ดวงใจภวินท์ - บทที่804 เลือกสิ่งที่ตัวเองต้องการ
สายตาของนิธิศเย็นชาเล็กน้อย พลางรับนามบัตรที่เธอยื่นมา หลังจากที่ปรายตามองก็โยนมันลงด้านข้าง “อย่างคุณจะมาร่วมมือกับผมได้เหรอ?”
รอยยิ้มบนหน้าของนพเก้าร้ายมากขึ้นแทนที่จะลดลง
เธอก้าวเดินช้าๆ มาข้างเขา มือเล็กไต่อยู่บนตัวเขาอย่างซุกซน เธอแสร้งทำน้ำเสียงหงุดหงิด แล้วตอบเสียงหวานว่า “ทำไมทุกคนถึงได้พูดกับฉันด้วยคำพูดแบบนี้คะ ที่ฉันสามารถติดต่อคุณก่อน แสดงให้เห็นว่าฉันก็มีความสามารถระดับหนึ่ง”
“ลองพูดจุดประสงค์ของคุณมา เผื่อผมอาจจะพิจรณาที่จะร่วมมือกับคุณ” นิธิศตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เขาแอบคิดในใจ ขอแค่ได้ญาธิดามา ถึงแม้เขาจะต้องทิ้งต้นกล้า เขาก็เต็มใจที่จะทำ
ขอแค่ได้ตัวธิดามา ไม่ว่าอะไรเขาก็สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้เช่นกัน!
เหมือนว่านพเก้าจะพอใจกับประโยคที่เขาพูดมาเป็นอย่างมาก เธอหยุดมือของเธอลง ก่อนที่จะเก็บสีหน้ารอยยิ้มสดใสเมื่อสักครู่กลับไป
“คุณนิดคะ ฉันชอบการร่วมงานกับคนฉลาด เป้าหมายของฉันไม่ได้ต่างจากคุณมากค่ะ ฉันก็แค่อยากได้ตัวภวินท์ ตราบใดที่เราสองคนร่วมมือกันเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ เราก็จะบรรลุเป้าหมายได้แน่นอนค่ะ”
นิธิศเลิกคิ้ว เริ่มรู้สึกสนใจแผนการของเธอมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ส่งสายตาให้เธอพูดต่อ “ผมสงสัยมากว่าขั้นตอนแรกของแผนคุณคืออะไร”
ความเกลียดชังประกายในดวงตาของนพเก้า เธอกัดฟันแล้วตอบว่า “ก็ต้องเป็นไอ้เด็กนอกคอกสองคนนั้นน่ะสิคะ!”
“คุณเป็นพาร์ทเนอร์ที่ไม่แย่” นิธิศชื่นชมด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ
ทั้งสองมีเป้าหมายที่เหมือนกัน สายตาเต็มไปด้วยความน่ารังเกียจพร้อมที่จะกำจัดทุกอย่างที่ขวางทาง และแน่นอนว่าทั้งสองยินดีที่จะร่วมมือกัน ขั้นตอนแรกก็คือหาวิธีกำจัดโซ่ทองคล้องใจของญาธิดาและภวินท์
“เด็กคนนั้นที่ชื่ออีธานฉลาดมากเลยนะคะ ต้องหาวิธีมาจัดการให้ได้ ไม่อย่างนั้นไม่เร็วก็ช้าเขาต้องเป็นตัวปัญหาใหญ่หลักๆ ของพวกเราแน่ๆ ค่ะ!” นพเก้าพูดเตือนด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
นิธิศไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นถูกต้อง จากนั้นก็กดน้ำเสียงให้ต่ำลงและเตือนว่า “แค่กำจัดเด็กสองคนนั้นไม่พอหรอกมั้ง”
สายตาที่เยือกเย็นฉายขึ้นในตาของนพเก้า น้ำเสียงแฝงไปด้วยความคาดหวังเล็กน้อย “หรือว่าคุณนิดมีวิธีที่ดีกว่านี้คะ?”
