ดวงใจภวินท์ - บทที่726 สถานการณ์หลุดการควบคุม
บทที่726 สถานการณ์หลุดการควบคุม
คณินทุกข์ใจจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ทำได้เพียงออกแรงดึงเอกสารมากกว่าเดิม
ทั้งสองคนต่างไม่มีใครยอมปล่อยมือก่อน กระดาษแผ่นบางทั้งสองแผ่นถูกดึงทึ้งจนเกิดเสียงดัง “แควก” พร้อมกระดาษขาดออกเป็นสองท่อน
อัญรินทร์มองกระดาษครึ่งหนึ่งในมืออย่างนิ่งงัน ในใจพลันลนลานขึ้นมา ตระกูลยุวนะสิงห์ค่อนข้างมีชื่อเสียงและมีตำแหน่งในแวดวงธุรกิจ เธอในฐานะลูกสาวคนเดียวของบ้านเริ่มเรียนธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก จึงเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเอกสารสัญญาฉบับนี้สำคัญมากแค่ไหน
บนหน้าของเธอเต็มไปด้วยความลนลาน สายตามองมายังญาธิดาอย่างเป็นกังวล “พี่ธิดา ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉัน…..”
ใบหน้าที่แต่งแต้มเครื่องสำอางมาอย่างสะสวยกอปรกับสีหน้าอ่อนแอบอบบาง ดูเข้ากันอย่างแปลกประหลาด ถึงขนาดทำให้ญาธิดาเกิดความรู้สึกสบายตาเมื่อได้มอง
เธอเอ่ยปลอบอย่างใจเย็นว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันมีแบบอิเล็กทรอนิกส์สำรองไว้อยู่ ขาดไปแล้วก็ให้มันขาดไปเถอะ”
ยิ่งเธอมีท่าทีแบบนี้ก็ยิ่งทำให้อัญรินทร์รู้สึกผิดมากกว่าเดิม เธอไม่มีความมั่นใจอีกแล้ว ตอนนี้เหลือก็แค่แมวน้อยตัวหนึ่ง ที่เอ่ยพูดอย่างอ่อนแรงว่า “พี่ธิดา ฉันจะช่วยติดเอกสารให้พี่ใหม่”
พูดจบ อัญรินทร์ก็แย่งกระดาษอีกท่อนมาจากมือของคณิน แล้วนำเอกสารที่ฉีกขาดวางลงบนโต๊ะ ค่อยๆนำมาต่อกันอย่างระมัดระวัง
“รบกวนเอากาวกับเทปใสมาให้หน่อย” เธอออกคำสั่งกับคณินเสียงเบา
คณินอยากบอกเธอมาก ว่าต่อให้นำเอกสารฉบับนี้มาติดใหม่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร มากกว่าไปนั้นก็ยังเป็นฉบับที่ไม่มีผลทางกฎหมายเหมือนเดิม
คิดอะไรอยู่สักพัก เขาก็กลืนคำพูดที่กำลังจะพูดออกมาลงไป แล้วพยักหน้าอย่างเงียบๆ ก้าวเท้าเดินได้สองก้าว จู่ๆอัญรินทร์ก็ส่งเสียงร้องเรียกเขาเอาไว้จากทางด้านหลัง “เดี๋ยวก่อน!”
เขาหันกลับไปมองทางต้นเสียง
สายตาของอัญรินทร์จ้องมองตำแหน่งช่องลงนามบนเอกสารแน่นิ่ง เมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันมาเบิกตามองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณเองหรอกเหรอ!”
คณินนิ่งงัน “ทำไม? เพิ่งมาจำผมได้เอาตอนนี้เหรอ?”
