ดวงใจภวินท์ - บทที่468 ไม่มีที่สำหรับเธอ
บทที่468 ไม่มีที่สำหรับเธอ!
คนรับใช้ได้ยินดังนั้น ก็ถอยหลังออกไปอย่างเคารพ เว้นที่ว่างให้นิวรา แล้วพูดเสียงเบาว่า “คุณนิวรา เข้าไปสิคะ”
นิวรากำสองมือไว้แน่น หัวใจเต้นตึกตักจนแทบกระเด็นออกมา เธอพยักหน้าแล้วเดินเข้าไป
คุณย่าหันหน้าไปมองเล็กน้อย แล้วพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “เข้ามา คุกเข่าลง”
นิวราได้ยินแล้ว สีหน้าก็ซีดเซียวลงไปมาก ในใจมีคำถามมากมาย แต่ก็ไม่กล้าถามมาก จึงต้องเดินเข้าไปอย่างเชื่อฟัง แล้วคุกเข่าลงบนเบาะกลมข้างๆคุณย่า
หลังจากนั้น คุณย่าก็หมุนลูกปัดในมือต่อไป ไม่ได้ออกคำสั่งอะไรอีก นิวราคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าขยับและไม่กล้าถามด้วย จนกระทั่งเข่าสองข้างชา เธอถึงกัดฟันหันหน้าไปถามว่า “คุณย่าคะ หนูทำอะไรผิดหรือเปล่าคะ? ย่าบอกหนูตามตรงได้เลยนะคะ……”
คุณย่าพูดโดยไม่ลืมตาว่า “ให้เธอคุกเข่าเพื่อสำนึกผิด ตัวเองทำผิดตรงไหนยังต้องให้ฉันพูดอีกเหรอ?”
นิวราได้ยินแล้ว สีหน้าก็ซีดเซียวลงทันที เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ถึงแม้ในใจจะไม่พอใจมากแค่ไหน แต่เธอก็ยังต้องอดทนไม่แสดงออกมา
คุกเข่านานกว่าครึ่งชั่วโมง เข่าสองข้างของนิวราทั้งเมื่อยทั้งชา เธอทิ้งน้ำหนักตัวสลับซ้ายขวา ในใจก็บ่นไม่หยุด
และในตอนนี้เอง ทันใดนั้นคุณย่าก็ลุกขึ้น แล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้ช้าๆ จากนั้นก็มองเธอด้วยแววตาเย็นชา
ในที่สุดนิวราก็อดไม่ได้พูดขึ้นว่า “คุณย่าคะ หนูไม่รู้จริงๆว่าหนูทำอะไรผิด”
คุณย่าขมวดคิ้วแล้วพูดเย็นชาว่า “แต่งเข้ามาสามปีแล้วกว่าแล้ว เธอเอาใจวินไม่ได้ และไม่ได้เพิ่มสมาชิกให้ตระกูล ฉันไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าบรรพบุรุษเลยด้วยซ้ำ”
เธอพูดตรงไปตรงมา ทันใดนั้นเอง สีหน้าของนิวราก็ทั้งเขียวทั้งแดง อย่างกับจานผสมสี
“เธอกับวินไม่ได้มีความรู้สึกต่อกัน แต่เธอกลับยึดมั่นใจการแต่งงานครั้งนี้ เป็นผู้หญิงด้วยกัน ฉันเข้าใจความลำบากของเธอ แต่การเป็นภรรยา เธอทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดี! ไปก่อเรื่องที่บริษัทไม่เว้นวัน กลัวว่ายังวุ่นวายไม่พอหรือไง ยังไปก่อเรื่องในตอนที่STNวุ่นวายที่สุด เธอคิดว่าคนอื่นไม่พูด ฉันก็จะไม่รู้เรื่องพวกนี้หรือไง!”
ถึงแม้คุณย่าจะแก่แล้ว แต่ก็ยังพูดชัดเจนทุกถ้อยคำ ทุกคำพูดมีน้ำหนัก
นิวราตัวสั่นเทา กำหมัดโดยไม่รู้ตัว
ไม่คิดว่า ไอ้แก่นี่จะรู้เรื่องทุกอย่าง! หรือว่าบริษัทมีสายสืบของเธอหรือไง!