“พวกมันยังมีผลประโยชน์ให้ใช้……” น้ำเสียงแหบพร่าของเขาดังขึ้นช้าๆ “ผมจะใช้เด็กสองคนนี้เป็นตัวเร่งให้ธิดาและภวินท์เลิกกัน”
ขณะที่เขาพูด เขาพลางยื่นเอกสารที่เตรียมเอาไว้ให้กับนพเก้า “เพียงแค่คุณทำตามขั้นตอนในนั้น เรื่องหย่าของพวกเขาคงจะเกิดขึ้นในไม่ช้า”
“คุณคิดจะยืมดาบฆ่าคน?” นพเก้ามองเนื้อหาบนเอกสารแล้วสูดหายใจอย่างช่วยอะไรไม่ได้ “ถ้าแผนการไม่สำเร็จ คุณก็จะสามารถถอยออกได้ แต่ดูเหมือนฉันจะขาดทุนนะคะ”
“ถ้าคุณไม่อยากทำ งั้นผมก็จะลงมือเอง” ภายใต้น้ำเสียงที่เยือกเย็นของเขาแฝงไปด้วยการข่มขู่ “จะร่วมมือกับใครก็ต้องแสดงความจริงใจหน่อยสิ ไม่อย่างนั้นผมจะร่วมมือกับคุณเพื่ออะไร?”
“ฉันจะจัดการเรื่องนี้เองค่ะ แต่ไม่รับปากว่าจะสำเร็จนะคะ” นพเก้าที่ได้ยินเช่นนั้นก็กำเอกสารในมือไว้อย่างแน่น “ฉันขอเตือนนะคะว่าอย่าดูถูกไอ้เด็กนอกคอกสองคนนั้นนั่น ครูของพวกเขาไม่ใช่คนปกติทั่วไป ลูกศิษย์ของเขาก็ไม่ใช่เล่นๆ นะคะ”
เพราะคนอย่างozoneไม่เคยรับคคนที่ไม่มีความสามารถเป็นศิษย์อยู่แล้ว
“ก็แค่บททดสอบก่อนเริ่มงาน ไม่สำเร็จแล้วยังไง ผมแค่อยากเห็นความสามารถและความจริงใจของคุณ”
ขณะที่นิธิศพูด ก็ยกมือขึ้นเทเหล้าให้เธอหนึ่งแก้ว เสียงชนแก้วดังขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน “ ขอฉลองให้กับการร่วมงานของเราล่วงหน้า”
เช้าวันรุ่งขึ้นที่อากาศสดใส อุณหภูมิภายในห้องที่ยังไม่จางหายไป แม้แต่อากาศที่ลอยอยู่นั้นก็คลุ้งเต็มไปด้วยกลิ่นของความรัก
ญาธิดาค่อยๆ โผล่หัวออกมาจากใต้ผ้าห่ม ดวงตาสดใสของเธอที่แอบแฝงความระมัดระวัง กวาดตามองไปรอบๆ ห้อง
พอเห็นว่าภายในห้องไม่มีแม้แต่เงาของภวินท์ เธอจึงแอบถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกโล่ง ภายในใจของเธอรู้สึกเหงาอย่างไม่มีสาเหตุ
เธอแอบหงุดหงิดกับการกระทำเมื่อคืนก่อนของตัวเอง และบ่นตัวเองในใจว่าตัวเองนั้นไร้ประโยชน์ รู้ตัวว่าเมาง่าย คอไม่แข็ง ทำไมไม่เคยจะจำใส่กะโหลกนะ!
ป้าจันทร์เคาะประตูห้องได้ทันเวลาพอดี เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและเคารพอยู่หลังประตู “คุณนายคะ คุณผู้ชายโทรเข้ามาในโทรศัพท์บ้านค่ะ สั่งให้ดิฉันมาเตือนให้คุณลงไปทานข้าวให้ตรงเวลาค่ะ”
ใบหน้าที่เขินอายของญาธิดาแสดงความตะลึงออกมาเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้าวเดินไปเปิดประตูห้อง และถามอย่างไม่น่าเชื่อว่า “คุณผู้ชายไปทำงานแล้วเหรอคะ?”
“ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ” ป้าจันทร์ยิ้มอย่างใจดี
เธออดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก แล้วแอบด่าภวินท์ว่าเป็นคนชั่วที่ฟันแล้วทิ้ง
อีธานและเอลล่าทานอาหารเช้าเสร็จตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนนี้ทั้งสองกำลังนั่งทำธุระของตัวเองอยู่บนโซฟาของห้องรับแขก หนึ่งในพวกเขากอดแล็ปท็อปเอาไว้ไม่กะพริบตา ส่วนอีกคนกำลังศึกษาโมเดลอวกาศใหม่ล่าสุดที่ส่งมาจากอเมริกา
ไฟสีแดงกะพริบอยู่บนหน้าจอแล็ปท็อป ตัวหนังสือSOSขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ สีหน้าของอีธานเปลี่ยนไปในทันที มือเล็กๆ ของเขาโลแล่นอยู่บนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว
ตัวหนังสือบนจอเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีฟ้า ท้ายที่สุดหลังจากที่เขย่าสองสามครั้งก็ดับลง
มือเล็กของเขากระแทกแป้นพิมพ์อย่างแรง ญาธิดาที่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรเขาก็หยิบโทรศัพท์จากบนโต๊ะขึ้นมา และพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “ลุงยุครับ รีบสั่งให้คนขับรถมารับผมไปSTN Groupเดี๋ยวนี้ ยิ่งเร็วยิ่งดีครับ!”
