ดวงใจภวินท์ - บทที่692 ผู้ถือหุ้นSTNคนใหม่
“ยิ่งอยู่ยิ่งไม่ได้เรื่องจริงๆ !”
“ก็ใช่น่ะสิ บริษัทเพิ่งสงบได้มากี่วัน ก็มีข่าวเน่านี่ออกมาอีก”
“คุณวิชัยเป็นถึงเสาหลักของพวกเรานะครับ ถ้าครั้งนี้คุณวิชัยยังไม่เจรจากับคุณภวินท์ ชีวิตหลังจากนี้ของพวกเราคงลำบากแน่ๆ”
ท่ามกลางเสียงซุบซิบของผู้ถือหุ้น ภวินท์นั้นเดินเข้ามาแล้วนั่งลงประจำที่ของตัวเอง สีหน้าของเขาไม่ได้โกรธแต่อย่างใด บรรยากาศภายในห้องประชุมเงียบลงในทันที
ญาธิดาเพิ่งจะนั่งลงข้างเขา เสียงของวิชัยก็ดังขึ้นในทันที “คุณภวินท์ คุณให้เธอตามติดตัวอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ ไม่ดีมั้งครับ?”
“ไม่ดียังไง?” ภวินท์เงยหน้าขึ้น ดวงตาคมที่เหมือนเหยี่ยวกวาดตามองเอย่างเฉียบขาด
พอเห็นว่าเขาเตรียมใช้อำนาจต่อภวินท์ ผู้ถือหุ้นที่อยู่รอบๆ ก็รีบร่วมมือในทันที “เธอเป็นภรรยาของธีทัต ดูก็รู้ว่ามาล้วงความลับทางธุรกิจของบริษัทพวกเรา”
วิชัยที่มีคนช่วยพูด อารมณ์ก็ยิ่งแรงมากขึ้น เขาลุกขึ้นทันทีและทำท่าเตรียมตัวจะออกไป “ถ้าคุณยังยืนยันที่จะให้เธอร่วมการประชุมที่สำคัญแบบนี้ งั้นผมขอถอนตัวจากการประชุมผู้ถือหุ้นตอนนี้เลยครับ”
สีหน้าของภวินท์ยังคงเหมือนเดิม เขาโบกมือเป็นสัญญาณให้พายุ “ส่งคุณวิชัยออกไป”
“ภวินท์! แก……”
เดิมทีเขาแค่อยากขู่ภวินท์เฉยๆ แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ จะออกไปก็ไม่ใช่ จะอยู่ต่อก็ไม่ใช่
พอจะดูออกว่าเขาไม่ได้อยากออกไปจริงๆ ภวินท์ถึงพูดขึ้นช้าๆ ว่า “เริ่มการประชุมเหมือนเดิมได้หรือยังครับ?”
วิชัยกลับไปนั่งประจำที่อย่างขายหน้า สีหน้าของเขาดูแย่ขึ้นมากกว่าเดิม
ญาธิดารู้ตัวดี ว่าการปรากฏตัวของเธอทำให้เขาลำบากมากมาย พอเห็นสายตาของพวกผู้ถือหุ้นที่มองมาทางตัวเองไม่หยุด ปลายเล็บของเธอจิกแฟ้มเอกสารริมโต๊ะอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“คุณภวินท์ครับ ตอนนี้บริษัทพัฒนาไม่เท่าเมื่อก่อน แล้วตอนนี้ก็ยังมาเจอข่าวขายหน้าแบบนี้อีก คุณจะให้พวกเราผู้ถือหุ้นเอาอะไรไปเลี้ยงครอบครัวครับ”
ภวินท์โยนเอกสารของEAST Residencesในมือให้วิชัยและตอบอย่างเคร่งขรึมว่า “ที่ทุกท่านนั่งอยู่ที่นี่ตอนนี้ ไม่ใช่เพราะว่าอยากได้ส่วนแบ่งของEAST Residencesอยู่เหรอ?”
