ดวงใจภวินท์ - บทที่ 853 ส่งตัวถึงอ้อมแขน
ญาธิดาได้ยินเสียงกริ่งประตูนึกว่าอีธานกลับมาเอาของที่ลืมไว้ และพอดีเธอมีเรื่องงานที่ต้องปรึกษากับอีธานถึงได้เดินตามเสียงกริ่งออกมา
คิดไม่ถึงว่าเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูจะได้ยินป้าจันทร์เรียกออกมาว่า “คุณผู้ชาย”
หัวใจของเธอกระตุกเต้น “ตึกตัก” จู่ ๆ ก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นในใจ คิดไม่ถึงว่าเมื่อเดินออกมาจากประตูทางเข้าจะดันได้เจอกับคนที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุดอย่าง——ภวินท์
“คุณมาที่นี่ทำไม” เธอถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ภวินท์ไม่สนใจท่าทีของเธอ แต่กลับชี้ไปที่ของขวัญที่วางอยู่ข้าง ๆ เท้าของเขาและเอ่ยถามอย่างอดทนอดกลั้นว่า “ไม่คิดจะเชิญผมเข้าไปนั่งหน่อยเหรอ? นี่เป็นวิธีการต้อนรับแขกของพวกคุณหรือไง”
“ใช่!” เธอกัดฟันตอบ “บ้านของเราไม่ต้อนรับคุณ คุณกับของของคุณมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย”
เธอพูดพลางเอื้อมมือไปผลักไหล่ของภวินท์ ท่าทางราวกับเม่นที่กำลังชันขนแหลมคม แม้แต่น้ำเสียงและท่าทางก็เต็มไปด้วยความก้าวร้าว
เมื่อเห็นว่าประตูกำลังจะปิด จู่ๆ ภวินท์ก็เอื้อมมือออกไปขวางประตูไว้ เขาไม่ได้ห้ามไม่ให้ญาธิดาปิดประตู เพียงแต่เอามือไปวางไว้ในตำแหน่งที่จะถูกหนีบได้ง่าย ๆ ก็เท่านั้น
ประตูไม้เนื้อแข็งค่อย ๆ ปิดลงหนีบนิ้วมือเรียวสวยของเขาไว้ตรงกลางประตู แต่ก็แค่แตะเบา ๆ เท่านั้น แบบที่ว่าแทบไม่ได้สร้างบาดแผลหรือความเจ็บปวดอะไรให้เขาเลย
มือของทั้งคู่วางอยู่บนประตูเช่นเดียวกันและเอาแต่ยืนนิ่งเงียบอยู่แบบนั้น
ญาธิดาขมวดคิ้วแน่นมองเข้าไปในดวงตาสงบเยือกเย็นของเขาและเป็นฝ่ายยอมแพ้ในที่สุด
เธอแอบด่าตัวเองว่าไม่ได้เรื่องอยู่ในใจ แค่เห็นใบหน้าคุ้นเคยนี้ของเขาเธอก็ไม่สามารถใจร้ายหนีบนิ้วมือของเขาได้ลง
“ภวินท์ คุณต้องการอะไรกันแน่?!” ญาธิดาเปล่งเสียงขึ้นอย่างโกรธจัด
เธอพูดยังไม่ทันจบเมื่อภวินท์เห็นว่าสบโอกาสเขาก็รีบผลักประตูแล้วเดินเฉียดไหล่เธอเข้าไปในห้องรับแขกอย่างสง่าผ่าเผย แล้วนั่งลงด้วยท่าทีสง่างาม
“ผมกลับไปคิดถึงเรื่องที่คุณพูดมาแล้ว การที่ผมนัดพบเอลล่าตามลำพังแบบนั้นมันกะทันหันเกินไปจริง ๆ” เสียงทุ้มลึกของเขาดังไปทั่วห้องรับแขกและมันดูค่อนข้างจะกะทันหันเกินไป
ด้านเอลล่าที่ถูกเอ่ยถึงกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ได้แต่นั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟามองทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างเงียบ ๆ
ญาธิดาเหลือบมองของขวัญที่กองอยู่ตรงหน้าประตูและเข้าใจทุกอย่างทันที “ถ้าจะขอโทษคงไม่จำเป็นหรอก และตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว คุณรีบกลับไปได้แล้วค่ะก่อนที่จะเกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นขึ้นมาอีก”
“ขอโทษ?”