ฝั่งปลายสายเกิดเสียงรบกวนขึ้นในช่วงสั้นๆ ซึ่งฟังแล้วก็รู้สึกว่าวุ่นวายเป็นอย่างมาก จากนั้นเสียงของพายุที่ไม่สามารถจับใจความได้ก็ดังขึ้น ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังพูดอะไร และสายก็ถูกตัดไป
โชคดีที่เขาเป็นคนว่องไว เพียงไม่กี่นาทีรถก็มาจอดอยู่นอกตระกูลสถิรานนท์บ้านพัก ญาธิดามองสีหน้าที่เยือกเย็นที่ไม่เข้ากับอายุบนแก้มอันอ่อนโยน
ของเขา จึงไม่ทันได้ถามอะไรมากมาย วางอาหารเช้าในมือลงแล้วขึ้นรถไปพร้อมกับเขา
เพียงไม่นานรถก็ขับมาถึงหน้าประตูSTN Group แม่ลูกทั้งสองเดินตรงดิ่งเข้าไปโดยไม่มีอะไรมาขัดขวาง อีธานเดินไปยังแผนกข้อมูลเครือข่ายเหมือนคนที่คุ้นชินกับทิศทาง ราวกับว่าก่อนหน้านี้เขาเคยมาที่นี่แล้ว
ตอนนี้แผนกข้อมูลเครือข่ายนั้นกำลังยุ่งวุ่นวาย พายุยืนอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งหมดกะพริบอยู่ตลอดเวลา รหัสสีฟ้าเขียวที่มองไม่ชัดขึ้นอยู่บนจออย่างแปลกประหลาด
สีหน้าของพนักงานทั้งแผนกต่างก็วิตกกังวล ราวกับว่าต่างก็หัวร้อนกันมาก
อีธานไม่มีเวลาที่พูดอะไรให้มากความ เขาเดินตรงไปที่ตำแหน่งหอควบคุม ก่อนจะปีนขึ้นไปบนเก้าอี้อย่างลำบากแล้วทำอะไรบางอย่างกับมัน ตามด้วยเหงื่อที่ออกมาเป็นเม็ดๆ บนหน้าผากของเขา ในที่สุดคอมพิวเตอร์ของแผนกข้อมูลเครือข่ายก็เลิกกะพริบ สีหน้าของทุกคนค่อยๆ ผ่อนปรน
ถึงแม้เขาจะเป็นแค่เด็ก แต่เขาก็ทำให้เห็นถึงสิ่งที่ความเป็นผู้นำควรจะมี
บวกกับสิ่งสำคัญที่เขาทำเมื่อสักครู่ ทำให้พนักงานที่อยู่ตรงนั้นนับถือเขาจากใจจริง ในขณะที่เขาสั่งให้ทุกคนจัดการปัญหาในขั้นต่อไปอย่างไม่รีบร้อน กระบวนการทั้งหมดจึงดำเนินไปอย่างมีระเบียบ
ญาธิดามองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างตะลึง เธอใช้เวลาอยู่สักพักกว่าจะเรียกสติกลับมาได้ ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่พายุ“คุณพายุ เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ?”
เหงื่อที่เย็นยะเยือกบนหน้าผากของพายุค่อยๆ แห้ง และตอบด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “ไฟร์วอลล์ของบริษัทถูกแฮ็กด้วยเทคนิคขั้นสูง ฝั่งตรงข้ามต้องการขโมยเอกสารลับอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญมากของSTN Groupครับ”
ญาธิดาได้ยินเช่นนี้สีหน้าก็แย่ลง
แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจปัญหาเฉพาะทางของไฟร์วอลล์ แต่เธอพอจะรู้เรื่องเอกสารลับบ้าง
หากข้อมูลถูกเผยแพร่ออกไป ความเสียหายของSTN Groupคงไม่สามารถที่จะประเมินได้ อีกอย่างถ้าความลับพวกนี้ถูกเผยแพร่ในตลาด ก็จะเร่งให้บริษัทล่มสลายได้เพียงทางเดียว