“เฮอะ” สิ่งที่วิชัยคิดจะมุบมิบถูกแฉ เขาจึงรีบกระแอมเพื่อจะกลบเกลื่อน
เขาผลักเอกสารตรงหน้าออก แล้วชักสีหน้าที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก “ตอนนี้เรื่องเน่าของบริษัทมีเป็นกอง บริษัทข้ามชาติJV จะร่วมงานกับSTNได้ยังไง พอโครงการEAST Residencesล้มไม่เป็นท่า ผมจะรอดูว่าคุณจะอธิบายเรื่องนี้ให้พวกเรายังไง”
“ไม่จำเป็นต้องอธิบาย” ภวินท์ยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง มองไปที่เขาเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม แล้วถามออกมาทีละคำ “คุณควรจะหวังให้STNล้มไม่เป็นท่าถึงจะถูก”
“แกหมายความว่ายังไง!” วิชัยทั้งซีดทั้งแดง รีบชักสีหน้าใส่เขาทันที
ดวงตาของภวินท์เย็นวาบขึ้น ในขณะเดียวกันพายุเปิดโปรเจคเตอร์ รูปภาพหลายรูปถูกฉายบนจอแล้วเลื่อนไปเรื่อยๆ
ในรูปคือสถานการณ์ที่วิชัยนัดเจอกับใครบางคนที่คาเฟ่ ซึ่งผู้ชายคนนั้นคือศัตรูคู่แข่งของSTN Group บนโต๊ะวางเอกสารสัญญาที่เหมือนกันไว้สองชุด ท่าทางทั้งสองคนทำให้คนคิดไปไกลได้
พอเห็นภาพพวกนี้ ผู้ถือหุ้นคนอื่นก็นั่งไม่ติดเก้าอี้ มองไปทางเขาแล้วถามอย่างบังคับว่า “คุณวิชัย พวกเราทำงานตามที่คุณสั่งตลอด ภาพพวกนั้นมันอะไรกัน”
พอเห็นเขาไม่ตอบอะไร พายุจึงก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วอธิบายด้วยน้ำเสียงราบนิ่งว่า “ลับหลังคุณวิชัยได้ขายหุ้นของตัวเองไปแล้วครับ ที่ยังอยู่ที่นี่เพราะว่าอยากใช้โอกาสนี้ในการซื้อหุ้นของพวกคุณแล้วขายมันต่ออีกครั้งเท่านั้นครับ”
เกิดความโกลาหลขึ้นในห้องประชุม ภวินท์ถึงจะมองไปที่เขาแล้วพูดขึ้นช้าๆ ว่า “น่าเสียดาย คุณสันต์ที่พบคุณวันนั้นขายหุ้นให้ผมต่อ”
พูดจบ พายุก็วางหนังสือโอนหุ้นลงตรงหน้าญาธิดา น้ำเสียงเรียบนิ่งของภวินท์ดังขึ้น
“วันนี้ผมขอโอนหุ้นนี้ให้กับคุณญาธิดา นับตั้งแต่วินาทีนี้เธอถือหุ้นเจ็ดเปอร์เซ็นต์ของบริษัท และเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของSTN Group”
ญาธิดาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วมองเขาด้วยความประหลาดใจ พอเห็นว่าสายตาที่แน่วแน่ของเขามองมาแล้วพยักหน้าเล็กน้อย เธอถึงจะฝืนเซ็นเอกสารโอนหุ้นนั้น
วิชัยหน้าซีด แล้วล้มลงบนเก้าอี้ที่ตัวเองนั่ง รปภ.ที่เพิ่งมาถึงรีบควบคุมตัวเขาออกจากห้องประชุม
หลังจากเรื่องวุ่นวายจบลง อำนาจกลับมาที่ภวินท์อีกครั้ง ผู้ถือหุ้นคนอื่นที่ยังไม่สามารถหาที่พึ่งได้ในทันที ก็ไม่กล้าที่จะหาเรื่องอีก ภายในห้องสงบลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่ข่าวในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของทุกคน ดังนั้นพวกเขาจึงปล่อยมันไปไม่ได้
“คุณภวินท์ครับ แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเราเข้าใจผิด แต่เรื่องโครงการคุณก็ต้องคำอธิบายให้พวกเราสิครับ”
“วิธีที่คุณจงใจมอบอำนาจหุ้นส่วนให้คุณญาธิดานั้นมันเกินไปหน่อย คุณแทบจะไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของพวกเราที่เป็นผู้ถือหุ้นเก่าเลยสักนิด”
“ใช่ ถึงจะไม่ต้องพูดเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนระหว่างพวกคุณ แค่สถานะภรรยาของธีทัตของเธอ พวกเราก็ไม่สามารถที่จะยอมรับได้แล้ว!”
