ดวงใจภวินท์ - บทที่805 ดึงสัญญาณแจ้งตือน
สีหน้าอ่อนเยาว์ของอีธานที่อยู่ตรงหน้าค่อยๆ ผ่อนปรน เขาเดินก้าวไปด้านหน้าแล้วจับพายุเอาไว้ ใบหน้ายังคงรอยยิ้มไร้เดียงสาที่เด็กควรจะมีเอาไว้
“ลุงยุครับ ธุระที่นี่ผมจัดการเรียบร้อยแล้วนะครับ งานที่เหลือคงต้องรบกวนคุณลุงไปจัดการนะครับ”
พยักหน้าพายุหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น และตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สุภาพอย่างเคารพ “คุณหนูไม่ต้องห่วงครับ ผมจะรายงานสถานการณ์ให้กับท่านประธานอีกครั้งครับ”
อีธานส่ายมือ แล้วทำหน้าล้อเลียนใส่เขา “ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับที่จะจัดการผลที่ตามมาของแผนกข้อมูลเครือข่าย ลุงยุอยู่ที่นี่เถอะครับ เดี๋ยวผมไปคุยกับคุณพ่อเอง”
พนักงานของแผนกข้อมูลเครือข่ายฟังการสนทนาระหว่างทั้งสองอย่างประหลาดใจ ทุกคนแสดงสีหน้าที่เหลือเชื่อ เด็กน้อยตรงหน้าที่ช่วยกู้วิกฤตให้พวกเขานั้น คือลูกชายของคุณภวินท์!
อีธานไม่ได้พูดอะไรมากเช่นกัน ก่อนจะจับมือของญาธิดาแล้วยิ้มตาหยีก่อนจะเดินออกจากแผนกข้อมูลเครือข่าย จากนั้นก็เดินเลี้ยวเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัวของประธานบริษัท ตรงดิ่งไปยังห้องทำงานของภวินท์
ในขณะนั้นเองภวินท์กำลังจ้องไปบนจอคอมพิวเตอร์ด้วยสายตาจริงจัง เขาไม่ได้แสดงความประหลาดใจที่ลูกชายมาหาเขาอย่างกะทันหัน แต่เขากลับสงบมาก “ลูกรู้เรื่องบริษัทดีจังนะ”
อีธานเบ้ปากเมื่อได้ยินเช่นนั้น แล้วนั่งลงบนโซฟาอย่างเชื่อฟัง น้ำเสียงอ่อนเยาว์นั้นแฝงไปด้วยความไม่พอใจ “คุณพ่อครับ ถ้าผมไม่รู้เรื่องของบริษัท เรื่องวันนี้คงทำให้คุณพ่อปวดหัวไปสักพักเลยนะครับ”
หน้าจอคอมพิวเตอร์ของภวินท์ยังคงแสดงรหัสระบบป้องกันข้อมูลของแผนกข้อมูลเครือข่าย เขาแตะแป้นพิมพ์สองครั้ง ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ได้เบาะแสอะไรไหม?”
อีธานหันหน้าหนีและแสร้งมองเขาอย่างไม่เข้าใจ พร้อมกับถามอย่างสงสัยว่า “เบาะแสอะไรเหรอครับ? ผมเป็นเด็กนักเรียนที่เพิ่งจะเข้าโรงเรียนนะครับ คุณพ่ออย่ามาคุยเรื่องปัญหาชั้นสูงแบบนี้กับผมเลยครับ”
“การกระทำเมื่อกี้ของลูกที่ชักจูงคนอื่นได้ ตอนนี้กลับมาเป็นเด็กน้อยที่น่ารักไร้เดียงสาต่อหน้าพ่อเนี่ยนะ?” น้ำเสียงที่ไม่แยแสของภวินท์ดังขึ้นช้าๆ “บริษัทบ้านตัวเอง ก็ต้องเป็นคนกันเองสิ”
“ฝั่งตรงข้ามเตรียมตัวมาอย่างดีครับ ผมตั้งรับไม่ทันนิดหน่อย ณ ตอนนี้ยังไม่พบเบาะแสอะไรครับ” ดวงตาของอีธานหมองลงเล็กน้อย ศีรษะอันเล็กๆ ของเขาก้มลง “ความสามารถของผมยังไม่มากพอ”
“ไม่ใช่ความผิดลูก” ภวินท์พูดชมเขาเสียงเบา “วันนี้ลูกเก่งมาก”
ญาธิดาที่ฟังอยู่นั้นเพิ่งจะจับผิดบางอย่างได้ เธอมองไปยังสองพ่อลูกที่หน้าเหมือนกันยังกับแกะ ก่อนจะถามด้วยความสงสัยว่า “เธอเป็นคนทำเรื่องนี้หรือเปล่า……”
คนที่ถนัดเรื่องการใช้เครือข่ายใต้ดินเพื่อแฮ็กข้อมูล อีกอย่างคนที่มีความสามารถในการป้องกันทางอิเล็กทรอนิกสืก็มีไม่มาก นพเก้าที่เพิ่งออกจากองค์การจึงเป็นคนที่น่าสงสัยมากที่สุด
อีธานขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม สีหน้าแบบนี้ดูไม่ค่อยเข้ากับ ใบหน้ากลมๆ ที่น่ารักไร้เดียงสาของเขาในตอนนี้สักเท่าไหร่ แต่วินาทีนี้ไม่มีใครสามารถหัวเราะได้
“คุณป้าคนนั้นมีความฉลาดมากพอที่จะคิดแผนแบบนี้ได้ แต่น่าเสียดายนะครับที่เธอไม่ได้มีความสสามารถมากพอ เพราะเรื่องนี้ไปไกลเกินความสามารถของเธอแล้วครับ แต่เรื่องนี้คงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ”
ระหว่างที่อีธานพูดนั้นสีหน้าที่สับสนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เก็บคำพูดของตัวเองกลับไปแล้วเหลือบมองญาธิดา ก่อนจะอธิบายออกมาอย่างตะกุกตะกัก
“ผมเฝ้าดูไฟร์วอลล์ของSTN Groupอยู่ตลอด ไม่อย่างนั้นผมคงจัดการเรื่องนี้ในเวลาอันสั้นขนาดนี้ไม่ได้หรอกครับ แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับสามารถเจาะไฟร์วอลล์ลึกลงไปทีละชั้นได้แบบนี้ แสดงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนั้นต้องฉลาดมากๆ ครับ”
ญาธิดาได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็แย่ลงกว่าเดิม “ลูกหมายความว่ายังมีฝ่ายอำนาจทางการเมืองที่จ้องSTN Groupอยู่เหรอครับ?”
“ไม่ได้ถูกหมดครับ……” เขาตอบอย่างช้าๆ “คุณแม่เคยคิดไหมครับ คุณป้าคนนั้นอาจจะไปร่วมมือกับศัตรูของบริษัท คนหนึ่งรับหน้าที่หาทรัพยากรและคอนเนคชั่น ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นคนคิดแผนหรือแม้กระทั่งเป็นคนลงมือเอง”
ญาธิดายิ่งฟังเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากเท่านั้น นิ้วของเธองอเข้าหากัน จับกระเป๋าไว้อย่างแน่นตามสัญชาตญาณ “ยังไงก็ต้องหาวิธีป้องกัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่เร็วก็ช้าพวกมันจะได้STN Groupไปโดยไม่ต้องเสียแรงอะไร”
“มันคือธรรมชาติ” แววตาของภวินท์เยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัด เขากดน้ำเสียงให้ต่ำลงแล้วเตือนว่า “นพเก้านั้น ไม่ได้น่ากลัวเลย เพราะฉะนั้นอย่าตีหญ้าให้งูตื่น”
อีธานพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ไม่ต้องห่วงเรื่องไฟร์วอลล์ พ่อจะกลับไปเพิ่มระบบความปลอดภัยของเครือข่ายเอง พวกเขาพลาดครั้งนี้ คงไม่ทำอะไรต่อในเร็วๆ นี้หรอก ต้องซ่อนตัวในสถานการณ์แบบนี้มากกว่า”
พ่อลูกทั้งสองแอบส่งสายตาให้กัน ในสายตาของทั้งคู่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ปลาตัวใหญ่นี้ จะติดเหยื่อในไม่ช้า” ริมฝีปากบางของภวินท์เปิดและปิดเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มด้วยรอยยิ้มที่อันตราย
บรรยากาศภายในห้องทำงานสงบลงในเวลาอันสั้น บรรยากาศมืดมนในห้องยังไม่ทันสลายไป เสียงแจ้งเตือนที่แสบแก้วหูก็ดังออกมาจากคอมพิวเตอร์อีกครั้ง
ญาธิดาลุกขึ้นจากโซฟาในทันที และมองไปยังอีธานอย่างกระวนกระวาย
ใบหน้าของเขาแสดงสีหน้าที่งุนงงอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ “ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของผม เสียงแจ้งเตือนแผนกข้อมูลเครือข่ายไม่ใช่เสียงนี้นะครับ แต่เสียงนี้รู้สึกคุ้นหูจังครับ”
เสียงของเขาหยุดลงอย่างกะทันหัน ราวกับว่านึกอะไรออก น้ำเสียงของเขาเริ่มประหม่ามากขึ้น “ไม่สิ นี่คือเสียงแจ้งเตือนของozoneนิครับ!”
