ดวงใจภวินท์ - บทที่ 857 ไม่ต้องเสแสร้งอีกแล้ว
บทที่ 857 ไม่ต้องเสแสร้งอีกแล้ว
ญาธิดาจงใจทำสีหน้าเหมือนเสียดายอาลัยอาวรณ์ แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้ายอมทำตาม “เตรียมของทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเหรอคะ?”
“ผมมาบอกคุณว่าตอนนี้ผมมีธุระต้องออกไปจัดการสักประเดี๋ยว คุณกับต้นกล้าไปรอผมที่สนามบินก่อนเลย” ท่าทีและสีหน้าของเขาดูห่างเหินและเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด
เธอรีบตอบเขาทันที “ฉันกับต้นกล้ารอคุณอยู่ที่นี่ก็ได้”
แบบนั้นจะได้พอมีเวลาส่งเอกสารที่เธอตามหามากขึ้นอีกหน่อย ถ้าทันเวลาเธอก็สามารถใช้เอกสารปลอมมาเปลี่ยนและขโมยเอกสารฉบับจริงไปให้อลิสาเลย
“ไม่ได้” นิธิศไม่แม้แต่จะคิดแถมยังปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมไปที่สนามบินสะดวกมากกว่า คุณกับต้นกล้าต้องไปรอผมที่นั่นก่อน”
เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ญาธิดาก็รู้แล้วว่าเขาอาจจะเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วจึงไม่ได้พูดอะไรอีก และฝืนยิ้มสดใสร้องเรียกต้นกล้า
หลังจากทั้งสองคนจากไปแล้วเขาก็รีบก้มตัวลงมองไปที่ใต้เตียงทันที เมื่อเห็นเศษฝุ่นที่ตกลงมาประกอบกับรอยนิ้วมือบนเศษฝุ่นพวกนั้น แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยไอสังหารอย่างรุนแรง และไม่หลงเหลือความอบอุ่นอ่อนโยนอยู่อีกเลย
ภายในร้านกาแฟ นพเก้าเห็นเขาเดินเข้ามาด้วยใบหน้าบูดบึ้งก็รีบร้องทักด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังเยาะเย้ย “ได้ยินว่าคุณกำลังจะไปเที่ยวพักผ่อนกับญาธิดา? ขนาดเรื่องนี้ยังไม่สามารถทำให้คุณดีใจได้อีกเหรอ?”
เมื่อนิธิศได้ยินก็ตวัดสายตามองอย่างเย็นชา “ข่าวเธอนี่ไวจริง ๆ เลยนะ”
“ฉันยังมีข่าวที่ไวกว่านี้ยังไม่ได้บอกคุณอีกนะ”
เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ทุกฉากที่เกิดขึ้นที่บ้านพัก เธอก็ได้แต่กัดฟันแน่นอย่างโหดเหี้ยม “เธออยู่ด้วยกันกับภวินท์แล้ว แถมยังยอมรับการตามจีบจากอาริโอด้วย สุดท้ายแล้วคุณก็เป็นได้แค่ตัวสำรอง”
ปึง——
เขาวางแก้วกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง พลางพูดด้วยน้ำเสียงอึมครึมว่า “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”
นพเก้าตกใจ
“ตอนนี้ชีวิตของเขาเป็นของเธอ ถ้าเธอทำไม่ได้ ฉันจะทำแทนเธอเอง!”
