ดวงใจภวินท์ - บทที่608 ขอให้คุณช่วยหน่อย
บทที่608 ขอให้คุณช่วยหน่อย
ญาธิดานั่งอยู่บนม้านั่งตรงทางเข้าสำนักกิจการพลเรือนเป็นเวลานาน เธอเฝ้ามองคู่รักหลายคู่ที่ไปๆมาๆ มีทั้งคู่รักที่มารับใบสมรสด้วยสีหน้าที่มีความสุข และคนที่มาหย่าร้างด้วยหน้าที่บึ้งตึง ราวกับกำลังดูละครที่เกี่ยวกับครอบครัว
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็เห็นอัญมณีและพายุเดินจับมือกันออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เมื่ออัญมณีเห็นเธอก็วิ่งมาหาเธออย่างรวดเร็ว พายุกลัวว่าอัญมณีจะสะดุดล้ม จึงรีบใช้มือดึงเธอไว้ ไม่ให้วิ่งเร็วเกินไป
“ธิดา ดูนี่สิ!” อัญมณียกของในมือขึ้นอย่างมีความสุข แล้วโชว์เธอ “ได้มาแล้ว!”
“ให้ฉันดูหน่อย”
ญาธิดายิ้มและยื่นมือออกไปรับทะเบียนสมรสและมือถือจากเธอ พอเปิดรูปออก ก็เห็นภาพที่อัญมณีและพายุสวมเสื้อสีขาว ยืนอยู่ตรงหน้าประตู พวกเขายิ้มอย่างสดใสและมีความสุขมาก ความหวานแทบล้นออกมาจากหางตา
ญาธิดาดูรูปแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะผงกศีรษะและพูดชื่นชม “รูปถ่ายออกมาดีมากเลย……”
ทันใดนั้น ภาพถ่ายตอนที่ไปจดทะเบียนสมรสของเธอและธีทัตก็ผุดขึ้นในหัวโดยไม่รู้ตัว และจู่ๆก็รู้สึกเย็นยะเยือกภายในใจ
คู่รักคู่หนึ่ง มีความสุขหรือไม่มีความสุข สามารถดูได้จากภาพถ่ายจริงๆ
“โอเค ไปดินเนอร์กันเถอะ! ไปฉลองกัน!”
เสียงของอัญมณีดังขึ้น ซึ่งดึงเธอออกจากห้วงภวังค์ ญาธิดาพยักหน้า ยื่นรูปกลับไปให้อัญมณี จากนั้นมองไปยังเธอและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ครั้งนี้ฉันเตรียมท้องรอไว้แล้ว เธอก็เตรียมกระเป๋าตังค์ไว้ด้วยนะ!”
อัญมณีทุบอกของตัวเองเบาๆ แล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล! ฉันเลี้ยงไหวอยู่แล้ว!”
ทั้งสามมองหน้ากันแล้วยิ้ม จากนั้นก็รีบไปที่ร้านอาหารที่พวกเขาตกลงกันไว้ทันที พวกเขาพูดคุยและหัวเราะกันอย่างมีความสุข บรรยากาศสนุกสนานตลอดทาง
การกินหม้อไฟครั้งนี้ ใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมงถึงจะกินเสร็จ อาจเป็นเพราะยุ่งและวุ่นวายมาตั้งแต่เช้า จึงทำให้สภาพร่างกายของอัญมณีไม่ค่อยดีนัก ญาธิดาดูออก จึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ฉันต้องกลับแล้ว ก่อนที่พี่ชายเธอจะกลับมา ฉันต้องรีบเอาทะเบียนบ้านกลับไปไว้ที่เดิม”
อัญมณีพยักหน้า ยื่นมือออกไปจับมือเธอไว้ แล้วพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “ธิดา ฉันคบคนไม่ผิดจริงๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของญาธิดาก็รู้สึกอุ่นขึ้น เธอจึงยิ้มให้อัญมณีแล้วพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ตอนนี้ร่างกายของเธออ่อนเพลีย รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ!”
