ดวงใจภวินท์ - บทที่69 เพื่อนร่วมงานที่โชคดีที่สุด
ทางนึงญาธิดาคิดเหลวไหลอยู่ อีกทางก็และอดที่จะเงยหน้าเหลือบมองภวินท์กับแพรวาไม่ได้ พวกเขาทั้งคู่หาที่นั่งแล้วนั่งลงไป ภวินท์หยิบเมนูมา แล้วยื่นให้กับแพรวาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย และให้เธอสั่งก่อน
ชมพู่พูดคนเดียวอยู่ข้างๆ “ดูท่า ความสัมพันธ์ทั้งคู่ไม่ธรรมดาเลยนะ ยังไงซะปกติไม่เห็นคุณภวินท์ของเราดีกับผู้หญิงคนไหนขนาดนี้มาก่อนเลยนะ”
“ปัง”
จู่ๆซ่อมในมือของญาธิดาได้ตกลงไปในจานอย่างกะทันหัน เสียงแหลคมดังออกมาหนึ่งครั้ง ซอสยังกระเด็นไปทั่ว
ญาธิดารีบหยิบกระดาษขึ้นมา และเริ่มเช็ดอย่างวุ่นวาย
ชมพู่หันหน้ากลับมา แล้วถามด้วยความประหลาดว่า “ธิดา เธอเป็นอะไร?”
“ฉันไม่เป็นไร ไม่ระวังอ่ะ ฉันไปทำความสะอาดที่ห้องน้ำก่อนนะ”
ญาธิดาพูดจาวกวน เธอลุกขึ้นมา ไม่กล้ามองชมพู่ หันหลังโดยตรงและตรงไปที่ห้องน้ำทีเดียว
เธอสับสนวุ่นวายใจไปหมด มีความรู้สึกเสียใจอย่างพูดไม่ถูก
ถึงแม้ว่าเธอกับภวินท์ไม่ได้มีความรักเป็นพื้นฐานก็ตาม แต่ว่ายังไงเธอก็คือภรรยาของเขา เห็นเขาทานข้าวเย็นกับผู้หญิงคนอื่น ไม่สบายใจเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
ญาธิดายืนอยู่ตรงหน้ากระจก และล้างมือด้วยความเบลอ
“ไปไหนก็เจอหล่อน ซวยจริงๆเลย”
เสียงประชดประชันดังเข้ามา ญาธิดาหันหน้าจากจิตใต้สำนึก ก็เจอกับนีราภาที่เดินออกมาจากช่อง
ช่างบังเอิญจริงๆ เมื่อกี้อยู่ในห้องบันเทิงพวกเขาก็ต่างเหม็นขี้หน้ากันแล้ว คิดไม่ถึงผ่านไปได้ไม่นาน เจอกันที่นี่อีกครั้ง
นีราภาเดินไปข้างๆญาธิดา เปิดก๊อกน้ำ ล้างมืออย่างไม่รีบไม่ร้อน พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “อยากเป็นมือที่สาม ไม่ส่องกระจกดูกะโหลกกะลาตัวเองบ้างเลยว่า คู่ควรรึเปล่า”
ได้ยินคำพูดที่ทิ่มแทงใจเหล่านี้ ญาธิดาขมวดคิ้ว ยื่นมือไปปิดก๊อกน้ำ และพูดแบบชัดถ้อยชัดคำว่า “คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนฉันนี่”
เธออารมณ์ไม่ดีแต่แรกแล้ว ตอนนี้นีราภาต้องการเหยียบเธอจมดิน เธอจึงไม่ทนเป็นเรื่องธรรมดา
เธอพูดเช่นนี้ปุ๊บ สีหน้านีราภาก็ดำขึ้นมาทันที เธอกัดฟันและจ้องหน้าญาธิดา สุดท้ายขณะที่หาคำโต้กลับไปอย่างเหมาะสมไม่ได้ เธอยื่นมือ ใช้มือทั้งสองข้างรองน้ำ หลังจากรองน้ำที่ก๊อกน้ำ สาดเข้าไปที่หน้าญาธิดาโดยตรง
หน้าเย็นเจี๊ยบโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ญาธิดาสูดหายใจ เธอคิดไม่ถึงเลยสักนิด นีราภาเถียงเธอไม่ไหวถึงกับลงไม้ลงมือ
“นีราภา เธออย่าทำเกินไปนะ……”
