ดวงใจภวินท์ - บทที่469 กำจัดเสี้ยนหนามออกไป
บทที่469 กำจัดเสี้ยนหนามออกไป!
ทันใดนั้น ความรู้สึกอันตรายในใจก็พุ่งขึ้นมา นิวราเดินลงบันไดด้วยความกังวล ไม่ทันระวังทางที่กำลังเดินอยู่
ทันใดนั้น เธอก็ลื่นล้มลงไปกับพื้น เข่าที่บวมเจ็บอยู่แล้วก็กระแทกแรงๆกับพื้น ความเจ็บพลุ่งพล่านขึ้นมา เจ็บจนเธอร้องซี๊ดออกมา
วินาทีนั้นเอง ความโกรธภายในใจก็ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง เธอโกรธจนอยากจะขว้างของระบายอารมณ์ แต่เพราะที่นี่เป็นคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลสถิรานนท์ เธอไม่กล้าก่อปัญหาจึงต้องอดทนไว้ก่อน
ขึ้นรถออกจากคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลสถิรานนท์แล้ว ความโกรธที่เธอข่มเอาไว้ในที่สุดก็ระบายออกมาได้สักที พอนึกถึงภาพในมือของคุณย่า เธอก็โกรธมากขึ้นกว่าเดิม
ไม่ว่ายังไง เธอจะต้องปกป้องตำแหน่งตัวเองเอาไว้ เธอเป็นภรรยาของภวินท์ เป็นคุณนายแห่งตระกูลสถิรานนท์ ตอนนี้เป็น อนาคตก็ยังต้องเป็นต่อไป!
ญาธิดาอะไรนั่น ไม่คู่ควรที่จะแย่งกับเธอด้วยซ้ำ!
แต่ตอนนี้ในมือญาธิดามีเด็กสองคนนั้น อีธานกับเอลล่า! และคุณย่าก็อยากอุ้มเหลนมาตลอดด้วย ถ้าคุณย่ารู้ว่าเด็กสองคนนั้นเป็นใคร จะต้องรับเด็กสองคนนั้นกลับมาที่ตระกูลสถิรานนท์แน่ ให้กลับมาหาบรรพบุรุษ ถึงตอนนั้น ตำแหน่งของเธอก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นน่ะสิ!
พอนึกถึงตรงนี้ นิวราก็เย็นยะเยือกไปทั้งตัว ตอนแรกเธอยังคิดไม่ออกว่าจะแก้แค้นญาธิดายังไง ตอนนี้มาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก นี่กำลังบีบคั้นให้เธอลงมือเหรอ!
ไฟแค้นในใจลุกโชนขึ้นมา ข่มยังไงก็ข่มไว้ไม่อยู่ นิวราสูดหายใจเข้าลึกๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกไป “ฮัลโหล ไปสืบมาให้ฉันหน่อย เด็กสองคนนั้นของญาธิดาอยู่ไหน!”
เธอจะต้องลงมือจัดการเด็กสองคนนั้นก่อนที่ลูกน้องของคุณย่าจะหาเจอ!
ไม่นาน โทรศัพท์ของเธอก็มีเสียง ‘ติ๊ง’ ดังขึ้น มีข้อความเด้งเข้ามา
เธอเปิดเข้าไปดู ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม สักพักหลังจากนั้น ก็บอกที่อยู่หนึ่ง ให้คนขับรถรีบขับไป
ในขณะเดียวกัน ญาธิดากำลังไปสตูดิโอของเจนนิเฟอร์ ตอนนี้เธอจัดการเรื่องทางกองถ่ายเสร็จแล้ว เหลือแต่ทางด้านเจนนิเฟอร์
เดิมทีเธอสัญญากับเจนนิเฟอร์ว่าจะถ่ายชุดโชว์เสื้อผ้าชุดใหม่แล้วยังมีฉากภายนอกอีกชุดที่ยังไม่ได้ถ่าย ตอนนี้เพราะปัญหาของตารางงาน เกรงว่าจะถ่ายไม่ได้แล้ว
“เป็นอะไรเหรอ?”
