ดวงใจภวินท์ - บทที่807 ไม่มีใครเหมาะไปมากกว่าฉันอีกแล้ว
ญาธิดาที่เห็นว่าเธออารมณ์พลุ่งพล่าน ก็รีบก้าวขึ้นไปเพื่อปลอบใจเธอ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร ก็มีคนเคาะประตูบ้านพักชั่วคราว
ภวินท์ตอบกลับ ฝ่ายตรงข้ามก็เปิดประตูเข้ามา สีหน้ามืดมนอย่างน่าตกใจ “หัวหน้าครับ ด้านหน้าเกิดเรื่องแล้วครับ”
ญาธิดาและอลิสาที่ได้ยินเช่นนั้นก็สีหน้าเปลี่ยนอย่างพร้อมกัน เขารีบหันไปเพื่อบังสายตาของทั้งสองคน ฝั่งตรงข้ามถึงจะพูดต่อว่า “พวกเขาถอดรหัสผ่านห้องใต้ดินของozoneได้แล้วครับ คนด้านในตกเป็นตัวประกันของพวกเขาแล้วครับ”
ห้องใต้ดิน?!
ญาธิดาขมวดคิ้วเข้าหากันในทันที เธอพูดอย่างกังวลว่า “ที่ที่ขังเด็กที่พวกนั้น? !”
ฝั่งตรงข้ามทำหน้าหนักใจแล้วพยักหน้า
ภายในห้องใต้ดินกักขังกลุ่มเด็กน่าสงสารที่ทำผิดเพราะรู้เท่าไม่ถึงการ ได้ยินจากจรณ์ว่าเด็กหลายคนถูกจับเป็นหนูทดลองของ “สินค้า” ตัวใหม่
พวกเขาถูกยาในร่างกายเล่นงานอย่างทรมานทั้งวันทั้งคืนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้ถึงขั้นที่เสียสติไปแล้ว ก่อนที่จะค้นพบวิธีแก้ปัญหา จรณ์จึงทำได้แค่กักขังพวกเขาอยู่ในห้องลับใต้ดินนั้น
ซึ่งมีเพียงยาในร่างกายของเด็กกลุ่มนี้เท่านั้น จึงจะสามารถพัฒนายาวิธีที่จะเลิกมันได้อย่างสิ้นซาก ozoneห้ามสูญเสียเด็กพวกนี้ไปอย่างเด็ดขาด
เด็กกลุ่มนี้เป็นปมในใจของญาธิดามาโดยตลอด และเป็นเหตุผลหลักที่เธอและภวินท์เข้าร่วมองค์กรโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง
“ต้องรีบจัดการเด็กพวกนั้นให้เร็วที่สุด ถ้ายามีปฏิกิริยาเมื่อไหร่ ไม่อยากนึกถึงผลที่ตามมาเลย” เธอหันไปหาภวินท์เพื่อขอความช่วยเหลือ
ภวินท์จับมือเธอแน่นขึ้น ก่อนจะส่งสายตาที่หนักแน่นให้เธอ และรีบเดินออกไปจากบ้านพักชั่วคราว ในขณะเดียวกันน้ำเสียงที่เยือกเย็นก็ดังขึ้น “มีการติดต่อจากด้านในozoneหรือเปล่า?”
ญาธิดาและอลิสาสบตากัน เร่งฝีเท้าแอบเดินตามหลังเขาเงียบๆ
“พวกเขาเสียเปรียบจากพี่หลุยส์ไม่น้อยเลยครับ ตอนนี้พวกเขาขอให้เราส่งทีมแถวหน้าไปเป็นตัวประกันเข้าไปแทนครับ” เสียงของลูกทีมเบาลงเรื่อยๆ
ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่า ไม่มีทางที่จะเอาชีวิตของเพื่อนสนิทตัวเอง ไปแลกเปลี่ยนกับชีวิตของหนูทดลอง
แนวรบที่สองเต็มไปด้วยควันระเบิด ฝุ่นควันต่างเปื้อนตัวและหน้าของหลุยส์ไปหมด พอเห็นภวินท์ปรากฏตัวก็ตัวแข็งทื่อ “ตรงนี้อันตรายมาก แกเข้ามาทำไม รีบถอยออกไป”
ญาธิดาที่อยู่ไม่ไกลมากเห็นภาพตรงหน้าก็ถึงกับตกใจ หัวใจตกไปถึงตาตุ่ม เธอไม่นึกว่า “สนามรบ” ในปัจจุบันนั้นจะน่ากลัวขนาดนี้ เพียงแค่ขยับนิดเดียวก็รู้สึกสั่นไปทั้งตัว
ภวินท์แจ้งเบาะแสล่าสุดให้กับหลุยส์
บรรยากาศในอากาศค่อยๆ เย็นลง หลุยส์อดไม่ได้ที่จะปล่อยกำปั้นลงบนเครื่องควบคุมด้านล่างตัวเขา ก่อนจะพ่นด่าคำหยาบออกมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ก็แค่ตัวประกันไม่ใช่หรือไง ฉันไปเอง!”
