเตือนป้าจันทร์ว่าอย่าลืมสั่งให้คนเอาอาหารไปส่งให้ลูกชายของเธอด้วย
เสียงกริ่งประตูหน้าบ้านดังขึ้น ป้าจันทร์รีบเช็ดไม้เช็ดมือเดินออกไปเปิดประตู เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคยยืนอยู่ตรงหน้าประตูก็ทำเอาเธอโพล่งพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว “คุณผู้ชาย?!”
ภวินท์พยักหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ผมมาหาธิดา”
ป้าจันทร์รีบขานรับใบหน้าประดับไว้ด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ “ถ้าคุณผู้หญิงรู้ว่าคุณกลับมาแล้วต้องดีใจแน่ ๆ เลยค่ะ!”
ขณะที่เธอพูดและกำลังจะเดินกลับเข้าไปเรียกญาธิดา จู่ ๆ เมื่อเธอหันกลับไปก็พบว่าญาธิดากำลังยืนอยู่ด้านหลังของเธอด้วยสีหน้าอึมครึม แถมยังพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจขึ้นว่า “เขาก็แค่หน้าตาคล้ายกับคุณผู้ชายก็เท่านั้น ป้าเรียกเขาว่าคุณวินก็พอแล้วค่ะ”
เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ชอบมาพากล ป้าจันทร์ก็ทำได้เพียงฝืนใจขานรับก่อนจะรีบก้าวเดินออกมาจากตรงนั้น ถึงได้กล้าหันกลับไปมองคนสองคนที่กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่ตรงหน้าประตู
ผู้ชายคนนี้ไม่ว่ามองยังไงก็คือคุณผู้ชายของเธอชัด ๆ คุณผู้หญิงเป็นอะไรไป…