ดวงใจภวินท์ - บทที่ 855 มาทวงคืน
บทที่ 855 มาทวงคืน
เธอมองภวินท์ด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจแล้วพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “คุณมากับฉัน!”
ภาพภวินท์ที่กำลังปลอบใจเอลล่าแวบเข้ามาในสายตาของเธอ ตอนนี้ความรู้สึกของเธอสับสนยุ่งเหยิงกันไปหมด เธอเดินนำไปที่ห้องรับแขกตามด้วยภวินท์ที่กำลังเดินตามเธอด้วยแววตาจริงจัง
ทั้งสองคนมองหน้ากันอยู่หลายวินาที และสุดท้ายเธอก็เป็นฝ่ายที่ต้องยอมแพ้ก่อนและถอนหายใจยาวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “คุณภวินท์ คุณน่าจะเห็นแล้วว่าเอลล่าชอบคุณมากจริง ๆ”
“ผมรู้” เขาตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
ญาธิดาจ้องเขาแล้วพูดเน้นย้ำทีละคำว่า “ฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเข้าหาเอลล่าเพื่อจุดประสงค์อะไร ฉันหวังว่าคุณจะไม่ทำร้ายเธอ”
ภวินท์ฟังที่เธอพูดก่อนจะหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าของเธอพร้อมด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมรับรองได้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะดูแลและรับรองความปลอดภัยของลูกแน่นอน”
เมื่อเห็นใบหน้าจริงจังของเขา หัวใจที่กำลังหวาดกลัวของเธอก็ค่อย ๆ สงบลง ความรู้สึกมั่นคงที่อธิบายไม่ถูกแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจของเธอ
ราวกับว่าเธอควรจะเชื่อใจเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข…
ซึ่งเธอตกใจกับความคิดนี้ของตัวเองอย่างอธิบายไม่ถูก เมื่อมองสบตากับภวินท์อีกครั้งสีหน้าของเธอดูรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะรีบเบือนหน้าหนี แล้วพูดด้วยเสียงอู้อี้ว่า “ฉันมีเรื่องอยากจะขอให้คุณช่วย”
ภวินท์เหลือบมองเธอ
“เธอต้องการใครสักคนมาเล่นเป็นบทพ่อของเธอ ฉันหวังว่าคุณจะใช้เวลาที่ได้อยู่กับเธอชั่วคราวระยะนี้ทำให้เธอค่อย ๆ ยอมรับความจริงเรื่องที่คุณไม่ใช่คุณพ่อของเธอ”
เธอกระอักกระอ่วนใจพูดคำเหล่านี้ออกมา แล้วก็เงียบไปครู่หนึ่ง กลัวว่าจะได้ยินคำปฏิเสธของภวินท์ และสิ่งที่เหนือความคาดหมายคือสิ่งที่เธอได้รับมีเพียงความเงียบ
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดตะกุกตะกักขึ้นมาอีกครั้งว่า “ฉันรู้ว่าคำขอพวกนี้มันค่อนข้างกะทันหันเกินไป ดังนั้นถึงคุณจะไม่ตอบตกลงก็ไม่เป็นไร…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ เสียงหนักแน่นของผู้ชายคนนั้นก็ดังเข้ามาในหูของเธอ “ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ผมจะพยายามเป็นพ่อที่ดี”
แววตาของญาธิดาเปล่งประกายและหันมองเขาด้วยความประหลาดใจ
“ไม่เชื่อ? หรือว่าคุณคิดว่านี่เป็นแค่อุบายไหลไปตามน้ำของผมเท่านั้น?” เขาพูดอย่างติดตลก
ญาธิดารีบส่ายหน้ารัว ๆ ราวกับว่ายังจมอยู่ในเรื่องที่ทำให้ตกใจเมื่อครู่และยังไม่ได้สติ ผ่านไปสักพักก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ “คุณภวินท์ ฉันยินดีรับปากเรื่องเซ็นสัญญาของคุณ แต่ไม่ใช่ตอนนี้…”