“คุณมันสารเลว คิดจะบังคับให้ฉันแต่งงานด้วยไม่เท่าไหร่ นี่ยังกล้ามาลวนลามฉันต่อหน้าคนอื่นอีก” เธอเดินมาอยู่ตรงหน้าเขาอย่างกระฟัดกระเฟียด เขย่งเท้าตะคอกออกมาเสียงแหลม
คณินถลึงตาใส่เธอกลับอย่างไม่เกรงใจ “ใครบังคับคุณแต่งงานไม่ทราบ คุณนั่นแหละยัดเยียดตัวเองให้ผมเอง คุณดูสภาพตัวเองด้วย ไหนกันผู้หญิงอ่อนหวานเรียบร้อย ให้ฟรีๆผมยังต้องคิดแล้วคิดอีก”
“นาย…….”ใบหน้ารูปไข่สะสวยของอัญรินทร์พลันแดงซ่าน สุดท้ายก็ยื่นมือออกไปบิดหูของเขาเอาไว้ “แน่จริงก็พูดอีกรอบสิ”
ภายในห้องมีเสียงโหยหวนอย่างเจ็บปวดของคณินดังขึ้นมา
ญาธิดาปิดประตูห้องลงอย่างเงียบๆ อดที่จะบ่นในใจไม่ได้ว่าโลกใบนี้ช่างพิลึก
ตั้งแต่ออกมาจากบาร์ตอนนี้ก็เป็นเวลาค่อนคืนแล้ว เธอลากสังขารอันเหนื่อยล้ากลับมาที่บ้านพัก หลังจากอาบน้ำล้างหน้าเสร็จหัวถึงหมอนก็หลับจนฟ้าสว่าง
เธอแต่งตัวเต็มยศออกไปจากบ้านพัก แต่ทันใดนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้จึงหันหลัง เดินไปทางห้องรับรอง ช่วงนี้เธอมัวแต่ยุ่งเรื่องของสิงโตและเรื่องที่บริษัท นานแล้วที่ไม่ได้ไปเยี่ยมอันอัน
ภายในห้องรับรองมีแสงสว่างจ้า แต่กลับให้ความรู้สึกเยือกเย็น ห้องรับรองในวันนี้แตกต่างจากในอดีต เงียบเหงาจนดูน่ากลัว
ทันใดนั้นในใจของญาธิดาก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง เธอรีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในห้องของอัญมณี เปิดประตูห้องออกได้ไม่ทันไร ก็ได้กลิ่นคาวเลือดพุ่งตีจมูก
“อันอัน!” เธออุทานร้องอย่างตกใจแล้ววิ่งตรงไปที่ข้างเตียง พร้อมกับแย่งมีดปอกผลไม้ในมือของอัญมณีมา แผลที่เพิ่งสมานกันได้ไม่นานของอัญมณีบัดนี้ถูกคมมีดกรีด จนเลือดสดๆไหลเปื้อนบนที่นอนสีชมพู
อัญมณีมองมาที่เธอด้วยสายตาว่างเปล่า ลังเลอยู่ชั่วครู่ก็พุ่งเข้ามาหา ยื้อแย่งมีดปอกผลไม้ในมือของเธออย่างคลุ้มคลั่ง
ญาธิดาเอาอัญมณีไม่อยู่ เธอจึงรีบกดปุ่มฉุกเฉินบนหัวเตียง จากนั้นก็กำมีดปอกผลไม้ในมือไว้แน่น “อันอัน มองฉัน นี่ธิดาเอง”
“เอามา เอามันมาให้ฉัน!”อัญมณีไม่ฟังที่เธอพูด ดวงตาวาวโรจน์สะท้อนแต่ภาพคมมีด เพื่อแย่งมันมา เธอถึงขั้นยอมหักนิ้วของญาธิดาจนงอแทบไม่เป็นรูป
เหงื่อเม็ดโตไหลตามหน้าผากของญาธิดา เธอกัดริมฝีปากไม่ส่งเสียงร้องออกมา เพราะกลัวว่าจะทำให้อัญมณีตกใจจนคลุ้มคลั่งมากกว่าเดิม
นอกประตูห้องรับรองมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาอย่างรีบเร่ง เหมือนอัญมณีจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงลนลานมากกว่าเดิม ยื่นมือออกไปจะจับคมมีดอันแหลมคม
ดวงตาทั้งสองข้างของญาธิดาหดเกร็ง แทบจะไม่ต้องคิดอะไรให้มากมาย เธอหันเปลี่ยนทิศทางของมีดในทันที
ขณะที่อัญมณีจับได้ด้ามมีด คมมีดก็บาดลงบนฝ่ามือของญาธิดาเป็นแผลลึก เมื่อเห็นเลือดสีแดงฉานบาดตา อัญมณีก็นิ่งสงบลงอย่างไม่คาดคิด
ดวงตาว่างเปล่าของเธอค่อยๆมีจุดโฟกัส จากนั้นก็โยนมีดปอกผลไม้ในมือลงบนพื้น เสียงสั่นเทาเต็มไปด้วยก้อนสะอื้น “ธิดา ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ ขอโทษ ฉันขอโทษ…..”
