ดวงใจภวินท์ - บทที่263 เลื่อนตำแหน่งเป็นเลขา
บทที่263 เลื่อนตำแหน่งเป็นเลขา
ญาธิดาไม่มีของอะไรมากมายที่จะต้องเก็บ บวกกับเธอได้ลาพักร้อนไปหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้เพิ่งจะกลับมาบริษัท ในมือยังไม่มีภาระงานเร่งด่วนอะไร หลังจากที่เธอเก็บอุปกรณ์สำนักงานที่จำเป็นสองสามอย่างลงในลังกระดาษ ก็ไปที่สำนักงานCEO
เมื่อถึงสำนักงานCEO พายุก็ได้ยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า ดูเหมือนจะยืนรอเธอโดยเฉพาะ
เธอเพิ่งจะเดินเข้าไป ก็ได้ยินพายุพูดว่า “คุณเลขา ที่ทำงานคุณอยู่ตรงนี้ ตามผมมาเลยครับ”
คุณเลขา
ได้ฟังการเรียกชื่อแบบนี้ ญาธิดาถึงกับขำไม่ออก เธอพึ่งจะมาสำนักงานCEO พายุเรียกเธอแบบนี้ก็เร็วเกินไป สมกับที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสามารถของภวินท์
ญาธิดากระตุกริมฝีปาก แต่ไม่พูดอะไร เดินตามเขาเข้าไปที่ห้องทำงาน
ก็คือห้องทำงานของนวิยานั่นเอง โต๊ะที่ว่างเปล่าตรงหน้าเธอ ก่อนหน้านี้ก็เป็นโต๊ะของนีราภา เมื่อญาธิดได้ดู ถูกส่งมาที่นี่โดยปริยาย นวิยาไม่อยู่ ก็เท่ากับเธอครองห้องทำงานอยู่คนเดียว
ตรงนี้ดูใหญ่กว่าแผนกธุรการที่เธอทำงานอยู่มากเลย สว่างไสวกว้างขวาง ยังมีหน้าต่างบานใหญ่อีกด้วย
เมื่อเห็นสภาพแวดล้อมที่โอเค ความรู้สึกกดดันของญาธิดาก่อนหน้านี้ก็ดูผ่อนคลายลง เธอหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับหยิบของมาวางบนโต๊ะ
พายุได้เดินไปข้างหน้า สีหน้าดูจริงจัง พูดเบาๆว่า “ ในฐานะเลขาท่านประธานผมขอแจ้งรายละเอียดงานให้คุณสักหน่อยนะครับ”
เมื่อญาธิดาได้ยิน สีหน้าดูจริงจังทันที จึงหยิบสมุดเล่มเล็กหนึ่งเล่มพร้อมปากกาหนึ่งด้ามขึ้นมา
“ ทุกวันตอนเช้าต้องมาถึงห้องทำงานก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง ทำความสะอาดห้องทำงานท่านประธาน เตรียมกาแฟ จัดเวลาการเดินทางของท่านประธาน รับรองแขกบางส่วนในบางเวลาที่จำเป็น ติดตามการไปประชุม รับผิดชอบจดบันทึก…… ”
พายุพูดไวมาก ญาธิดาต้องบันทึกอย่างรวดเร็วถึงจะสามารถจดคำที่เขาพูดเหล่านี้เอาไว้ได้ กระดาษหนึ่งแผ่นที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ คาดไม่ถึงว่าจดจนหมดกระดาษ
“ ก็ประมาณนี้ อื่นๆค่อยจัดการตามที่คุณภวินท์ต้องการครับ”
ญาธิดาแอบประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าการเป็นเลขาท่านประธานจำเป็นต้องทำงานเยอะแยะมากมาย พูดตามหลักคงจะยุ่งน่าดู งั้นก่อนหน้านี้นีราภาทำไมถึงหาเรื่องทะเลาะกับเธอไปทั่วละ
เธอไม่ทันได้ให้คิดเข้าใจ ก็ได้ยินพายุพูดชัดถ้อยชัดคำว่า “ ตารางการเดินทางของคุณภวินท์ผมจะส่งให้คุณหนึ่งฉบับ กำหนดงานวันนี้ในช่วงบ่ายคุณไม่จำเป็นต้องเข้าร่วม คุณทำความรู้จักกับสภาพแวดล้อมและเนื้อหางานก็พอแล้ว”
ญาธิดาตั้งสติ พยักหน้ากับเขา ยิ้มมุมปาก “ ได้ค่ะคุณพายุ”
พายุได้พยักหน้ากับเธอเล็กน้อย ถึงจะหันตัวไปเตรียมจะเดินออก