“ไม่รีบ” แม้ว่าเขาจะเลิกคิ้วแสร้งทำเป็นประหลาดใจแต่แววตาคู่นั้นก็ยังนิ่งสงบอยู่เหมือนเคย และดูเหมือนเขาจะไม่ประหลาดใจเลยด้วยที่เธอพูดแบบนี้
ไม่ว่ายังไงก็ตามถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเอลล่า เธอควรจะขอบคุณเขา
ภายในอาคารสองชั้นที่ตั้งอยู่ครึ่งทางครึ่งเขา นพเก้าเพิ่งจะฉีกเอกสารที่ได้นับจนแหลกละเอียด ก่อนจะโยนมันทิ้งลงในถังขยะอย่างโมโห
วันนี้เธอได้รับแจ้งจากทางสหพันธ์การค้าอีกแล้ว และ อาริโอได้กีดกันสิทธิ์ของเธอที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดอย่างเด็ดขาดแล้วโดยให้เหตุผลว่าระยะที่ผ่านมาเธอออกนอกลู่นอกทางมากเกินไป
และผู้ที่ทำให้เธอไม่สามารถทำตัวให้อยู่ในลู่ทางได้ก็คือภวินท์ คนที่เธอเป็นกังวลมากที่สุด——
เธอไม่ได้เจอแม้แต่เงาของภวินท์มาเป็นอาทิตย์แล้ว ความหวาดกลัวและไม่สบายใจก็ค่อยๆ ปะทุรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เธอจึงทำได้เพียงแค่แอบระดมคนของอาริโอไปตามสืบร่องรอยของเขา คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะถูกอาริโอจับได้ก่อนซะได้
ประเด็นสำคัญคือช่วงที่วินหายตัวไปเป็นเพราะไปอยู่ที่บ้านของญาธิดานังผู้หญิงชั้นต่ำนั่น!
เธอไม่แน่ใจว่าตอนนี้ความทรงจำของเขากลับมาแล้วหรือยัง และยิ่งกลัวอีกว่าถ้าสองคนอยู่ด้วยกันนานไปแล้วญาธิดาจะกระตุ้นความทรงจำของเขาขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าเป็นแบบนั้นทุกอย่างที่เธอทำมาก็สูญเปล่าหมดน่ะสิ!
ยิ่งคิดก็ยิ่งหายใจไม่ออก จนเธอต้องรีบบึ่งมาที่บ้านพักตระกูลสถิรานนท์ทันทีโดยไม่ทันคิด ญาธิดาเพิ่งจะเปิดประตูออกก็มีเสียงของผู้ชายที่คุ้นเคยก็ดังลอดออกมาจากประตูและมันทำให้เธอแทบบ้า
สีหน้าของญาธิดาดูดีไม่น้อย แถมยังดูไม่แปลกใจกับการมาปรากฏตัวของเธอแล้วมองเธอยิ้ม ๆ ด้วย “คุณเก้ามาเยี่ยมถึงบ้านด้วยตัวเองแบบนี้ มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”
“อย่ามาเสแสร้งตีหน้าซื่อแถวนี้ ฉันมาที่นี่ทำไมเธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจ!” ขณะที่พูดเธอยังพยายามเบียดตัวเข้าไปตามช่องของประตู
เมื่อญาธิดาเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจึงรีบปิดประตูใหญ่ทันทีทำให้พวกเธอทั้งสองคนถูกกั้นไว้ด้านนอกประตู
“ฉันกับคุณเก้าต่างคนต่างความคิดจะไปรู้ได้ยังไงว่าคุณมาที่นี่เพื่ออะไร” เธอยังคงเลิกคิ้วอธิบายด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มอย่างไม่สนใจใคร “ขอโทษด้วยนะคะ พอดีที่บ้านมีแขกคนสำคัญอยู่ข้างในคงจะเชิญคุณเข้าไปดื่มน้ำชาข้างในไม่ได้”
การกระทำเหล่านี้ของเธอสำหรับนพเก้าแล้วมันดูเหมือนกำลังโอ้อวดเสียมากกว่า
นพเก้ายิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ก่อนจะคว้าข้อมือของเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ทำไม? กล้ายั่วยวนแฟนของคนอื่นเขาแต่ไม่กล้ายอมรับเหรอ?”
ญาธิดามองเธอพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย “คำพูดพวกนี้ฉันขอคืนให้เธอจะดีกว่านะ กล้ายั่วยวนสามีของคนอื่น ก็อย่ากลัวที่จะสูญเสียมันไปด้วยวิธีเดียวกันสิ”
เธอพูดพลางสะบัดแขนของนพเก้าออกแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ถ้าเธอผิดก็คงจะผิดที่ไม่ควรวางอำนาจบาตรใหญ่ที่นี่ ตอนนี้ภวินท์อยู่ในอาณาเขตของฉัน ฉันจะหยุดหรือไม่หยุดมันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของฉัน…”
“แก…”
นพเก้าอึ้งไปครู่หนึ่ง และเมื่อตระหนักได้ว่าคำขู่ของตัวเองเปล่าประโยชน์ความโกรธในใจของเธอก็ยิ่งปะทุรุนแรงขึ้น เธอที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงในตอนนี้ไม่หลงเหลือความสง่าและความเฉลียวฉลาดอย่างเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้เธอเหมือนกับผู้หญิงบ้าที่คอยวิ่งตามญาธิดาอย่างขาดสติ
“เธอมีนิธิศกับอาริโออยู่แล้วทำไมถึงยังยุ่งกับผู้ชายของฉันไม่เลิก เธอมันผู้หญิงชั้นต่ำหน้าไม่อาย…”
เพี๊ยะ——
เธอยังไม่ทันได้ด่าจบฝ่ามือของญาธิดาก็ยกขึ้นฟาดลงที่ข้างแก้มของเธอ ตบครั้งนี้เธอออกแรงเต็มแรง แม้แต่ฝ่ามือของญาธิดายังรู้สึกแสบชา
ความรู้สึกเจ็บปวดและมึนชายังไม่ทันหาย ฝ่ามือครั้งที่สองก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ตามด้วยครั้งที่สาม…
แก้มของนพเก้าปูดบวม ท่าทางโมโหไร้สติแตกต่างจากญาธิดาที่วางท่าสวยสง่าโดยสิ้นเชิง
“ตบครั้งแรกเอาคืนที่เธอตบฉันในห้องน้ำบริษัท ตบครั้งที่สองเอาคืนที่เธอติดค้างฉันกับการแย่งวินไปตลอดสองปีที่ผ่านมา ตบครั้งที่สามสำหรับที่เธอหลอกลวงภวินท์ไง!”
เมื่อได้เผชิญหน้ากับความเกลียดแค้นอย่างบ้าคลั่งในแววตาของเธอ นพเก้าถึงกับถอยหลังออกไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว เธอเกร็งคอก่อนจะตะคอกออกมาอย่างหมดเรี่ยวแรง “วินเลือกที่จะอยู่กับฉันเอง เรื่องของความรู้สึกเธอจะมาบังคับกันแบบนี้ไม่ได้”
ญาธิดาได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะเยาะออกมาก่อนจะโน้มตัวไปแง้มประตูราวกับกำลังมองเธออย่างเย้ยหยัน “ตอนนี้ภวินท์อยู่ที่หลังประตูบานนี้ เธอเข้าไปพาเขากลับบ้านไปได้แล้ว”
แก้มของนพเก้าปูดบวมจนน่าตกใจ ใบหน้าแสนสวยตอนนี้ดูน่าเกลียดมาก เธอลูบแก้มของตัวเองอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวางมือขาว ๆ ไว้ตรงประตู
ก่อนที่เธอจะเปิดประตู เสียงของญาธิดาก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังว่า “คิดให้ดีก่อนว่าเธอมาทำไมที่นี่แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเข้าไปไหม จะได้ไม่ทำให้ตัวเองต้องเสียหน้า…”
เธอชะงักนิ่งไป ความลังเลในใจยิ่งทวีคูณมากขึ้น
ถ้าวินอยากกลับบ้านจริง ๆ เธอคงไม่มีความจำเป็นต้องบุกมาหาถึงบ้านพักของญาธิดา เธอไม่อยากให้วินเห็นตัวเองในสภาพจนตรอกแบบนี้ และไม่อยากให้นังผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้หัวเราะเธอเหมือนเป็นตัวตลก
เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็ค่อย ๆ ชักมือกลับ ก่อนจะจ้องญาธิดาตาเขม็ง “อย่าได้ใจนานเกินไปอีกไม่นานมันก็จะถึงตาของเธอแน่”
“แล้วฉันจะรอดู”
หลังจากพูดจบญาธิดาก็เดินกลับเข้าไปในบ้านพักอีกครั้ง ก่อนปิดประตูเสียงดัง “ปึง”