ดวงใจภวินท์ - บทที่606 จะรังเกียจเขาจนตาย
บทที่606 จะรังเกียจเขาจนตาย!
ร่างสูงของเขาโอบล้อมตัวเธอไว้ เกล้าแก้วร่างผอมเพรียวอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยิ่งเหมือนเหลือกระดูกเพียงไม่กี่ชิ้น เธอไม่มีแรงต้านทานอีกต่อไปแล้ว น้ำตาไหลออกจากหางตาถึงข้างหู
เธอหลับตา ราวกับพยายามดึงความคิด สติและการรับรู้ออกไป เธอไม่อยากเห็นชายผู้นี้อีก ไม่อยากเห็นแม้แต่นิดเดียว!
ไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ ในที่สุดการลงโทษอย่างหนักก็จบลง เขาลุกขึ้นยืนข้างเตียง และมองลงมาที่เธอด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม
“เกล้าแก้ว เธออยากจะทิ้งผมไป ไม่ว่าเธอจะใช้วิธีไหน ฝันไปเถอะ มันล้วนเป็นภาพลวงตาทั้งนั้น!”
หลังจากพูดเสร็จ เขายกเท้าขึ้นและหันหลังกลับ ออกจากห้องไปเหมือนสัตว์ดุร้าย
น้ำตาของเกล้าแก้วยังคงไหลลงมาจนแห้งในที่สุด ป้าที่บ้านมาช่วยทำความสะอาดร่างกายของเธอ เมื่อเห็นบาดแผลบนร่างกายของเธอ ก็รู้สึกเห็นใจเล็กน้อย
“คุณแก้ว ถ้าเรื่องไหนที่ยอมคุณผู้ชายได้ก็ยอมเถอะค่ะ จะได้ทุกข์น้อยลง!”
คุณป้ากล้าเกลี้ยกล่อมเพียงแค่นี้ จากนั้นก็ทำทุกอย่างเสร็จสรรพแล้วจึงจากไป
เกล้าแก้วนอนอยู่บนเตียงนิ่งเฉยราวกับศพ นอกจากยังมีลมหายใจที่อ่อนแรง เธอกำลังคิดว่า เธอกับภูผากลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร……
จากคนแปลกหน้าในตอนแรก พวกเขาค่อยๆสนิทสนมกัน แล้วพวกเขาก็ตกหลุมรักกันอย่างลับๆ หลังจากแอบรักกันไม่กี่ปี ก็ยอมทุ่มทุกอย่างเพื่อเขา ต่อมาทั้งสองก็พบว่า หัวใจของพวกเขาตรงกัน สุดท้ายจนถึงตอนเหลือแต่ความเกลียดชังและความเคียดแค้น……
ทุกอย่างเป็นความผิดของเธอเองหรอ? เธอหลับตาลงด้วยความเจ็บปวดและดิ้นรนอยู่ในใจเป็นเวลานาน ในที่สุด ตอนที่ป้าขึ้นมาส่งอาหารเย็น เธอถึงจะขยับตัวเล็กน้อย
ป้าไม่ได้มีความหวังใดๆ เธอหยิบถุงมือยางยาวมาสวมที่มือ เตรียมพร้อมที่จะป้อนอาหารเธอ แต่จู่ๆเกล้าแก้วก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เบาและเย็นชาว่า “วันนี้ฉันกินเอง”
คุณป้าเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อ มองดูเธอด้วยความแปลกใจและถามขึ้นว่า “จริง……จริงหรอคะ?”
ดวงตาของเกล้าแก้วไม่มีชีวิตชีวา แต่เธอพยักหน้าช้าๆ”ใช่ค่ะ แต่ฉันมีเงื่อนไข”
คุณป้าพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “คุณชายเคยบอกว่า เพียงแค่คุณยอมกินข้าว เงื่อนไขอะไรก็ทำให้คุณได้หมดค่ะ!”