เธอโกรธมาก แต่ต่อหน้าคุณย่า เธอก็ไม่กล้าอาละวาด ทำได้แค่กัดริมฝีปาก น้ำตาไหลออกมาเป็นทาง แล้วพูดอย่างเสียใจว่า “คุณย่าคะ หนูเป็นห่วงพี่วินมาก หนูไม่อยากสร้างปัญหาให้บริษัทเลย ที่จริงหนูไปหาพี่วินที่บริษัท แค่อยากถามสถานการณ์ตอนนี้ถ้าSTNยังต้องการ บ้านแม่ของหนูสามารถสนับสนุนSTNได้ตลอดเลยนะคะ!”
“หยุดเถอะ!” คุณย่าฮึอย่างเย็นชา “ที่ตระกูลวรโชติของพวกเธอมีวันนี้ได้ เป็นความชอบของใครเธอไม่รู้เหรอ! ก่อนแต่งหลังแต่งตระกูลวรโชติก็ดูดผลประโยชน์ของตระกูลสถิรานนท์ของเราไปเยอะเหมือนกัน เธอไม่รู้เรื่องนี้เหรอ!”
นิวราตกใจตัวสั่นเทาจนไม่กล้าพูดอะไรอีก นิ่งเงียบไปสักพัก เธอก็เงยหน้ามองคุณย่าอย่างน้อยใจ “คุณย่าคะ หนูรู้ตัวว่าหนูผิดไปแล้ว หนูยอมรับการลงโทษ หนูจะจำคำสอนของคุณย่าไว้ค่ะ! จะจำไว้ตลอดไปเลย!”
คุณย่าได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย จ้องเธออยู่อย่างนั้นไม่พูดอะไร
ตอนนั้นภวินท์สู่ขอนิวราเข้าบ้าน ที่จริงในใจเธอไม่ยอมรับ แต่เพราะเธออยากจะใช้ชีวิตพักผ่อนในวัยชราแล้ว บวกกับภวินท์ไม่มีผู้หญิงอื่น เธอจึงอนุญาตการแต่งงานครั้งนี้
แต่ไม่คิดว่า สองสามปีมานี้ นิวราไม่เพียงแต่ไม่มีเหลนให้เธอเลยสักคน ยังห่างเหินกับภวินท์ไปทุกวันอีก เธอไม่ค่อยอยู่บ้านยังดูออกว่าการแต่งงานของสองคนนี้มีแค่ชื่อเท่านั้น บวกกับที่นิวราชอบก่อเรื่องตลอดเวลา เธอจึงไม่ค่อยชอบนิวรามากนัก
แต่ไม่ว่ายังไง ขอแค่ภวินท์ไม่พูด เธอก็พูดอะไรไม่ได้ นอกจากจะสั่งสอนและอบรมแล้ว เธอก็ทำอะไรเยอะไม่ได้
สักพักหลังจากนั้น เธอสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดเสียงเข้มว่า “เอาล่ะ ลุกขึ้นเถอะ”
นิวราดวงตาเป็นประกาย รีบลุกขึ้น แต่เข่าของเธอกลับชาจนไม่มีความรู้สึกแล้ว สองขาของเธอสั่นเทา ‘พลั่ก’ เธอคุกเข่าลงไปอีกครั้ง
คุณย่าเห็นแล้วก็ขมวดคิ้ว คำพูดที่กำลังจะพูดก็ไม่ได้พูดออกมา เบือนหน้าหนีไม่มองเธออีก
สีหน้านิวรามืดมนลงเล็กน้อย ฝืนยิ้มออกมาแห้งๆ แล้วลุกขึ้นมาช้าๆ “คุณย่าคะ สิ่งที่คุณย่าพูดในวันนี้หนูจะจำไว้ให้ขึ้นใจเลยค่ะ คุณย่าวางใจได้เลย หนูจะไม่ทำให้คุณย่าผิดหวังเด็ดขาด”
คุณย่ามองไปข้างๆ ปัดมือไม่ได้พูดอะไรอีก
นิวราสูดหายใจเข้า เดินขากะเผลกออกไป เพิ่งเดินไปถึงหน้าประตูก็เห็นคนรับใช้ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกตลอด
เธอเดินไปข้างหน้า ยังเดินไม่ถึงสองก้าว ก็ได้ยินเสียงคุณย่าดังออกมาจากห้องพระอีกครั้ง “ใบบุญ เธอเข้ามาสิ”
ผู้หญิงที่ชื่อว่าใบบุญก็อายุไม่น้อยแล้ว น่าจะประมาณห้าสิบกว่า ใบหน้าดูใจดี ไม่ว่าเจอใครก็ทำตัวเกรงใจมีมารยาทตลอด แต่กลับให้ความรู้สึกห่างเหินและเย็นชาเล็กน้อย แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนสนิทของคุณย่า
นิวราเดินไปถึงหน้าบันได หันหน้ากลับไปก็เห็นใบบุญเดินเข้าไปในห้องพอดี
เธอกระตุกริมฝีปาก ทำหน้าดูถูก โน้มตัวลงไปนวดเข่าสองข้างแล้วบ่นพึมพำว่า “ไอ้แก่! ให้ฉันคุกเข่าตั้งชั่วโมงกว่า!”