ญาธิดาเบิกตากว้างอย่างตกใจ เธอไม่เคยคิดว่าozoneก็ตั้งเสียงแจ้งเตือนเอาไว้ด้วย ต้องเป็นเรื่องสำคัญขนาดไหนที่ทำให้คนอย่างozoneดึงสัญญาณแจ้งเตือน
เสียงแสบหูยังคงดังอยู่ในห้องทำงานอย่างต่อเนื่อง เสียงสู้กันที่น่าหวาดกลัวดังก้องอยู่ในหู ทำให้รู้สึกหนาวตั้งแต่หัวจรดเท้า
ใบหน้าของภวินท์แสดงท่าทางเคร่งขรึมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นิ้วเรียวยาวของเขากดไปมาอยู่บนแป้นพิมพ์อย่างว่องไว เร็วจนเห็นเพียงเงาสีขาวที่ลอยอยู่บนแป้นพิมพ์ไปมา
จากนั้นเสียงแจ้งเตือนก็ได้ดับลง หน้าจอคอมพิวเตอร์ดับลง เสียงคลื่นวิทยุดังออกมาจากลำโพงเป็นช่วงๆ รวมไปถึงเสียงสู้ที่น่ารำคาญ
ญาธิดาที่กำลังจะก้าวเดินหน้าเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น อีธานที่อ่านความคิดของเธอออก รีบคว้าข้อมือของเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว นิ้วชี้เล็กๆ ของเขาแตะลงกลางริมฝีปาก ทำท่าเป็นการบอกให้เธอเงียบ จากนั้นก็ชี้ไปที่หูของเธอ
เธอเม้มปากไม่ได้พูดอะไร ย่อตัวลงแล้วเข้าใกล้อีธาน ความสงสัยในใจก่อตัวมากขึ้น อีธานเอนตัวแนบหูของเธอเบาๆ
เขาลดเสียงให้เล็กลงแล้วพูดอธิบาย “ผมไม่รู้ว่าคุณพ่อกำลังแฮ็กเครื่องมือสื่อสารใครอยู่ เวลนี้เราอย่าเสียงดังกันจะดีกว่าครับ ไม่งั้นคนของเราอาจจะถูกจับได้ครับ”
เพียงไม่นานเสียงของเขาก็ถูกกลบด้วยเสียงสู้ที่ดังออกมาจากลำโพงอย่างเสียงดัง ญาธิดาเงยหน้ามองหน้ากลมๆ เหมือนซาลาเปาของลูกชายตรงหน้า หัวใจของเธอก็จมดิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ozone ภวินท์ อีธาน พวกเขาเป็นคนใกล้เอื้อมของเธอทั้งนั้น แต่เธอกลับรู้สึกห่างเหินมาก รู้สึกถึงขั้นที่ว่าพวกเธอไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน
พวกเขาเหมือนกับมีเรื่องเกี่ยวข้องกัน มีความลับอะไรกัน เธอไม่เคยรู้เลยสักนิด เหมือนกับเธอใช้ชีวิตอยู่ในกรงนก
พอคิดได้เท่านี้ ในใจของเธอก็รู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ทำให้เธอรู้สึกหนาวจนเข้ากระดูก
ไม่ทันที่เธอได้พูดอะไรต่อ เสียงเคร่งขรึมของภวินท์ก็ดังขึ้น “หลุยส์ รายงานสถานการณ์!”
“ผู้ให้ข้อมูลที่ต่างแดนเปิดเผยแล้ว ช่วงเช้าตอนตีสี่คนที่ozoneถูกจับตัวไป ตอนนี้ยังไม่ทราบตำแหน่งที่ชัดเจนของจรณ์ พวกเรากำลังหาวิธีจู่โจม จบการรายงาน” เสียงของหลุยส์ขาดๆ หายๆ เสียงหอบหนักส่งผ่านไมโครโฟนอย่างดัง