ดวงใจภวินท์ - บทที่586 เณรศีลออกจากโรงพยาบาล
บทที่586 เณรศีลออกจากโรงพยาบาล
หลุยส์นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ แล้วก็จ้องมาที่เธอเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มและพูดว่า “วันนี้โชคไม่ดีหน่อยนะ วินไปประชุมเกี่ยวกับการทำโครงการอยู่ข้างนอก ไม่ได้เข้ามา”
ญาธิดามองเขาอย่างเย็นชา แล้วก็พูดอย่างมุ่งมั่นว่า “ฉันไม่ได้มาที่นี่เพราะเขา”
เธอมาที่นี่เพราะเณรศีล ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับภวินท์เลยแม้แต่นิดเดียว
หลุยส์ยิ้ม เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่เปลี่ยนหัวข้อว่า “นักบวชเฒ่าที่ทำร้ายวินที่โรงพยาบาลครั้งที่แล้ว คนของเราได้เจอร่องรอยเขาแล้วนะ ตอนนี้ติดอยู่แค่เรื่องเวลาเท่านั้น ในการสืบหาเจอว่าเขาอยู่ที่ไหน”
ญาธิดาตาเป็นประกาย สีหน้าอ่อนโยนลงทันที “หาเขาเจอก็ดีแล้วล่ะ ระวังจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาถ้าเกิดว่าถูกคนของภูผาจับจ้องขึ้นมา”
หลุยส์ชะงักไป หลังจากนั้นก็เชิดหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “แล้วเจ้าตัวเล็กนั้นล่ะ? ”
ญาธิดาสงสัยเล็กน้อย “หมายความว่ายังไง? ”
หลุยส์กางมือทั้งสองข้างออก แล้วก็พูดอย่างสบายๆ ว่า “จะให้เขาอยู่ที่บ้านผมตลอดไม่ได้หรอกนะ คนอื่นที่ไม่รู้ก็คิดว่าจู่ๆ ผมก็มีลูกนอกสมรส”
ญาธิดาจมเข้าสู่ความเงียบ เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พูดเบาๆ ว่า “ถ้าเกิดว่าคุณไม่สะดวกให้เขาอยู่ ก็ส่งต่อมาให้ฉันแล้วกัน”
เธอจะปล่อยให้เณรศีลระเหเร่ร่อน ไม่มีที่อยู่อาศัยไม่ได้อีกต่อไป ประสบการณ์แบบนั้น สำหรับเด็กอายุ5-6ขวบคนหนึ่งแล้ว แค่ต้องประสบพบเจอมันเพียงครั้งเดียวก็เกินพอ
หลุยส์ยิ้มพร้อมกับพูดว่า “โอเค งั้นคุณรับต่อไปแล้วกันนะ หรือบางทีคุณก็ลองไปปรึกษากับวินดูสิ ว่าจะจัดการกับปัญหาการเลี้ยงดูนี้ยังไง? ”
พอได้ยินน้ำเสียงของเขา ญาธิดาก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน ทำไมพอฟังคำพูดนี้ออกมาจากปากเขาแล้ว ความหมายมันถึงได้ดูแปลกๆ
เธอชะงักไป แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ว่า “ไม่ต้องหรอก ฉันตัดสินใจแล้ว”
พอพูดจบ จู่ๆ ก็มีคนผลักประตูเข้ามา แล้วก็ตามมาด้วยเสียงพูดคุยเอะอะ อีธานกับเอลล่ากำลังจูงเณรศีลออกมาจากห้องผู้ป่วย
อีธานกระโดดโลดเต้น เขาพูดอย่างตื่นเต้นว่า “แม่ครับ พวกเราอยากจะไปเล่นกับเณรศีล!”
สายตาของญาธิดามองไปยังเณรศีล ไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่ปฏิเสธ
เธอทั้งประหลาดใจและดีใจ พร้อมกับเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “จะไปไหนกันล่ะ? ”
อีธานกระโดดโลดเต้นและพูดว่า “ไปสวนดอกไม้ข้างล่างครับ เมื่อกี้ตอนที่พวกเราเดินขึ้นมาได้เดินผ่านตรงนั้นด้วยไม่ใช่เหรอ? ”
เอลล่าที่อยู่ด้านข้างเห็นพ้องต้องกัน “ใช่ แม่คะ ลืมไปแล้วเหรอ? ”
ญาธิดารีบยิ้มพร้อมกับพูดว่า “พอได้ยินลูกพูดถึงแม่ก็นึกขึ้นมาได้แล้ว ไปเถอะ!เดี๋ยวแม่พาพวกลูกลงไปเอง!”