เธอนิวรายังไม่เคยโดนทำโทษแบบนี้เลย ไม่คิดว่าคุณย่าเพิ่งออกมาจากสถานพยาบาล ก็แสดงอำนาจกับเธอเสียแล้ว ทำเอาเธอรู้สึกโมโหอย่างมาก
เธอกำลังจะลงจากบันไดนั้น ทันใดนั้นก็เห็นว่าเธอลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องพระ เมื่อกี้คุกเข่านานเกินไป เธอเลยวางโทรศัพท์ไว้บนพื้นข้างๆ ไม่คิดว่าจะลืมเอามาด้วย
พอนึกถึงว่าต้องกลับไปในห้องพระที่แสนจะอึดอัดนั้นอีกครั้ง นิวราก็รู้สึกต่อต้านในใจ แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอไม่กลับไปก็ไม่ได้
ลังเลสักพัก เธอกลับหลังหันเดินไปที่ห้องพระอีกครั้ง เดินเข้าไปใกล้ถึงเห็นว่า ประตูห้องพระเปิดแง้มไว้ สามารถได้ยินเสียงคุยในนั้นได้
เธอใจสั่น กลับอดไม่ได้เดินเบาๆเข้าไปใกล้ช้าๆ มองเข้าไปภายในห้องจากประตูที่เปิดแง้มไว้
เห็นคุณย่าเอารูปออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้ใบบุญ แล้วพูดสั่งว่า“สั่งคนให้ไปสืบเด็กสองคนนี้ ทุกเรื่องไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก ฉันจะต้องรู้ให้หมด”
ใบบุญลังเลสักพัก ยื่นมือไปรับรูปนั้นมา แล้วถามเสียงเบาว่า “คุณผู้หญิง นี่เป็นเด็กสองคนที่เจอตอนอยู่ที่ห้างวันนั้นไม่ใช่เหรอคะ?”
“ใช่แล้ว” คุณย่าพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า “หน้าตาคล้ายกับวินตอนเด็กมากจริงๆ จะต้องสืบให้แน่ชัดนะ!”
“รับทราบค่ะ!”
นิวราที่ยืนอยู่หน้าประตูได้ยินที่พวกเขาพูดชัดเจน พอเธอได้ยินว่าเด็กหน้าคล้ายกับภวินท์ ในใจก็ร้อนรนขึ้นมา แล้วนึกถึงอีธานกับเอลล่าอย่างไม่รู้ตัว
หรือว่าจะเป็นเด็กสองคนนั้นของญาธิดา!
นิวราลนลาน กัดฟันแน่น แต่ทันใดนั้นในห้องก็มีเสียงดังออกมา “ใคร?”
นิวราตัวแข็งทื่อ แต่ไม่นานก็ตั้งสติได้ เธอเหม่อลอย ไม่นานก็รู้ตัวแล้วเปิดประตูเดินเข้าไป ยิ้มแห้งกับคุณย่าและใบบุญ “คุณย่าคะ หนูลืมเอาโทรศัพท์น่ะค่ะ เลยกลับมาเอา”
ว่าแล้ว เธอก็ชี้โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเบาะกลม เดินเข้าไปหยิบอย่างเกรงใจ
คุณย่าขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดอะไรมาก ปล่อยให้เธอเข้ามาหยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกไป
ออกมาจากห้องพระ เลือดในตัวนิวราก็พลุ่งพล่านขึ้นมา เพราะเมื่อกี้เธอเข้าไปแล้วออกมา แอบเหลือบมองรูปในมือของใบบุญ เป็นเด็กสองคนนั้นของญาธิดาจริงๆด้วย!
ไม่คิดว่า คุณย่าเพิ่งกลับมาก็รีบตามหาพวกเขาอย่างอดใจรอไม่ไหว ถ้าคุณย่ารู้ความสัมพันธ์ของอีธานเอลล่ากับญาธิดา ถึงตอนนั้นก็ไม่มีที่สำหรับเธอในตระกูลสถิรานนท์น่ะสิ!