เมื่อได้ยินเสียงไร้ความรู้สึกของเขานพเก้าเริ่มรู้สึกหนาวเหน็บในหัวใจ ในสายตาของเธอผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าคนนี้เป็นเสมือนปีศาจที่คลานออกมาจากนรก
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามบังคับให้ตัวเองสงบเข้าไว้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คนตัวเล็กอยากฉันไม่กล้าแบกรับชีวิตใครหรอก ฉันต้องการแค่ของเพียงอย่างเดียวก็สามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้แล้ว”
นิธิสเงยหน้าขึ้นมองอย่างเฉยเมยและส่งสัญญาณให้เธอพูดต่อไป
“สิ่งที่ฉันต้องการง่ายนิดเดียว มันคือหลักฐานที่บ่งบอกว่าญาธิดาทำงานกับozone” แววตาของเธอเปล่งประกาย
“ขอแสดงความยินดีให้พวกเราร่วมมือกันอย่างมีความสุขล่วงหน้า…”
นิธิศว่าพลางยกแก้วขึ้นชนกับแก้วของเธอ หลังจากดื่มเครื่องดื่มจนหมดแก้วแล้วเขาก็รีบเดินออกจากร้านกาแฟไป
สามวันต่อมา ทั้งสองคนพาต้นกล้าไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ของโรงแรม
ญาธิดากำลังเลื่อนดูคลิปวิดีโอสั้นอย่างสนอกสนใจ พลางส่งเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขออกมาเป็นครั้งคราว โทรศัพท์ของเธอสั่นก่อนที่ข้อความจากอลิสาจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
“เอกสารไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เธอบอก ดูจากร่องรอยลายนิ้วมือแล้วคิดว่ามันคงจะถูกเก็บไปแล้ว ทิวัตถ์อาจจะรู้จุดประสงค์ของเธอแล้ว ระวังตัวให้มากด้วย”
ญาธิดาเหลือบมองนิธิศอย่างระแวดระวังและรีบตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “วันนั้นฉันอยู่กับเขาตลอดเวลา เขาไม่มีเวลามากพอที่จะเคลื่อนย้ายเอกสารแน่นอน ปูพรมตามหาต่อไป เอกสารจะต้องยังอยู่ในบ้านของเขาแน่”
“พวกเราเจอช่องลับอยู่ภายในห้องของต้นกล้า แต่มันติดไซเรนเตือนภัยอิเล็กทรอนิกส์เอาไว้ ตอนนี้กำลังพยายามหาทางรื้อถอนอยู่ ถ้าหากแผนการล้มเหลวให้ป้องกันตัวเองก่อน”
หลังจากอลิสาตอบประโยคนี้กลับมาเธอก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาอีก
ญาธิดาเหลือบมองแลปทอปของนิธิศ บนหน้าจอแสดงเอกสารแผนงานของเดือนหน้าอยู่ เธอจึงแสร้งทำเป็นห่วงเป็นใย “มันยุ่งยากมากเลยเหรอ? จัดการเป็นยังไงบ้างแล้วคะ?”
“ถ้ารู้สึกเบื่อก็พาต้นกล้ากลับไปก่อนเถอะ” นิธิศเผยรอยยิ้มจาง ๆ ออกมา “ขอโทษด้วยนะครับ คิดไม่ถึงว่าเอกสารนี้จะเร่งด่วนขนาดนี้ ทีแรกก็อยากจะพาคุณกับต้นกล้าเที่ยวแท้ ๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ งานสำคัญ” เธอพูดพลางเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อีกครั้ง
ทั้งสองคนต่างมีความวิตกกังวลของตัวเอง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในมือกลายเป็นเครื่องมือปกปิดที่ดีที่สุด และต่างคนต่างไม่มีใครพูดอะไรต่อ
นิธิศเหลือบมองเธอ บนใบหน้าไม่หลงเหลือรอยยิ้มอยู่เลย แถมยังแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือก ปลายนิ้วของเขาแตะลงบนคีย์บอร์ด เอกสารที่ปรากฏบนหน้าจอเปลี่ยนไปเป็นหน้าเว็บของหน่วยงานทันที
ข้างบนนั้นแสดงข้อมูลส่วนตัวของญาธิดา ถึงแม้ว่าข้อมูลจะไม่ได้ชัดเจนไปเสียทีเดียวแต่ก็พอมองเห็นเบาะแสบางอย่างได้บ้าง
ในขณะที่เขากำลังขัดแย้งกับตัวเองว่าจะส่งข่าวนี้ให้นพเก้าดีไหม จู่ ๆ สัญญาณเตือนภัยระบบทางไกลที่ติดตั้งเอาไว้ในคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงร้องออกมาพร้อมกัน