เธอยังพูดคำนี้ไม่จบ นีราภารองน้ำและสาดเข้าไปที่หน้าเธออีกครั้ง “ฉันทำเกินไปยังไง เธอควรจะถูกสาดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
ญาธิดาถูกสาดน้ำเต็มๆอีกครั้ง เธอหายใจเข้าลึกๆ ผลักมือของเธอออกไป แล้วหันหลังออกไปจากห้องน้ำอย่างเร่งรีบ
เธอยังไม่ทันเช็ดน้ำบนหน้าและผมให้แห้งเลย ก็ออกไปอย่างตื่นตระหนก จู่ๆ รูปร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยได้เดินตรงเข้ามาจากไม่ไกล
ภวินท์เห็นผมญาธิดาเปียกชื้น และวิ่งไปข้างหน้าแบบโซเซ สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เอ่ยปากเรียกว่า “ญาธิดา”
ญาธิดาได้ยิน ร่างกายแข็งทื่อ เงยหน้าปุ๊บก็เจอกับภวินท์ที่เดินเข้ามา อึ้งไปชั่วขณะ หลังมีปฏิกิริยาตอบรับก้มหน้าวิ่งออกไปอย่างเร่งรีบ
เธอไม่อยากให้เขาเห็นตัวเองซมซานขนาดนี้
ภวินท์หันหลัง มองดูผู้หญิงวิ่งออกไปอย่างเร่งด่วน ขมวดคิ้วเบาๆ
ทำไมญาธิดาต้องหลบเขา น้ำบนหัวและบนหน้าของเธอเป็นอะไรกันแน่
เขาหยิบมือถือออกมา กะจะโทรหาญาธิดา เงยหน้าขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็เจอกับนีราภาและนวิยาเดินตรงเข้ามา
ทั้งคู่รีบทักทายกับเขา
“สวัสดีค่ะ คุณภวินท์”
ภวินท์ยกคอนิดๆ ไม่พูดอะไรมาก
หลังจากรอให้พวกเธอออกไปแล้ว ภวินท์ได้โทรศัพท์ เสียงดังหลายครั้ง แต่ว่าทางโน้นไม่มีคนรับสายเลย
เขาวางสาย แล้วขมวดคิ้ว
ช่างเถอะ เจอกันค่อยถามเธอก็แล้วกัน
ญาธิดาวิ่งออกไปจากร้านอาหาร แล้วกลับไปในห้องนอนโรงแรมโดยตรง หลังจากนั่งอยู่บนเตียงสักพักใหญ่ๆ การเต้นของหัวใจถึงค่อยๆฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ
“ติ๊งตอง——”
จู่ๆมือถือดังขึ้นมา เธอกระตุกตัว มองไปที่หน้าจอด้วยความตื่นเต้น เห็นชมพู่โทรมา ถึงรับสาย
“ฮัลโหล ธิดา เธออยู่ไหนอ่ะ ”
ญาธิดาพูดเสียงเบาว่า “ฉัน…ฉันกลับมาที่โรงแรมแล้ว ฉันไม่ค่อยสบาย”
“เป็นอะไรหรอไปหาหมอไหม ”
“ไม่ต้องหรอก เมื่อคืนอาจหลับไม่สนิท จึงเหนื่อยๆ น่ะ”ญาธิดาหาข้ออ้างแบบเรื่อยเปือย ไม่อยากให้ชมพู่เป็นห่วง
“โอเคๆ งั้นเธอก็พักผ่อนดีๆ นะ”
ญาธิดาหายใจเข้าลึกๆ “ชมพู่ รบกวนคุณช่วยฉันพูดกับพี่แนนหน่อย กิจกรรมตอนเย็นฉันไม่ไปล่ะฉันอยากพักผ่อนดีๆ”
ชมพู่รับปาก “ได้เลย งั้นถ้าเธอต้องการอะไรก็โทรหาฉันนะ”
“โอเค”
ญาธิดาวางสาย นอนลงไปบนเตียง สับสนวุ่นวายใจ
ถึงแม้เมื่อกี้นีราภาทำกับเธอแบบนั้นแล้วทำให้เธอโกรธมากเลยก็ตาม แต่ว่าที่ทำให้เธอไม่สบายใจคือภาพที่ภวินท์อยู่กับแพรวา เธอรู้สึกแปลกๆในใจ ถึงได้ไม่อยากไปร่วมกิจกรรมตอนเย็น