“หัวหน้า……” ทีมป้องกันแถวหน้าได้ยินก็รีบกรูเข้ามาทันที ต่างคนต่างพูดว่า “คุณไปไม่ได้ ถ้าคุณไปใครจะปกป้องตำแหน่งแถวหน้า”
“พวกมันต้องการตัวประกันไม่ใช่หรือไง? ฉันไปเอง!”
“ตรงนี้ไม่มีพวกผมได้ แต่ไม่มีคุณไม่ได้นะครับ”
หลุยส์มองสายตาแต่คู่ที่มองมาทางเขาอย่างแน่วแน่ เขาเกร็งลำคอเล็กน้อย ก่อนจะตะโกนออกมาอย่างเสียงดัง “ความสามารถไม่ได้เรื่องอย่างพวกแกเนี่ยนะ จะเข้าไปตายฟรีหรือไง? !”
“แกติดต่อกับพวกต่างแดนมาโดยตลอด พวกมันเกลียดแกเข้ากระดูก ถ้าแกเข้าไปหาพวกมันถึงที่ พวกมันไม่ปล่อยแกออกมาง่ายๆ แน่ ดีไม่ดีพวกมันจะเอาทุกอย่างที่มีมาสู้กับแก”
ภวินท์พูดไปด้วย พลางเดินขึ้นหน้าช้าๆ แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “แกเข้าไปก็ตายฟรีไม่ใช่หรือไง?”
“ห้ามทิ้งคนที่อยู่ห้องใต้ดินเด็ดขาด อีกอย่างต้องรีบหาที่ใหม่ให้พวกเขา เวลาไม่รอคน ตอนนี้ยังไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้” หลุยส์ตอบด้วยสีหน้าที่มืดมน
ภวินท์ส่งสายตาเยือกเย็น แล้วพูดออกมาคำต่อคำ “ฉันอยากเห็นว่าคนแบบไหนที่สามารถทำลายระบบป้องกันของozoneได้”
นำเสียงของเขาดูสงบลงเล็กน้อย ราวกับไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก มีเพียงหลุยส์ที่รู้แก่ใจ ว่าครั้งนี้ภวินท์จริงจังมากกว่าครั้งไหนๆ
เขาจับไหล่ของภวินท์เอาไว้ แล้วส่ายหัวช้าๆ “วิน แกไม่เคยเข้าร่วมแผนของพวกต่างแดน และแกก็ไม่รู้ว่าพวกมันทำอะไรได้บ้าง ถ้าแกไปโดยไม่คิดให้ดีก็เหมือนเอาชีวิตไปเดิมพัน”
“ฉันไป!!!” เสียงใสๆ ดังออกมาจากด้านนอก
ตามด้วยญาธิดาและอลิสาที่เปิดซิปจากมุมหนึ่งของเต็นท์ออก แล้วเดินเข้ามาหาพวกเขา “ทุกคนต่างก็มีตำแหน่งงานของตัวเอง ให้คนว่างอย่างฉันไปเถอะ”
บรรยากาศภายในเต็นท์เงียบลง เหลือเพียงเสียงสู้กันด้านนอกที่ทุกคนได้ยิน
สายตาที่คมดั่งมีดของภวินท์ผ่านตัวเธอไป
รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอค่อยๆ คลี่ออก ในที่สุดหลุยส์ก็ได้สติ เดินไปหาพวกเธอสองก้าวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุว่า “ใครอนุญาตให้พวกคุณมาที่นี่ครับ ตรงนี้ไม่ใช่ที่ที่คุณควรมา รีบลงเขาไปครับ!”