“หลังอาหารเย็น ฉันอยากจะพบเขา”
“ได้ค่ะ ฉันจะไปบอกคุณผู้ชายให้นะคะ”
คุณป้าโทรหาภูผาอย่างตื่นเต้น หลังจากได้คำตอบเธอก็พูดกับเกล้าแก้วว่า “คุณผู้ชายตอบตกลงแล้วค่ะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เกล้าแก้วก็ขมวดคิ้ว แต่ดวงตาของเธอยังคงนิ่งเธอค่อยๆยื่นมือที่ค่อนข้างแข็งของเธอไปหยิบช้อน จากนั้นตักโจ๊กหนึ่งช้อนแล้วใส่เข้าไปในปากของตัวเอง
นานมากแล้วที่เธอไม่ได้กินเอง วันนี้เธอกลับมาใช้ช้อนส้อมอีกครั้ง การเคลื่อนไหวของเธอก็อดแข็งไม่ได้ เธอกินช้ามาก เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง เธอถึงจะกินโจ๊กหนึ่งชามหมด
เหมือนจะเป็นเพราะขาดความอยากอาหารในช่วงนี้ แต่จู่ๆ วันนี้ก็กินอาหารมื้อเดียวไปมากโข เธอจึงมีอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างอธิบายไม่ถูก เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย และระงับความรู้สึกนี้ แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองคุณป้า “ฉันกินเสร็จแล้ว”
ตาของคุณป้าเป็นประกายด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเธอก็หันหลังแล้วรีบออกไปแจ้งภูผา
ไม่นานหลังจากนั้น มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านนอก จากนั้นประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง และภูผาก็ก้าวเข้ามา
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว และเขาก็ไม่มีที่ติตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เขาแต่งตัวสะอาดและดูดี ยังคงเป็นชายหนุ่มรูปหล่อคนเดิม ที่ทำให้ผู้หญิงนับไม่ถ้วนวิ่งตามหลัง
เขามองลึกไปยังผู้หญิงที่นั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะ และถามขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ทำไมถึงอยากเจอผม?”
เกล้าแก้วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเหลือบมองคุณป้าและครามที่ประตู แต่ไม่ได้พูดอะไร
ภูผารู้ได้ทันที จึงหันศีรษะเล็กน้อยแล้วหันกลับมา ทั้งสองที่อยู่หน้าประตูเข้าใจในทันที จึงหันหลังแล้วเดินจากไป และไม่ลืมที่จะปิดประตูให้ด้วย
ภูผาเดินไปที่โซฟาข้างๆเขาอย่างใจเย็น และนั่งลงด้วยท่าทางเกียจคร้าน “พูดสิ”
เกล้าแก้วถามขึ้นทีละคำ “คุณกับอัยดาเป็นอะไรกัน”
เมื่อได้ยินชื่อที่ออกมาจากปากของเธอ ภูผารู้สึกประหลาดใจทันที เขามองไปยังเธอ ดวงตาของเขาลึกและเขาถามอย่างเย็นชาว่า “เธอไปได้ยินมาจากไหน?”
เขาคอยให้คนจับตามองเธออยู่ตลอด พอกลับจากทะเลครั้งนั้น เธอก็ไม่ออกจากห้องอีกเลย เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?
เกล้าแก้วค่อยๆยกคางขึ้นและชี้ไปที่ทีวีที่ติดอยู่บนผนัง”ฉันสามารถดูทีวีได้สองวันต่อสัปดาห์ คุณเป็นคนกำหนดเอง ลืมแล้วหรอ?”
ภูผาขมวดคิ้ว และพูดไม่ออก
เขาเคยให้ความพิเศษนี้กับเธอจริงๆ เพราะเขากลัวว่า เธอจะคิดสั้นเพราะความฟุ้งซ่าน คิดไม่ถึงว่าเธอจะเห็นเขาและอัยดาทางทีวี
เขายิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “เกล้าแก้ว จะว่าไป ในใจของเธอยังคิดถึงผมอยู่สินะ ไม่อย่างนั้น เธอจะดูทีวีและหาข้อมูลเกี่ยวกับผมทำไม?”