อัญมณีพยักหน้าอย่างรวดเร็ว และไม่ลืมที่จะขยิบตาให้เธอ จากนั้นก็พูดว่า “ใช่ ฉันต้องกลับไปพักผ่อน ยังมีศึกหนักที่ต้องเผชิญรอฉันอยู่”
ญาธิดาไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก หลังจากบอกลาเธอแล้ว ก็ขับรถกลับบ้านโดยตรง ก่อนที่ธีทัตจะกลับมา เธอเอาทะเบียนบ้านกลับไปไว้ในลิ้นชักแล้วออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
แม้ว่าเธอจะรู้อยู่ในใจแล้วว่า ไม่ช้าก็เร็วธีทัตจะต้องรู้เรื่องนั้น แต่ก็ต้องพยายามปิดบังมันไว้ให้ได้สักพัก เพียงแค่ธีทัตสามารถจัดการทางพ่อแม่ของเธอได้ เรื่องทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น
ในตอนบ่าย ญาธิดาต้องการใช้เวลาอยู่กับเด็กน้อยสามคนที่บ้าน แต่หลังตื่นจากการงีบ จู่ๆโทรศัพท์ที่เธอวางอยู่บนเตียงก็ดังขึ้น
เมื่อเห็นชื่อที่โดดเด่นบนจอโทรศัพท์ ญาธิดาก็ผงะและแปลกใจเล็กน้อย
เป็นสายเรียกเข้าจากนายพลชวิศ
จะว่าไป พวกเขาไม่ได้ติดต่อกันมาสักพักแล้ว ตั้งแต่ที่เขาส่งเธอไปที่โรงพยาบาลเพื่อพบเณรศีลพวกเขาก็ไม่ติดต่อกันอีกเลย
จู่ๆเขาก็โทรมาแบบนี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?
ญาธิดารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ไม่ว่ายังไง อีกฝ่ายก็เป็นคนที่เคยช่วยเธอ เธอจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดปุ่มรับสาย
“ฮัลโหล?”
อีกฝ่ายพูดอย่างไม่อ้อมค้อม “บ่ายนี้ว่างไหม ออกมาเจอหน่อยได้ไหม?”
ญาธิดาถามขึ้นด้วยความสงสัย “มีเรื่องอะไรหรอ?”
อีกด้านหนึ่ง ชวิศลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นช้าๆว่า “ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยหน่อย”
ญาธิดาอึ้งไปครู่หนึ่ง อยากจะหัวเราะอย่างอธิบายไม่ถูก เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่า ชวิศจะมีวันที่มาขอความช่วยเหลือจากเธอ ซึ่งเกินความคาดหมายของเธอมาก
ในความทรงจำของเธอ ด้วยตำแหน่งและความสามารถของเขา เขาต้องการความช่วยเหลือจากผู้หญิงที่อ่อนแอได้อย่างไร?
เธอเลิกคิ้วขึ้น แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่ยิ้มแย้มโดยไม่รู้ตัว “ช่วยเรื่องอะไรหรอ?”
ชวิศชะงักและดูเขินเล็กน้อย แต่ในที่สุดเขาก็พูดขึ้นว่า “ผมมีน้องสาวคนหนึ่ง อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของเธอแล้ว ผมไม่รู้จริงๆว่าจะซื้อของขวัญอะไรให้เธอดี ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้ว่าผู้หญิงชอบอะไร ผมมีเพื่อนผู้หญิงน้อย ก็เลยนึกถึงคุณ”
“ก๊าก!”
ญาธิดาทนไม่ไหวจนหัวเราะออกมา และถามขึ้นว่า “คุณไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยหรอ การให้ของขวัญผู้หญิงยังต้องถามคนอื่นอีกหรอเนี่ย?”
คำพูดของเธอ เหมือนจี้ใจดำเขา เธอพูดถูกทุกอย่างเลย อีกด้าน ชวิศเงียบไปครู่หนึ่งแล้วยิ้ม “ตกลงคุณยอมช่วยไหม?”