ใบหน้าที่พิถีพิถันของอลิสาเย่อหยิ่งเหมือนเคย เธอจ้องมองไปที่คอของเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ราวกับต่อปากต่อคำ “ตอนนี้ชายหญิงเท่าเทียมกันแล้ว แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาอยู่ตรงนี้ ส่วนพวกเราต้องลงเขาไป”
“คุณ……” ดวงตาของหลุยส์หดลง ก่อนจะกลืนคำพูดที่ยังไม่ทันได้พูดลงคอไป แล้วเหลือบมองไปยังภวินท์ “แกทนให้พวกเธอเข้ามายุ่งแบบนี้ได้เหรอ? พูดอะไรหน่อยสิ!”
“ส่งคุณธิดาและคุณหมอกลับไป” หลังจากที่ภวินท์พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ก็หันกลับมาศึกษาเรื่องต่างๆ กับหลุยส์ต่อ ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจพวกเธอทั้งสองคน
คิ้วสีเข็มของญาธิดาขมวดเข้าหากัน แล้วขวางการกระทำของภวินท์ “คุณทำบ้าอะไรเนี่ย? ขนาดนี้แล้ว คุณยังไม่แยกแยะเรื่องงานกับอารมณ์อีก”
“ใครกำลังบ้ากันแน่” น้ำเสียงของเขาเย็นชามากขึ้น ปฏิเสธกลับอย่างไม่เกรงใจ “อย่ามาสร้างปัญหาที่นี่”
ญาธิดาที่กังวลใจ บีบมือของเขาเอาไว้ น้ำเสียงของเธออ่อนลง
“ฉันไปคือทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้ ในบัญชีรายชื่อของozoneตรวจไม่เจอชื่อฉัน อีกอย่างฉันเป็นคนแปลกหน้า แล้วยังเคยฝึกอย่างมืออาชีพ ลดการระวังตัวของพวกมันได้เยอะพอสมควร ไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่าฉันแล้ว”
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบอย่างไม่ได้นัดหมาย ยากที่จะปฏิเสธว่าสิ่งที่ญาธิดาพูดนั้นมีเหตุผล แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะผลักผู้หญิงไปแถวหน้าได้
ไม่รอให้ภวินท์ได้ตอบกลับ เธอก็ได้แย่งอาวุธป้องกันตัวมาจากเข็มขัดของหลุยส์แล้วใส่ไว้ในระหว่างขาของตัวเอง แล้วคลำหาอุปกรณ์สื่อสารขนาดเล็กชุดหนึ่งจากด้านข้างติดตัว
“ตกลงตามนี้ ทุกคนประจำตำแหน่งของตัวเองเอาไว้ คอยตอบรับฉันด้วยนะคะ ฉันเชื่อว่าทุกคนจะไม่ทำให้ฉันตกอยู่ในอันตราย และฉันขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในตัวฉันด้วยนะคะ”
ภวินท์คว้ามือของเอาไว้อย่างไม่ได้ตั้งตัว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ “ญาธิดา คุณกล้า!”
ญาธิดามองเขาด้วยสายตาที่แน่วแน่ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ “ชีวิตคนตั้งกี่คนที่อยู่ในกำมือของพวกคุณ คุณต้องแยกแยะความรู้สึกกับงานสิ พวกเขาก็คนที่รักและรออยู่ ก็ต้องเผชิญกับความตายเหมือนกัน พวกเราก็เช่นกัน”
หลังจากที่พูดจบเธอก็ดึงมือของภวินท์ออก อลิสาที่อยู่ด้านข้างเตรียมพร้อมที่จะไปลุยกับเธอเรียบร้อย
หลุยส์ขวางอยู่หน้าประตูเต็นท์ เขาแสดงสีหน้าประหม่าอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน “วิน! นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แกต้องคิดให้ดี!”
ภวินท์กำมือแน่นก่อนจะค่อยๆ คลายออก ลูกกระเดือกของเขาขยับเล็กน้อยและออกคำสั่งอย่างเคร่งขรึม “ปล่อยพวกเธอไปเถอะ”