เธอปิดผ้าม่าน นอนอยู่ใต้ผ้าห่ม ไม่คิดมากอีกแล้ว ใครจะไปรู้ล่ะว่านอนไปจนถึงตอนเย็นเลย
พอเธอตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงง ท้องฟ้าข้างนอกได้มืดสนิทแล้ว
หน้าประตู มีเสียงตบประตูดังขึ้น“ปั้งปั้งปั้ง” ตามด้วยเสียงตะโกนเรียกที่หอบเหนื่อยของชมพู่
ญาธิดารีบลงจากเตียงแล้วก็ไปเปิดประตู
“มี…มีอะไรหรือ ”
เห็นเธอไม่เป็นไร ชมพู่ถึงโล่งใจ “ฉันตกใจแย่เลย ฉันโทรหาเธอไม่มีคนรับสายตบประตูตั้งนานก็ไม่มีคนตอบรับ ทำให้ฉันตกอกตกใจ”
ญาธิดาขยี้ตา “ฉันหลับอยู่น่ะ……”
ชมพู่ตบไหล่เธอ “รีบไปล้างหน้าเร็ว เราไปทานข้าว คืนนี้ทุกคนร่วมโต๊ะอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากัน”
ได้ยินเธอพูดแบบนี้ ญาธิดาถึงรู้ว่าเวลาสายแล้ว
เก็บแบบเรื่อยเปื่อย และล้างหน้าล้างตา ญาธิดาก็ตามชมพู่ไปที่ห้องรับรอง
ตอนเย็นทุกคนร่วมโต๊ะทานอาหารพร้อมกัน คนทั้งหมดในแผนกล้วนอยู่ในห้องรับรองใหญ่ๆ
ชมพู่จูงมือญาธิดาแล้วไปนั่งที่หัวมุม อาหารบนโต๊ะก็มีหลายอย่างแล้ว
พี่แนนเห็นว่าทุกคนต่างมากันครบแล้ว เทเหล้าหนึ่งแก้ว และลุกขึ้นมาทักทายกับทุกคน “วันนี้ไม่ง่ายเลยนะ ถือโอกาศครั้งนี้ ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เรามาชนแก้วกันเถอะ”
ทุกคนต่างลุกขึ้นมาด้วยเสียงหัวเราะ ยกแก้วขึ้นมาดื่มเหล้า
ต้องก็พูดแบบหัวเราะ “สาวๆทั้งหลาย นี่เป็นเหล้าหมักฉะเพราะในLakeside Manor หวานๆอร่อยมาก ผู้ชายเราดื่มเหล้าขาว พวกคุณตามสบายเลยนะ”
ทุกคนยิ้มแย้ม ยกแก้วพร้อมกัน แล้วดื่มเหล้า
ญาธิดามองดูของเหลวที่มีสีสันใสๆ ชิมดูคำนึง เปรี้ยวๆหวานๆ น่าดื่มจริงๆด้วย
หลังจากนั่งลงไป ทุกคนก็เริ่มทานอาหารและดื่มเหล้า ไม่รู้ว่าใครเริ่มก่อน แต่ละคนเริ่มชนเหล้ากัน
ญาธิดาไม่สนใจเกมบนโต๊ะพวกนี้ จึงโฟกัสแต่อาหารเลิศรสตรงหน้า
แต่ว่าไม่รู้ว่าใครเอ่ยขึ้นมาคำนึง จู่ๆต้องเรียกชื่อของเธอ“ญาธิดา เธอควรชนแก้วกับทุกคนนะว่ามั๊ยล่ะ ”
ญาธิดาอึ้ง “ฉันเหรอคะ”
“ใช่สิ ตอนนี้เธอเป็นเพื่อนร่วมงานแผนกของเราที่โชคดีที่สุด มาถึงที่นี่ปุ๊บก็เล่นเกมเป็นคู่ขาคุณภวินท์ไป ซึ่งเป็นคนที่เพื่อนร่วมงานต่างอิจฉากัน”
ต้องพูดแบบนี้ปุ๊บ เสียงคึกคักได้ดังขึ้นมาจากข้างๆ “ใช่แล้วๆ รีบชนแก้วกับทุกคนเร็ว”
ญาธิดาสูดหายใจลึกๆ รู้ดีว่าสถานการณ์แบบนี้ปฏิเสธไม่ได้
พูดถึงภวินท์ปุ๊บ เธอก็นึกถึงภาพที่เขาทานข้าวกับดาราสาวแพรวา ความไม่สบายใจถูกผุดขึ้นมาอีกครั้ง
ญาธิดากัดฟัน ลุกขึ้นมา หยิบขวดเหล้าข้างๆขึ้นมา เทเหล้าเต็มๆหนึ่งแก้ว จากนั้นยกขึ้นมาทักทายให้กับทุกคน “ได้ งั้นฉันขอดื่มหนึ่งแก้วให้กับทุกคน”