“เย่!”
อีธานกับเอลล่ากระโดดด้วยความดีใจ พวกเขาประกบข้างซ้ายและขวาของเณรศีลและจับมือของเขาเอาไว้ แล้วก็เดินไปข้างนอกด้วยความตื่นเต้น
ญาธิดาเดินตามไป แล้วก็ไม่ลืมที่จะหันหน้ามาพยักหน้าให้กับหลุยส์ แล้วก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
พอมาถึงสวนดอกไม้ เด็กสองสามคนก็เหมือนกับได้ปลดปล่อยความเป็นธรรมชาติของพวกเขาออกมา พวกเขาวิ่งเล่นไปทั่ว และหัวเราะอย่างสนุกสนาน
ญาธิดานั่งอยู่มองภาพเหตุการณ์นี้อยู่บนม้านั่งด้านข้าง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมา
ที่แท้ การเผยแพร่ความรู้สึกระหว่างพวกเด็กๆ นั้นมันแข็งแกร่งมาก ขอแค่ตอนนี้เณรศีลยิ้มเดินออกมา ยอมพูดคุยกับคนอื่นๆ เรื่องทั้งหมดมันก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
หลายวันถัดมา ญาธิดาก็ได้พาอีธานกับเอลล่ามาเยี่ยมเณรศีลที่โรงพยาบาลเอกชนKทุกวัน เณรศีลเริ่มมีชีวิตชีวาและร่าเริงมากขึ้น และก็เริ่มพูดเยอะขึ้นเช่นกัน เขาเริ่มสนิทกับญาธิดามากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว
แม้แต่คุณหมอที่นั่นก็ชมว่าเณรศีลฟื้นตัวได้ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ แล้วก็ทำการตรวจสอบส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และรอจนกว่าผลจะออกมา
ช่วงบ่าย ตอนที่ญาธิดากำลังเตรียมจะเก็บของพาอีธานกับเอลล่ากลับบ้าน คุณหมอก็เข้ามารายการเกี่ยวกับผลการตรวจ
ญาธิดาวางข้าวของในมือลงในทันที แล้วก็ตามคุณหมอไปที่ห้องทำงาน
ญาธิดาเห็นว่าคุณหมอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นมีสีหน้าจริงจัง และเธอก็เริ่มเหงื่อตก “คุณหมอคะ หรือว่ามีอาการอะไรใหม่เกิดขึ้นเหรอคะ? ”
“ไม่ได้มีอาการอะไรใหม่หรอกครับ ที่ผมเรียกคุณมาที่นี่ ก็เพราะว่าอยากจะพูดคุยเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเขา”
พอพูดจบ คุณหมอหยิบรายงานผลตรวจขึ้นมาจากด้านล่าง แล้วก็ส่งให้เธอดู
ญาธิดารับไป เหลือบมองตัวเลขแสดงค่าดัชนีต่างๆ แล้วก็รู้สึกสับสน เธอเห็นแค่คำว่าปกติหรือไม่ปกติในช่องสุดท้ายเท่านั้น
อ่านดูตั้งแต่แรกจนจบ แต่ว่าเธอก็ยังไม่กล้าแน่ใจ ก็เลยเงยหน้ามองคุณหมอด้วยความประหลาดใจพร้อมกับถามว่า “ตอนนี้ร่างกายของเขา……ไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหมคะ? ”
คุณหมอพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “ไม่มีครั้ง การทดสอบทางด้านจิตวิทยาสองครั้งล่าสุดแสดงให้เห็นว่าทุกอย่างปกติ พวกเราคอยเฝ้าสังเกตการณ์อีกสองวัน ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ตอนนี้พวกคุณเตรียมดำเนินการเรื่องออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ”
พอได้ยินคำว่า “ออกจากโรงพยาบาล” ญาธิดาก็ทั้งเซอร์ไพรส์และปลื้มใจ การที่คุณหมอสามารถพูดออกมาจากปากของตัวเองมันหมายความว่าแน่ใจได้แล้วว่าเณรศีลไม่ได้เป็นอะไร
ดูท่าทาง หลายวันนี้อีธานกับเอลล่าจะมีประโยชน์ไม่น้อยเลย พวกเขาช่วยโน้มน้าวใจเณรศีล แล้วก็พาเธอวิ่งไปนู่นไปนี่ พวกเขาสมควรได้รับเครดิตนี้จริงๆ
หลังจากสอบถามคุณหมอเกี่ยวกับขั้นตอนการออกจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วนั้น ญาธิดาก็รีบไปจัดการทันที หลังจากนั้นก็เก็บข้าวของเตรียมจะพาเณรศีลออกจากโรงพยาบาล