ธีทัตนั่งขับรถอยู่ข้างหน้า รับรู้ได้ถึงอาการซึมเศร้าของผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ก็รีบเอ่ยปากถาม
ญาธิดาได้สติก็ตอบว่า “ไม่เป็นไร แค่รู้สึกผิดต่อเจนนิเฟอร์น่ะ”
ตอนแรกสัญญากับเธอว่าจะถ่ายฉากภายนอก ตอนนี้เธอยังไม่ได้ถ่ายก็จะไปเสียแล้ว ในใจเลยรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร เธอจะต้องเข้าใจแน่นอน”
ธีทัตยิ้มแล้วยื่นมือไปตบหลังมือเธอเชิงปลอบใจ
ญาธิดาพยักหน้าไม่ได้พูดอะไร
พอถึงห้องทำงานของเจนนิเฟอร์ ผู้ช่วยมิลค์มารับพวกเขา ให้พวกเขานั่งรออยู่ในห้องชาด้านล่าง ไม่นานเจนนิเฟอร์ก็ตามมา
เธอสวมชุดกระโปรงยาวสีขาวโบกพลิ้ว ผมสีดำขลับยาวตรงไปถึงเอว บุคลิกดูเงียบสงบ
เธอเข้าไปก็เห็นญาธิดากับธีทัต เธอกระตุกยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า “ดูแล้ว คงมาบอกลาฉันสินะ”
ญาธิดามองไปตามเสียง ได้ยินเธอพูดแบบนี้ เธอก็ขยับริมฝีปากกระตุกยิ้มอย่างขมขื่น “ดูแล้วคงปิดบังเธอไม่ได้เลยนะ”
เจนนิเฟอร์หัวเราะแล้วนั่งลงตรงหน้าพวกเขา จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “จะไปแล้วเหรอ?”
ธีทัตยื่นมือไปจับมือญาธิดาไว้แน่น แล้วพูดเสียงเบาว่า “เตรียมไปจากเมือง J น่ะ ต่อไปไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกไหม”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ “ดังนั้นชุดฉากภายนอกที่ยังไม่ทันได้ถ่าย ฉันคง……”
เธอยังพูดไม่ทันจบ เจนนิเฟอร์ก็ยิ้มแล้วส่ายหน้า พูดขึ้นช้าๆว่า “ไม่รีบหรอก ชุดนั้นฉันจะเก็บไว้ให้เธอถ่าย ฉันรู้สึกว่า ไม่นานเธอจะกลับมาเอง”
น้ำเสียงของเธอดูเรียบสงบ รอยยิ้มสุขุม ทำให้คนรู้สึกที่มั่นคงอย่างอธิบายไม่ถูก ญาธิดายิ้มแล้วพูดเสียงเบาว่า “ถ้าต่อไปมีโอกาส ฉันจะมาถ่ายนะ”
เจนนิเฟอร์จิบชาแล้วพูดว่า “จะต้องมีโอกาสแน่นอน วางใจได้”
ธีทัตที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นอย่างรู้เวลา “ในเมื่อวันนี้เจอกันแล้ว ไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อไหม ถือเสียว่าเลี้ยงส่งพวกเรา”
เจนนิเฟอร์ได้ยินแล้วก็เงยหน้ามองไปยังธีทัต รอยยิ้มนัยน์ตาหนักขึ้นกว่าเดิม “ได้ งั้นก็เอาตามนายว่าเลย”
ห้องทำงานของเจนนิเฟอร์ข้างๆมีร้านอาหารส่วนตัวที่รสชาติใช้ได้พอดี พวกเขาสามคนพูดคุยกันสักพัก ก็เดินทางไปร้านนั้นทันที
ในขณะเดียวกัน หน้าประตูพิพิธภัณฑ์เมือง J รถคันหนึ่งจอดไว้ข้างทาง คอยจังหวะลงมือ
นิวรานั่งอยู่ที่นั่งคนขับ ถึงแม้ภายในรถจะเปิดแอร์ไว้ แต่ฝ่ามือที่กำหมัดไว้แน่นของเธอก็มีเหงื่อแตกออกมาเป็นเม็ดเล็กๆอยู่ดี
เธอใส่หูฟังไว้ ด้านในมีเสียงรายงานของลูกน้อง “ผู้หญิงคนนั้นพาเด็กสองคนเตรียมออกไป ประมาณสิบนาทีก็จะถึงหน้าประตูแล้ว”
นิวราสูดหายใจเข้า สายตาประกายไปด้วยความเยือกเย็น เธอสูดหายใจอีกครั้งแล้วถามลูกน้องว่า “พวกนายเตรียมตัวเสร็จหรือยัง?”