ญาธิดาตึงเครียดขึ้นมาทันที สายตาของเธอจับจ้องไปทางเขาอย่างระแวดระวัง หัวใจกระตุกขึ้นมาจุกอยู่ในลำคอ เธอได้แต่แสร้งทำเป็นสงบแล้วถามเขาว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
นิธิศหันมาหาเธอด้วยใบหน้าอึมครึมก่อนจะพูดย้ำทีละคำว่า “คุณมากับผมหน่อย…”
เมื่อเธอได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเหลือบมองต้นกล้าอย่างเป็นห่วงพลางเหลือบมองไปยังที่อื่น ๆ ก่อนจะเดินตามเขาไปด้วยร่างอันหนักอึ้ง
ในตำแหน่งที่เธอกวาดสายตามองผ่านเมื่อครู่นี้มีคนสองคนสวมแว่นกันแดดกรอบใหญ่นั่งอยู่ หนึ่งคนในนั้นเอ่ยขึ้นด้วยความกังวลด้วยน้ำเสียงเยาว์วัย “จะตามไปดูหน่อยไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? แบบนี้เธออาจจะกำลังตกอยู่ในอันตรายก็ได้”
ก่อนที่อีกคนจะพูดจบ ชายคนนั้นก็ลุกตัวขึ้นยืนอย่างสง่าผ่าเผย หลังจากกำชับให้เด็กสาวดูแลต้นกล้าให้ดีแล้วเขาก็รีบเดินตามทั้งสองคนออกไปทันที
นิธิสเดินนำขึ้นไปบนดาดฟ้า ก่อนจะหันมองญาธิดาที่กำลังเดินตามมาด้านหลังด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดแค้น “เธอรู้นานแล้วใช่ไหม?”
ญาธิดาชะงักฝีเท้า ฉีกยิ้มเจื่อน ๆ แล้วเอ่ยถามเขาอีกครั้งทั้ง ๆ ที่รู้ว่าหมายถึงอะไร “รู้อะไรเหรอคะ?”
นิธิศมองท่าทางของเธอ ความโกรธในใจของเขาปะทุรุนแรงจนตะคอกใส่เธออย่างเย็นชา “ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว! นิธิศตัวจริงตายไปนานแล้ว! ที่เธอพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อล่อฉันออกมาก็เพื่อเอกสารฉบับนั้นไม่ใช่หรือไง?”
เขากัดฟันเปิดโปงทุกอย่างออกมาหมด ด้านญาธิดาก็ไม่ปิดบังอีกต่อไปและตอบเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “คุณฆ่าพี่สะใภ้ของตัวเอง มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะหลุดพ้นโทษไปตลอดชีวิต”
“เธอคิดว่าฉันคร่าชีวิตคนแค่คนเดียวงั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นบอกเธอตามตรงเลยดีกว่าว่าการตายของไอ้แก่นั่นก็ไม่ใช่อุบัติเหตุ แล้วยังมีพี่ชายของฉัน…”
นิธิศเงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยัน “พวกเราสองคนเหมือนกันอย่างกับคนคนเดียวแท้ ๆ ทำไมเขาถึงได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสวย ๆ ได้กินอาหารดี ๆ แต่ฉันกลับต้องอยู่กับฝูงสัตว์ในชนบท!”
สายลมหนาวโบกพัดผ่าน ญาธิดาตัวสั่นเทาอย่างห้ามไม่ได้ หลังจากถอยหลังกลับไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัวแล้วถึงรู้ว่าตอนนี้แผ่นหลังของเธอเหนียวเหนอะไปด้วยเหงื่อ
คนตรงหน้าไม่มีผู้ชายที่อ่อนโยนและสง่างามเลยสักนิด เขามันปีศาจชัด ๆ!
นิธิศเดินตามเข้ามาหาเธอทีละก้าว เพียงไม่นานก็เดินเข้ามาถึงตรงหน้าของเธอ ก่อนจะคว้าแขนของเธออย่างแรงและระบายความแค้นภายในใจออกมาไม่หยุด
“แล้วยังมีต้นกล้า ถ้าไม่ใช่เพราะเขายังมีประโยชน์ให้ใช้ได้อยู่บ้าง เขาก็คงหายไปจากโลกนี้ตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้เขาไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว…”
สีหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ พลางพูดย้ำทีละคำว่า “เธอไปรอเขาข้างล่างเถอะ อีกไม่นานเขาก็จะตามไปเป็นเพื่อนเธอ…”
ญาธิดาขนลุกขนชัน ยังไม่ทันจะรู้สึกตัวร่างเพรียวบางของเธอก็ถูกเขาลากไปจนสุดขอบดาดฟ้าแล้ว