เขาเพิ่งจะเดินไปสองก้าว จู่ ๆก็หยุดฝีเท้าเดิน ตอนที่หันกลับมาอีกครั้ง สีหน้าดูกระวนกระวายเล็กน้อย ไม่เหมือนคุณพายุคนนั้นที่ทำงานอยู่เมื่อกี้เลย
ตาดำเขาเป็นประกาย ขยับริมฝีปาก จนที่สุดก็พูดออกมาว่า “ ช่วงนี้ อันอันสบายดีไหม ”
เขากับอันอันไม่ได้ติดต่อมาระยะหนึ่งแล้ว หลังจากครั้งนั้นที่ได้เจอหน้ากันที่โรงพยาบาล เขาก็ติดต่อหล่อนไม่ได้อีกเลย
ญาธิดาตกใจเล็กน้อย แอบแปลกใจ “ อันอันไม่ได้ติดต่อกับคุณเลยเหรอคะ”
พายุได้ยิ้มเจื่อนๆมุมปากออกมา “ อืม ”
แอดวีแชทแล้วก็ถูกบล็อก โทรศัพท์ไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบกลับ อย่างนี้คงเป็นการตัดการติดต่อกับเขาไปแล้ว
เมื่อเห็นพายุสีหน้าเป็นแบบนั้น ญาธิดาก็เริ่มทนไม่ได้ในทันที
เธอดูออกว่า พายุกับอัญมณีต่างก็รู้สึกดี ทั้งสองคนมีความรู้สึกดีๆให้กัน นิสัยก็เหมาะสมกันมากๆ เพียงแต่อันอันตั้งความสมบูรณ์แบบของความรักค่อนข้างจะสูงเกินไป………
เธอสูดหายใจลึกๆ กัดฟัน พูดเบาๆว่า “วันเสาร์นี้อันอันมีการแสดงการกุศล อยู่ที่เมืองY ถ้าคุณอยากไปหาหล่อน ฉันสามารถส่งรายละเอียดที่อยู่ให้คุณได้ค่ะ”
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวแบบนี้บอกพายุ แต่เธอก็ไม่ต้องการเห็นคนที่ตัวเองสนิททรมานกับความรัก
ถ้าสามารถทำให้เขาสองลงเอยกัน เธอก็ยอมเป็นคนชั่วสักครั้ง
สายตาพายุเป็นประกาย ดูเหมือนจะไม่ลังเล ก็พูดเบาๆว่า “ ส่งมาให้ผมเถอะ”
ญาธิดายิ้มมุมปาก “ รักษาโอกาสนี้ไว้ให้ดีๆละ ดึกๆหน่อยฉันจะส่งที่อยู่ไปให้คุณ”
“ ครับ ขอบคุณมากครับ”
พายุยากที่จะแสดงสีหน้าที่มีความสุข พร้อมกับเดินออกไปจากห้องทำงาน
ญาธิดากลับมามีสติ ก้มหน้ามองของกองหนึ่งที่ยังไม่ได้เก็บอยู่บนโต๊ะ อดที่จะถอนหายใจไม่ได้
สำหรับเรื่องคนอื่นเธอใส่ใจอะไรขนาดนั้น พอมาดู เรื่องของเธอเองกลับเละไม่เป็นท่า ยิ่งไปกว่านั้น เธออยู่ที่สำนักงานCEO หลังจากนี้ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องเจอกับภวินท์อยู่ดี กลัวแต่ว่าจะผ่านแต่ละวันไปไม่ง่ายนะซิ
ถึงแม้ญาธิดาจะรู้สึกลังเล แต่ไม่คิดว่าอยู่สำนักงานCEO ในช่วงบ่าย จู่ ๆรู้สึกสบายใจแบบไม่มีอะไรมาเทียบได้ เดิมเธอก็ไม่มีภาระงานที่ต้องทำ หลังจากที่ได้ทักทายทำความรู้จักกับผู้ช่วยไปสองสามคนแล้ว ก็กลับมารับโทรศัพท์ที่ห้องทำงานอีกครั้ง อีกสักหน่อยโดยรวมก็จะผ่านไปแบบนี้แหละ
กำลังจะถึงเวลาเลิกงาน ญาธิดาแอบรู้สึกโล่งใจ
เมื่อเป็นแบบนี้ ภาระงานกลับไม่มีอะไรยากขนาดนั้น อย่างน้อยในช่วงบ่าย เธอยังไม่ได้เจอกับภวินท์ ก็ยังไม่โดนเรียกไปที่ห้องทำงาน อย่าถามหาเวลาว่างเลย
ญาธิดาไม่รู้มาก่อน นี้แค่เป็นการเริ่มต้น เธอจินตนาการไม่ได้กับเรื่องที่จะทำให้เธอไม่มีทางรับมือกับเรื่องราวมากมายในตอนหลัง
เช้าวันรุ่งขึ้น ญาธิดาตั้งใจตั้งนาฬิกาปลุกเร็วกว่าปกติครึ่งชั่วโมง ตอนถึงบริษัทด้านในบริษัทเงียบสงัด ยังมีพนักงานมาไม่กี่คน