หลังจากนั้น อีกด้านก็ตอบกลับมาว่า “เตรียมเสร็จแล้วครับ”
นิวราได้ยินแล้วก็เงยหน้ามองไปยังรถตู้ที่จอดอยู่ข้างๆพิพิธภัณฑ์
วันนี้กลับจากคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลสถิรานนท์ เธอก็รีบสั่งให้คนไปสืบที่อยู่ตอนนี้ของญาธิดากับเด็กสองคนนั้น ลูกน้องทางนั้นรายงานมาว่าญาธิดากับอีธานเอลล่าไปพิพิธภัณฑ์เมือง J เธอรีบสั่งกำลังคนออกไป คอยจังหวะลงมือ
ขอแค่จัดการเด็กสองคนนั้นออกไปได้ก่อน ก็ถือว่าจัดการเสี้ยนหนามตำใจเธอได้แล้ว!
เธอตั้งใจจ้างโจรมาสามคน ให้พวกเขารอจับตัวอีธานกับเอลล่า แกล้งทำเป็นขอเงินกับญาธิดา ให้ญาธิดาลิ้มรสความเด็ดของเธอสักหน่อย
ขอแค่ไม่เกิดข้อผิดพลาด ทุกอย่างก็จะดำเนินการไปอย่างราบรื่น!
คิดได้แบบนี้แล้ว นิวราก็รู้สึกสะใจขึ้นมาในใจ
และในตอนนี้เอง หน้าประตูพิพิธภัณฑ์ อัญมณีจับมืออีธานกับเอลล่าเดินออกมา นิวรามองออกไป สีหน้าของก็มืดมนลงทันที
ไม่คิดว่าคนที่พาเด็กสองคนมาจะเป็นอัญมณี! ลูกน้องกระจอกของเธอกลับคิดว่าเธอเป็นญาธิดา!
นิวราแอบสบถด่าในใจ ไม่นานก็ตั้งสติได้ จะญาธิดาก็ดี หรืออัญมณีก็ช่าง ยังไงนี่ก็ไม่กระทบต่อแผนการของเธอ ยังไงวันนี้เป้าหมายของเธอก็คือเด็กสองคนนั้น!
นิวราฮึอย่างเย็นชา จ้องมองเด็กสองคนนั้นที่จับมืออัญมณีกระโดดโลดเต้นไปมา สายตาประกายไปด้วยความเยือกเย็น สั่งคนทางไปสายว่า “เตรียมตัวลงมือได้”
เธอเพิ่งพูดจบไม่นาน รถตู้ที่จอดอยู่ข้างหน้าประตูพิพิธภัณฑ์ก็เปิดออก ชายชุดดำที่สวมหมวกและหน้ากากสองคนพุ่งออกมา พุ่งไปหาอีธานเอลล่าโดยตรง
อัญมณีกำลังก้มหัวลงพูดกับอีธานเอลล่า จึงไม่ทันสังเกตเห็นทางนั้น โจรสองคนจะวิ่งเข้าไปจับตัวได้อยู่แล้ว เธอเงยหน้าเหลือบเห็นคนคนนั้น ในใจก็ร้อนรนขึ้นมา รีบปกป้องอีธานกับเอลล่าเอาไว้
และในตอนนี้เอง บอดี้การ์ดโชนก็วิ่งออกมาจากด้านหลังพวกเขา กระโดดเตะโจรที่อยู่ข้างหน้าสุด
เห็นโชนสู้กับโจรสองคนนั้นอยู่ อัญมณีก็ตกใจรีบลากอีธานกับเอลล่าวิ่งไปอีกทาง “อีธาน เอลล่า วิ่งตามฉันนะ!”
อีธานกับเอลล่าตกใจอย่างมาก จับมืออัญมณีไว้แน่น รีบวิ่งไปทางนั้นพร้อมกับเขา
นิวราที่นั่งอยู่ในรถเห็นภาพแบบนี้แล้ว สีหน้าก็มืดมนจนไม่รู้จะมืดยังไงแล้ว เธอกัดฟันกรอดอย่างโมโห
ไม่คิดว่าเด็กสองคนนั้นจะมีบอดี้การ์ดด้วย โจรกระจอกที่เธอจ้างมาจะสู้กับบอดี้การ์ดได้ยังไง?
ทางนั้น โจรสองคนต่อสู้กับคนเดียว ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบอดี้การ์ดอยู่ดี เห็นว่าพวกเขาจะแพ้อยู่แล้ว อัญมณีที่อยู่อีกด้านก็จับมืออีธานกับเอลล่าวิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ นิวรากัดฟันกรอด หัวร้อนเหยียบคันเร่งอย่างแรง
ตอนนี้เอง ถ้าเธอไม่ลงมือ เกรงว่าจะเสียโอกาสนี้ไปอีก!