ภวินท์มองเธอยิ้ม ๆ ขาทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้วยกัน แล้วพูดขึ้นช้า ๆ ว่า “ผมไม่ได้มาขอโทษ แค่มาเพื่อแสดงความจริงใจ”
ขณะที่พูดเขาก็วางเอกสารที่เตรียมไว้วางลงบนโต๊ะ “งานของผมคือการหาตัวแทนโฆษณาที่เหมาะสมให้กับบริษัท และสัญญาฉบับนี้คือความจริงใจของผม”
สายตาของญาธิดาจับจ้องไปที่เอกสารก่อนที่ลางสังหรณ์ไม่ดีจะผุดขึ้นมาในใจ สัญชาตญาณบอกเธอว่าเรื่องนี้มันไม่ธรรมดา!
ถ้าเธอเซ็นชื่อในสัญญาฉบับนี้ก็เท่ากับเป็นการส่งตัวเอลล่าไปอยู่ในมือของศัตรู เป็นการส่งจุดอ่อนที่สามารถใช้ข่มขู่เธอได้ให้กับอาริโอ
แววตาของเธอเต็มไปด้วยความระแวดระวังจับจ้องไปที่ภวินท์ ก่อนจะพูดตอบเขาทีละคำว่า “ฉันไม่ใช่ผู้จัดการของเอลล่า ไม่มีสิทธิ์เซ็นสัญญาใด ๆ ทั้งนั้น และฉันไม่มีทางยินยอมให้เอลล่าไปเป็นตัวแทนโฆษณาให้พวกคุณแน่นอน คุณตัดใจแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า”
“ใช่!” เอลล่าพยักหน้าเห็นด้วย “หนูไม่ชอบคุณและไม่อยากทำให้คุณแม่ลำบากใจด้วย หนูไม่มีทางรับงานโฆษณาอันนี้เด็ดขาด”
เมื่อได้ยินคำตอบของทั้งสองคน ภวินท์ดูไม่แปลกใจเลยสักนิด ราวกับว่ารู้อยู่ก่อนแล้วว่าพวกเธอจะตอบแบบนี้ เขาจึงเอ่ยขึ้นช้า ๆ ว่า “ในเมื่อทั้งสองท่านจงใจทำให้ผมลำบากใจแบบนี้ งั้นผมคงทำได้แค่ใช้วิธีการพิเศษแทนแล้วล่ะ”
ญาธิดาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันได้ถามว่าเขาต้องการจะทำอะไร ภวินท์ก็เดินไปขวางสาวรับใช้พร้อมกับถามทางไปห้องรับรองแขกก่อนจะเดินเข้าห้องนอนรับรองแขกห้องหนึ่งอย่างพึงพอใจ แถมยังทำตัวคุ้นเคยราวกับที่นี่เป็นบ้านของเขายังไงอย่างนั้น
เมื่อเห็นฉากนี้เข้าไปญาธิดาถึงกับโมโหขึ้นมาทันที เธอรีบเดินตามไปที่ห้องนอนแขก ทว่าเธอไม่ทันระวังทำให้สะดุดล้มเข้าไปกระแทกเข้ากับหน้าอกแข็งแรงของภวินท์
กลิ่นอันแนคุ้นเคยเข้าห่อหุ้มรอบตัวเธอ บวกกับบรรยากาศอันแสนคุ้นเคยรอบ ๆ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปเมื่อสองปีก่อนและเหม่อลอยไปชั่วขณะ
“นี่คุณญาธิดาคิดจะส่งตัวถึงอ้อมแขนด้วยตัวเองเหรอ?”
น้ำเสียงหยอกล้อปะปนกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มดังขึ้นข้าง ๆ หูของเธอ ทำให้เธอได้สติและรู้สึกตัวจนเกือบจะโพล่งตัวลุกออกจากอ้อมแขนที่โหยหามานานโดยไม่รู้ตัว
รอบเอวถูกโอบรัดไว้แน่น ความรู้สึกร้อนผ่าวแผ่ซ่านจากแก้มมาจนถึงโคนหู มือเล็ก ๆ ของเธอออกแรงดันหน้าอกของเขาเอาไว้ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเก้อเขิน ความโกรธเคืองและร้อนใจ “ปล่อยฉัน! ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกให้คนช่วยแล้วนะ?!”