เธอทำตามคำสั่งของพายุเมื่อวันก่อนหน้านี้ จึงทำความสะอาดห้องทำงานของภวินท์รอบหนึ่ง เช็ดโต๊ะน้ำชาและโซฟา จัดเอกสาร ถึงจะกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเอง
เพิ่งจะเริ่มเวลางาน ญาธิดาได้ยินเสียงจอแจดังมาจากข้างนอก จึงรีบลุกขึ้นออกไปด้านนอกทันที พบว่าภวินท์พร้อมกับพายุรีบเดินมาจากลิฟต์ตรงมาทางนี้
“ อืม เรื่องนี้นายลองจัดการดู สรุปแล้วทั้งหมดต้องทำตามในสัญญา ไม่สามารถยอมถอยได้อีก ”
ภวินท์เดินไปด้วย ออกคำสั่งด้วยสีหน้าเยือกเย็นกับลูกน้องที่อยู่ข้างๆไปด้วย
ญาธิดายืนอยู่ที่ประตูทางเข้า รอให้ภวินท์เดินมาใกล้ๆ แสดงความเคารพคำนับต่อเขา หลังจากนั้นไปห้องน้ำชาที่อยู่ข้างๆจัดเตรียมกาแฟ
หลังจากที่เตรียมกาแฟเสร็จแล้ว เธอยกแก้วมาเสิร์ฟที่สำนักงานCEO หลังจากที่วางลง ก็อาศัยจังหวะถามภวินท์ว่า “คุณภวินท์ มีอะไรที่จะสั่งไหมคะ ”
ภวินท์มีสีหน้าที่นิ่งเฉย เมื่อโดนเธอถามแบบนี้ สีหน้าก็ยังคงปกติ ตอบกลับด้วยเสียงที่ดูหนักแน่นและเยือกเย็นว่า “ ไม่มี คุณลงไปเถอะ”
“ ค่ะ ”
เมื่อออกจากห้องทำงาน ญาธิดาก็ดูผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด กลับมาถึงห้องทำงาน ก็เริ่มแยกเอกสารที่เป็นชุดที่แต่ละแผนกส่งมา
ถึงแม้เธอจะรู้สึกอายเมื่อเจอกับภวินท์ แต่ในเวลางานเขาดูตั้งใจมากกว่าที่เธอคิดไว้ เขาไม่รู้สึกอายแม้แต่น้อย เธอก็ไม่มีอะไรต้องอายอีกแล้ว
ไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ผ่านไปแล้วชั่วโมงกว่าๆ ทันใดนั้น โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะจู่ๆก็มีเสียงดังขึ้น เธอหันไปดู พบว่าแผนกต้อนรับ โทรเข้ามา จึงยกหูมาฟังทันที“ ฮัลโหล สำนักงานCEOค่ะ”
“ ฮัลโหล จากแผนกต้อนรับค่ะ รบกวนช่วยแจ้งกับคุณภวินท์หน่อยค่ะ มีคุณผู้ชายท่านหนึ่งอยากพบคุณภวินท์แต่ไม่ได้นัดล่วงหน้า เขาบอกว่าเขาเป็นคนของตระกูลวรโชติ ”
เมื่อญาธิดาได้ยินชะงักเล็กน้อย
หรือว่ามาคุยเรื่องของบริษัทวรโชติ
ถ้าอย่างนั้นเป็นไปได้สองคน คนแรกคือประธานของบริษัทวรโชติ คือชนัดพลพ่อของนิวรา อีกคนก็คือพี่ชายของนิวราที่ชื่อว่าปริญ
ช่วงสองสามวันนี้เรื่องราวของบริษัทวรโชติวุ่นวายไม่ใช่น้อย ญาธิดาเลื่อนดูโทรศัพท์ก็เห็นว่า เมื่อวานนิวราก็เพิ่งมาหาภวินท์ที่บริษัท วันนี้คนตระกูลวรโชติก็มาอีก ไม่ต้องคิดเยอะเลย ญาธิดาสามารถเดาได้หมดถึงวัตถุประสงค์ของพวกเขา
เธอตั้งสติ รีบพูดว่า “ รอสักครู่นะคะ ฉันจะขออนุญาตจากคุณภวินท์สักครู่”
“ค่ะ ”
เมื่อวางหูโทรศัพท์ ญาธิดารีบลุกขึ้นทันที มุ่งหน้าไปที่ห้องทำงานของภวินท์ เคาะประตู ได้ยินเสียงขานรับจากด้านใน เธอถึงจะผลักประตูเดินเข้าไป
ภวินท์เงยหน้ามอง สายตาที่เย็นชามองมาที่เธอ “ มีธุระอะไร”
เมื่อโดนเขามองแบบนี้ ญาธิดาเริ่มเกร็งเล็กน้อย “ เมื่อสักครู่แผนกต้อนรับโทรศัพท์มา แจ้งว่าคุณผู้ชายของตระกูลวรโชติอยากพบคุณ”
เมื่อพูดออกมา สีหน้าของภวินท์ดูเย็นชาเล็กน้อย
คนของบริษัทวรโชติ นั้นก็แสดงว่าเป็นชนัดพล