“ใช่”เกล้าแก้วไม่ได้ปฏิเสธ แต่ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “ดังนั้น ฉันอยากว่ารู้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับอัยดาเป็นอะไรกัน?และในอนาคตความสัมพันธ์ของพวกคุณจะเป็นอย่างไร?”
ดวงตาสีดำของเธอ เผยความเยือกเย็นออกมา
ภูผาก็ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดและจ้องไปที่เกล้าแก้ว หลังจากหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ผมจะแต่งงานกับลูกสาวของตระกูลทิวะศิริ”
แค่ประโยคเดียว แววตาของเกล้าแก้วก็เปลี่ยนไปในทันที
เธอก้มศีรษะลง ร่างกายสั่นเล็กน้อย และรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ตอนแรก เธอคิดว่าเธอสามารถเพิ่มพลังจากคำตอบของเขาได้ แต่ตอนนี้ คำพูดของเขาราวกับมีดคมที่ตัดฟางเส้นสุดท้ายที่เธอเหลืออยู่ ปล่อยให้เธอหมดหวังในทันใด
เธอพยายามหายใจเข้าลึกๆแล้วถามขึ้น “แล้วฉันล่ะ……เป็นอะไร?”
ภูผาเงียบและไม่ตอบ
เกล้าแก้วเม้มปาก หัวเราะเยาะตนเอง แล้วพูดขึ้นว่า”ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณจะแต่งงานกับอัยดา คุณก็ปล่อยฉันไปสิ”
ทันทีที่เธอพูดจบ เสียงของภูผาก็ดังขึ้น “ไม่มีทาง!”
หลังจากนั้น เขายืนขึ้นและเดินเข้าไปหาเธอ “อย่าแม้แต่จะคิดที่จะไปจากผม เกล้าแก้ว! แม้ว่าผมจะแต่งงานกับอัยดา แต่เธอก็ยังเป็นคนของผม!”
หัวใจของเกล้าแก้วเจ็บปวดมาก “ฉันเป็นเหมือนนกที่อยู่ในกำมือของคุณใช่ไหม?”
ภูผาจ้องไปที่เธออย่างลึกซึ้ง และหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นว่า”ยังไงซะ เธอก็ไม่มีทางเลือก!” พูดจบเขาก็หันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ประตูปิดลง ราวกับว่ากรงขังถูกล็อกไว้อีกครั้ง น้ำตาของเกล้าแก้วไหลออกมา ในวินาทีต่อมา เธอรู้สึกคลื่นไส้ ทนไม่ไหวจนอาเจียนออกมาโดยตรง……
ราวกับว่าตอนกินข้าว เธอได้กินแมลงวันหัวเขียวที่น่ารังเกียจเข้าไปด้วย ตอนนี้ เธออยากจะอาเจียนหัวใจที่ถูกหลอกนั้นออกมาด้วย!
คุณป้ารีบวิ่งเข้ามาตามเสียง เมื่อเห็นสภาพของเธอ คุณป้าก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “คุณแก้วคะ คุณจะทำแบบนี้ทำไมล่ะคะ?”
เกล้าแก้วอาเจียนเป็นเวลานาน และในที่สุด เธอก็รู้สึกว่าทุกอย่างในท้องของเธอถูกคายออกมาหมดแล้ว เธอก็ทำได้แค่คายน้ำกรดออกมา เธอยกมือขึ้นไปคว้าผ้าปูที่นอนแล้วเช็ดหน้าและปากของตัวเอง ทันใดนั้น เธอก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา เสียงหัวเราะปะปนกับการร้องไห้ เธอน้ำตาคลอและกัดฟันแล้วพูดขึ้น “ในเมื่อเขาไม่ปล่อยฉันไป ชาตินี้ ฉันก็จะรังเกียจเขาจนตาย……”
ทั้งรักทั้งแค้น ไม่มีใครยอมปล่อยใครไป