ญาธิดาหัวเราะเบาๆ “ในเมื่อคุณชวิศเอ่ยปากแล้ว ฉันก็คงทำได้แค่ยอมตกลง”
ชวิศหัวเราะเบาๆ “งั้นก็ดี ส่งที่อยู่มาให้ผมหน่อย อีกหนึ่งชั่วโมงผมไปรับ”
ญาธิดาปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก คุณบอกมาเลยว่าจะไปห้างไหน เดี๋ยวฉันขับรถไปเอง”
“โอเค”
หลังจากที่ชวิศพูดจบ เขาก็วางสายแล้วส่งตำแหน่งที่ตั้งไปให้เธออย่างรวดเร็ว
ญาธิดาพาเด็กน้อยไปอ่านหนังสือสักพัก หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง เธอถึงจะขับรถไปที่ห้าง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เธอจอดรถไว้นอกห้าง แล้วเดินไปที่ประตู ชวิศรูปร่างสูงใหญ่ วันนี้เขาไม่ได้สวมเครื่องแบบทหาร แต่สวมชุดลำลองสีดำ แต่ก็ไม่สามารถกลบออร่าของเขาได้ เขายืนอยู่ที่นั่น ผู้คนที่ผ่านไปมามักจะแอบมองไปที่เขา เพราะค่อนข้างสะดุดตา
ญาธิดายิ้มแล้วเดินเข้าไป บังเอิญกับข้างๆมีเด็กสาวสองคนในชุดแฟชั่นมองชวิศด้วยแววตาที่หลงใหล เธอกำลังจะเอ่ยแซวเขา แต่ใครจะไปรู้ว่าชวิศจะยกมือซ้ายขึ้น ตามองไปที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง แล้วพูดขึ้นมาทีละคำว่า “คุณมาสายสามนาที21วินาที”
คำพูดนี้ เหมือนเอาน้ำเย็นมาสาดใส่หน้าญาธิดา ทำให้เธอไม่สามารถพูดอะไรได้แม้แต่คำเดียว
เธออ้าปาก ทีแรกอยากจะบอกว่าเธอเสียเวลากับการจอดรถ แต่เมื่อนึกถึงตัวตนของเขาที่เคร่งเรื่องตรงต่อเวลาอยู่แล้ว ถ้าพูดออกไปก็เหมือนหาข้ออ้างให้ตัวเอง เธอจึงเลือกที่จะไม่พูด
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ “โอเค ฉันมาสาย เดี๋ยวเลี้ยงชานมแทนคำขอโทษ โอเคไหม?”
ชวิศกวาดตามองเธอ ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นเบาๆว่า “ผมไม่กินของแบบนั้น มันจะทำให้หุ่นเสีย”
หลังจากพูดจบ เขาก็เหยียดขายาวเดินเข้าไปที่ห้าง
ญาธิดาอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาลับหลังของชายคนนั้น
ผู้ชายคนนี้ ทุกคำพูดของเขา สามารถทำให้คนอื่นสำลักตายได้จริงๆ!
เมื่อเห็นว่าเขาเดินไปไกลแล้ว ญาธิดาถึงจะได้สติกลับมา และรีบวิ่งตามไป
ทั้งๆที่เขาขอให้เธอมาช่วยแท้ๆ แต่ทำไมตอนนี้เธอเหมือนเป็นเบ๊ตามหลังเขาเลย?
หลังจากที่เดินวนห้างกับชวิศอย่างไร้จุดหมาย ในที่สุด ญาธิดาก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป “คุณลองว่ามาสิ ว่าคุณต้องการซื้อของขวัญแบบไหน เสื้อผ้า เครื่องประดับ หรือเครื่องสำอาง คุณคงจะมีไอเดียในใจนะ?”
ชวิศหยุดเดินกะทันหัน เขาหันกลับมามองเธออย่างจริงจัง “ถ้าผมรู้ ผมจะเรียกคุณออกมาทำไม?”
พอญาธิดาได้ยินคำพูดนั้น เธอก็อยากจะกลอกตามองบน “คุณ……”
“ถ้าวันนี้คุณสามารถช่วยผมได้ เดี๋ยวผมเลี้ยงอาหารเย็นเอง” เมื่อเห็นสีหน้าของเธอ ชวิศก็ยกยิ้มมุมปาก “แถมชานมให้ด้วย”
“คุณไม่ดื่มไม่ใช่หรอ?”
ชวิศยิ้ม “ผมไม่ดื่ม คุณก็ดื่มเอง”
ตอนที่กำลังพูด เขาก็เดินเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิงอีกร้าน ปล่อยให้ญาธิดายืนสับสนและงงอยู่ตามลำพัง