ญาธิดากอดเธอเอาไว้อย่างนึกสงสาร ขณะนั้นเองป้าจันทร์ก็เข้ามาเคาะประตูขัดจังหวะคนทั้งสอง “คุณผู้หญิง บอดี้การ์ดกับหมอมาถึงแล้วค่ะ ตอนนี้คุณอลิสาก็กำลังมาที่นี่”
“ขอบคุณค่ะ ป้าจันทร์”
ญาธิดาผงกหัวให้ป้าจันทร์เล็กน้อย จากนั้นก็เช็ดน้ำตาบนหน้าให้อัญมณี เอ่ยโน้มน้าวเสียงนุ่มว่า “มันไม่ใช่ความผิดของแก ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวฉันจะให้หมอทำแผลให้โอเคไหม?”
อัญมณีพยักหน้าอย่างอ่อนแรง จากนั้นหมอประจำตระกูลก็เข้าไปจัดการแผลให้เธอทันที
เมื่อเห็นเธอกลับมามีสติ ญาธิดาก็แอบถอนหายใจเบาๆ ยื่นมือไปหยิบยาฆ่าเชื้อกับผ้าก๊อซในกล่องปฐมพยาบาล มานั่งทำแผลเองอยู่อีกด้าน
ไม่รู้ว่าอลิสามาโผล่อยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งยังเอื้อมมือออกไปจับผ้าก๊อซมาทำแผลให้เธอแทน
“เมื่อวานตอนปรึกษาสุขภาพจิตคุณอันอันสงบมาก แถมอาการป่วยก็ยังดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เธอได้ตรวจสอบดูหรือยังว่าทำไมคุณอันอันถึงกลายมาเป็นอย่างนี้ภายในเวลาแค่ชั่วข้ามคืน?”
ญาธิดาบีบหัวคิ้วอย่างปวดหัว แล้วส่ายหน้าช้าๆ “ตอนที่ฉันเข้ามาก็เห็นเลือดเต็มไปหมด ฉันไม่มีกระจิตกระใจไปคิดเรื่องนั้นหรอก”
“ทางที่ดีเธอควรตรวจสอบดูหน่อยนะ บางทีอาจจะมีคนอยากขัดขวางธอไม่ให้เทำการรักษาอันอันก็ได้ การทิ้งระเบิดเวลาไว้ข้างตัวอันอันแบบนี้ มีแต่จะมำให้อาการป่วยรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ”
ระหว่างที่พูด แผลของญาธิดาและอัญมณีก็ถูกจัดการจนเสร็จ จากนั้นในห้องจึงเหลือแค่พวกเธอสามคน
“คุณหมอ รบกวนคุณอีกแล้ว” อัญมณียิ้มออกมาอย่างขมขื่น
อลิสานั่งยองๆลงข้างเตียง จดจ้องมาที่เธอด้วยสายตาอ่อนโยน ตอบกลับเสียงแผ่วเบาว่า “การรักษาคุณให้หายคือความฝันอันยิ่งใหญ่ตั้งแต่ที่ฉันเป็นหมอมา เพราะฉะนั้นคุณช่วยฉันได้ไหม?”
อัญมณีชะงักนิ่ง จากนั้นก็พยักหน้าช้าๆ
“เราเคยตกลงกันว่า ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ใช้เครื่องมือเข้าช่วยเด็ดขาด แม้ว่าวันนี้คุณจะทำผิดข้อตกลง แต่ฉันก็จะไม่โทษคุณ แต่ฉันแค่ไม่เข้าใจ ว่าทำไมจู่ๆคุณถึงได้ทำอย่างนั้น”
“เพราะว่า…..”ดวงตาของอัญมณีไหววูบ มองมาที่เธออย่างขาดความมั่นใจแล้วเงียบลงไปอีกครั้ง
อลิสาแย้มรอยยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร พร้อมกับหัวเราะเบาๆอย่างขี้เล่น เอ่ยอธิบายเสียงนุ่มว่า “เพราะว่าคุณคิดถึงพี่ชายมากๆ คุณเลยอยากรู้ว่าเขาสบายดีใช่หรือเปล่า”
“เขาทำร้ายฉันจนมีสภาพอย่างนี้ ฉันจะไปคิดถึงเขาทำไม”
น้ำเสียงของเธอเฉยชาเป็นอย่างมาก แต่แววตากลับล่อกแล่กไปมาจนถูกอลิสาจับสังเกตได้ อลิสาขยับเข้าไปใกล้อัญมณี “บอกหมอได้ไหม เมื่อวานพวกคุณคุยอะไรกัน?”