เสียงไม่พอใจดังขึ้นทีละคน บรรยากาศภายในห้องประชุมค่อยๆ ตึงเครียดขึ้นมา สายตาของภวินท์เยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ
ญาธิดามองดูทุกอย่าง แล้วแอบกัดฟันเอาไว้อย่างแน่น
เขาทำเพื่อเธอมาโดยตลอด ปกป้องเธออย่างสุดความสามารถ เธอไม่ควรจะเพิ่มภาระให้เขา
หลังจากที่ตัดสินใจได้ เธอก็ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหันแล้วเผชิญหน้ากับผู้ถือหุ้นทุกคน “เรื่องข่าวลือในครั้งนี้ เป็นหน้าของฉันที่ต้องรับผิดชอบ เกิดความเข้าใจผิดอย่างมาก ขอทุกท่านให้เวลาฉันได้จัดการกับมันนะคะ”
พวกผู้ถือหุ้นไม่คิดว่าเธอจะลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน ดังนั้นจึงไม่มีใครพูดอะไร ดวงตาที่สงสัยหลายคู่จ้องไปที่เธอพร้อมกัน
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ น้ำเสียงหนักแน่น “ในเมื่อฉันเป็นผู้ถือหุ้นของSTN Group ฉันก็จะปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองและบริษัท ฉันจะรับผิดชอบโครงการEAST Residencesจนถึงที่สุด”
พูดจบ บรรยากาศภายในห้องประชุมเงียบกริบ
หลังจากนั้นสักพัก ในที่สุดก็มีผู้ถือหุ้นพูดขึ้นช้าๆ “ในเมื่อคุณญาธิดาพูดแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะรอฟังข่าวดีจากคุณนะครับ แต่ถ้าโครงการEAST Residencesล้มไม่เป็นท่า คุณต้องยอมเอาหุ้นในส่วนของคุณให้พวกเราเป็นการชดใช้”
“ตกลงค่ะ!” ญาธิดาเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยไฟ
หลังจากที่ออกจากห้องประชุม เธอก็นั่งหมดแรงอยู่ที่ทำงานของตัวเอง ราวกับลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม
เมื่อสักครู่เธอไม่อยากให้ภวินท์ตกที่นั่งลำบาก เธอจึงรับปากดูแลEAST Residences โดยไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่ตอนนี้ข่าวถูกแพร่ไปทั่วแบบนี้ เธอแทบจะไม่มีความมั่นใจที่จะคว้าโครงการนี้ได้เลยสักนิด
พายุรีบก้าวเข้ามาในห้องทำงาน แล้ววางเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดลงบนโต๊ะ “คุณผู้หญิงครับ นี่คือเอกสารทั้งหมดที่คุณขอครับ”
พอเห็นท่าทางเขาที่เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ญาธิดาก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เป็นการส่งสัญญาณว่าให้เขาพูดต่อ
“ท่านประธานมีวิธีที่จะจัดการกับผู้ถือหุ้นพวกนั้น คุณไม่จำเป็นต้องรับมือโครงการต่อ เพราะยังไงแล้วแค่หุ้นของคุณ ก็มากพอที่จะอยู่STNอย่างมั่นคงได้แล้วครับ”
เธอส่ายหัวเบาๆ หลังจากที่ฟังจบ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “ต้องทำให้พวกเขาพอใจเท่านั้น ฉันถึงจะอยู่ตรงนี้ได้อย่างมั่นคงจริงๆ ถ้าจะสงบแค่พื้นผิวมันจะไปมีประโยชน์อะไร”
“จริงด้วย” จู่ๆ เธอก็นึกเรื่องของอัญมณีขึ้น “นายกับอันอันเป็นยังไงบ้าง? ทัตคงไม่ได้ทำให้นายลำบากใจใช่ไหม?”
พอพูดถึงเรื่องที่บ้าน พายุก็ยิ้มอย่างขมขื่นทันที “ในฐานะผู้รับผิดชอบของบริษัท คุณธีทัตพยายามกีดกันผมกับอันอันไม่ให้คบกัน แต่ผมกับอันอันเรามีความมุ่งมั่นที่จะคบกันครับ”
พอญาธิดาได้ยินเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากกว่าเดิม