ถ้าเธอไม่พูดแบบนี้ออกมาคงจะดีกว่านี้ เพราะพูดออกมาแล้วเหมือนกำลังเตือนบางอย่างให้ภวินท์รู้มากกว่า เขารีบยกเท้าขึ้นปิดประตูแน่น แล้วดันร่างเพรียวบางของเธอแนบชิดกับประตูเย็นเฉียบ
“แค่ใบหน้าของผมก็ไม่มีใครช่วยคุณแล้ว…”
ภวินท์โน้มใบหน้าลงเล็กน้อย ริมฝีปากบางแนบกับใบหูของเธอพลางกล่าวเตือน ลมหายใจอุ่น ๆ รินรดอยู่บนขมับของเธอจนเธอตั่วสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ จนแม้แต่มือที่วางทาบอยู่บนหน้าอกของเขาก็คลายแรงออกด้วยเหมือนกัน
ร่างอันร้อนระอุของทั้งสองคนแนบชิดเข้าด้วยกันจนรู้สึกถึงหัวใจที่กำลังเต้นแรงของอีกฝ่าย เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ เริ่มผุดออกมาตามหน้าผากของเธอ เธอได้แต่กัดฟันแน่นพยายามรักษาสติสัมปชัญญะที่เหลือเพียงน้อยนิดของตัวเองไว้ “ฉันมีสามีแล้ว แต่ไม่ใช่คุณ…”
เธอแอบกัดฟันแน่นและพยายามเตือนตัวเองว่าอย่าเคลิบเคลิ้มไปตามบรรยากาศนี้เด็ดขาด ผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่ภวินท์ที่ฝังเธอเอาไว้ในใจคนนั้นอีกแล้ว เธอจะชะล่าใจกับคนที่จ้องจะทำร้ายเธอคนนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมองออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ริมฝีปากบางของภวินท์ค่อย ๆ กระตุกยิ้ม น้ำเสียงขี้เล่นดังขึ้นคล้ายกำลังหยอกล้อ “ดูเหมือนว่าร่างกายของคุณจะยอมรับในตัวตนของผมไปแล้วนะ…”
ยิ่งได้ยินแบบนั้นใบหน้าของเธอก็ยิ่งร้อนระอุ หัวใจเต้นระส่ำ เธอพยายามดิ้นรนสุดกำลังเพื่อหนีจากการควบคุมของเขา และกลัวว่าเขาจะเห็นด้านที่น่าอับอายของเธอ
วินาทีต่อมา การกระทำของเธอก็ถูกยับยั้งด้วยแรงมหาศาล ก่อนที่ริมฝีปากบางเย็นเฉียบจะประกบทาบบนริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธออย่างแม่นยำ
ตูม——
หัวของญาธิดาระเบิดตูมทันที เลือดทั่วทั้งร่างกายคล้ายกำลังแข็งตัว ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่และปล่อยให้ภวินท์ลิ้มรสริมฝีปากของเธอตามอำเภอใจ
ภายในหัวของเธอว่างเปล่า ภาพตรงหน้าล้วนเป็นภาพที่เคยอยู่กับภวินท์เมื่อในอดีต ความรู้สึกและลมหายใจที่คุ้นเคยเหมือนกำลังเตือนเธออย่างเงียบ ๆ ว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่เธอยังคงตั้งหน้าตั้งตารอคอย
วินาทีที่ขาทั้งสองข้างอ่อนแรง ร่างของเธอก็ถูกรวบขึ้นก่อนที่ภวินท์จะวางเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ …
หลังจากผ่านค่ำคืนแห่งความฝันอันแสนหวาน ญาธิดาลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ ของตกแต่งรอบ ๆ ห้องและร่างกายที่ถูกทำความสะอาดเรียบร้อยของเธอเป็นสิ่งเตือนใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
เธอรีบตบใบหน้าตัวเองเพื่อปลุกตัวเองให้ตื่น ก่อนจะลากร่างอันหนักอึ้งและปวดร้าวของตัวเองออกจากเตียงอย่างยากลำบาก แล้วโผล่หน้าออกไปจากประตูห้องนอนแขกผ่านช่องประตูเล็ก ๆ
ราวกับกลัวว่าจะถูกคนอื่นจับได้ เธอมองซ้ายมองขวาไม่หยุด จนแทบอยากจะขุดดินทะลุไปถึงห้องนอนของตัวเองเสียตอนนี้ หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นเธอจึงแอบย่องเดินออกมาจากห้องนอนแขก