เธอให้เณรศีลเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เธอซื้อเตรียมไว้ให้เขาก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นก็เริ่มเก็บข้าวของให้เขา เณรศีลนั่งอยู่ด้านข้างเตียง มองดูเธอยุ่งวุ่นวาย จู่ๆ ก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย
ญาธิดาสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเขานั้นดูผิดปกติ เธอก็เลยหยุดสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ แล้วก็หันไปมองเขาพร้อมกับพูดว่า “ทำไมเหรอเณรศีล? รู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า? ”
เณรศีลส่ายหน้า พร้อมกับก้มหน้าลง เขาไม่ยอมพูดอะไรเลยแม้แต่ประโยคเดียว
ญาธิดาถามต่อว่า “เป็นอะไรกันแน่ไหนเล่าให้ฟังหน่อยซิจ๊ะ? ”
พอถามอยู่หลายครั้ง เณรศีลก็ตอบพึมพำว่า “แล้วผมต้องไปไหนต่อล่ะครับ? ”
ญาธิดาชะงักไป ไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่ายังไง
เณรศีลหน้าม่อยคอตกพร้อมกับพูดว่า “วันนั้นผมได้ยินลุงหลุยส์บอกว่า ถ้าออกจากโรงพยาบาลแล้วผมจะไปอยู่บ้านเขาไม่ได้อีกผมไม่มีบ้าน ถ้าเกิดว่าออกจากโรงพยาบาลไปก็ไม่มีที่ให้อยู่แล้ว……”
คำพูดของเด็กน้อย ทำให้ญาธิดาฟังแล้วรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เธอขมวดคิ้ว พร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ และก็ยกมือขึ้นมาลูบหัวของเด็กน้อย พร้อมกับพูดเบาๆ ว่า “วางใจเถอะ ฉันไม่มีทางปล่อยให้หนูไม่มีบ้านอยู่หรอกนะ”
ต่อให้คนอื่นจะไม่ยอมเลี้ยงเขา แต่ว่ายังไงซะเธอก็ต้องมอบบ้านให้เขาให้ได้
และในตอนนี้เอง อีธานกับเอลล่าก็ล้อมเข้ามา พอพวกเขาเห็นเณรศีลน้ำตาคลอเบ้า ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า “แม่ครับ ทำไมเณรศีลถึงร้องไห้ล่ะครับ? ”
“เขาไม่เป็นไรหรอก”ญาธิดาคลี่ยิ้มออกมา หลังจากนั้นก็มองไปที่อีธานกับเอลล่าพร้อมกับพูดเบาๆ ว่า “แม่ขอแจ้งข่าวดีให้ทุกคนฟังหน่อยนะ วันนี้หลังจากที่เณรศีลออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว พวกเขาจะกลับไปอยู่บ้านและใช้ชีวิตกับพวกเราที่แกรนด์ บูเลอวาร์ด”
อีธานถามด้วยความตื่นเต้น “จริงเหรอครับ!”
ญาธิดาพยักหน้าอย่างจริงจัง “ก็ต้องจริงอยู่แล้วสิ!”
พอพูดจบ เธอก็ก้มหน้ามองเณรศีล และก็พอดีกับตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมามองเธอพอดี ดวงตาของเขาเป็นประกาย และเต็มไปด้วยความคาดหวังและซาบซึ้งใจ
ญาธิดารู้สึกสบายใจขึ้น เธอยกมือขึ้นมาลูบหัวเขา แล้วก็มองไปที่อีธานกับเอลล่าพร้อมกับพูดว่า “เณรศีลน่าจะโตกว่าพวกลูกน้อยนะ นับจากวันนี้เป็นต้นไป ถ้าเกิดว่าคนอื่นมาถาม พวกลูกต้องบอกว่าเขาเป็นพี่ชายของพวกลูก เข้าใจไหม? ”
อีธานกับเอลล่าตอบพร้อมกัน หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ล้อมรอบเณรศีลอย่างสนิทสนม
พอเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ญาธิดาก็ยิ้ม ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา พร้อมกับส่งข้อความให้ภวินท์
“เณรศีลสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว วันนี้ฉันจะพาเขาออกจากโรงพยาบาล ก่อนที่จะเจอธีระ ฉันจะดูแลเขาเอง”
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าหลุยส์ได้เล่าเรื่องที่สองคนได้ตกลงกันให้ภวินทร์รู้ด้วยรึเปล่า แต่ว่าก่อนที่เธอจะพาเณรศีลออกไป เธอก็จำเป็นต้องบอกให้เขารู้