ดวงใจภวินท์ - บทที่92 ศัตรูคนเดียวกัน
ญาธิดารีบเบือนหน้าหนี หลบสายตาของเขาอย่างใจสั่น
หรือว่าเขาจะรู้ว่าเธอแอบมองเขาอยู่?
เธอกัดริมฝีปาก บังคับให้ตัวเองตั้งสติ และจดบันทึกการประชุมอย่างมีสมาธิ
ภวินท์เห็นสีหน้าที่รีบร้อนของหญิงสาว สุดท้ายสายตาก็มองไปที่ใบหูที่แดงก่ำของเธอ เขาก็แสยะยิ้มออกมา
ในที่สุด การประชุมก็จบลงอย่างราบรื่น ทั้งสองฝ่ายต่างก็พึงพอใจมาก การประชุมจบลงก็ถึงเวลาอาหารพอดี ตัวแทนทั้งสองฝ่ายก็ต้องกินข้าวด้วยกันอยู่แล้ว
ทุกคนออกไปกันหมดแล้ว ญาธิดาก็เดินออกจากห้องประชุมพร้อมพวกเลขา เธอเห็นทุกคนออกไปไกลแล้ว ก็แอบโล่งใจ
เมื่อกี้ในห้องประชุมอันตรายจริงๆ แต่โชคดีที่ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น
เดินไปไม่กี่ก้าว ญาธิดาก็เห็นพิชญ์สินีที่เดินอยู่ข้างหน้าไม่ไกลมาก ทันใดนั้นก็นึกถึงเรื่องเมื่อกี้ที่เธอสะดุดล้มในห้องประชุม
ตอนนั้นแม้เธอจะรีบร้อนมาก ไม่ทันได้สังเกตเท้าตัวเอง แต่หลังจากที่เธอลุกขึ้นเก็บเอกสารก็ถึงเห็นว่าตรงพื้นไม่มีของอะไรกั้นไว้เลย และเธอยังจำได้ดีเลยว่าตอนนั้นเธอถือเอกสารเดินเข้ามา พิชญ์สินีก็ยืนอยู่ด้านหลังเธอพอดี
ถ้าตอนนั้น พิชญ์สินีใช้โอกาสที่ทุกคนยังไม่ได้ประจำที่นั่ง แล้วแอบขัดขาเธอ ความเป็นไปได้นี้ก็สูงอยู่เหมือนกัน
เพราะยังไงตอนนั้นด้านข้างเธอก็มีแค่หล่อนอยู่คนเดียว
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเรียกเธอไว้ “คุณพิช รอเดี๋ยวค่ะ”
พิชญ์สินีได้ยินแล้วก็หยุดเดินแล้วหันหน้ากลับไปมองด้วยแววตาเย็นชา “ว่าไง?”
ญาธิดาเดินเข้าไปด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า “ถ้าฉันจำไม่ผิดล่ะก็ เมื่อกี้ตอนที่ฉันล้ม เธอก็อยู่ข้างฉันนะ……”
เธอยังพูดไม่ทันจบ พิชญ์สินีก็พูดแทรกเธอทันทีว่า “เธอคิดว่าฉันขัดขาเธองั้นเหรอ? คุณญาธิดา อย่ากล่าวหากันแบบนี้สิ”
ได้ยินเธอพูดแบบนี้ สีหน้าของญาธิดาก็เย็นชาลงไปอีก “ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย ฉันแค่อยากถามว่าเมื่อกี้ทำไมเธอไม่ช่วยพยุงฉันหน่อย ไม่คิดว่าเธอจะพูดแบบนี้ หรือเธอขัดขาฉันจริงๆ?”
พอพูดแบบนี้ออกไป สีหน้าของพิชญ์สินีก็ซีดเซียวลง แล้วพูดว่า “เธออย่ามาพูดใส่ร้ายฉันนะ!”
ญาธิดาก็ตอบกลับทีละคำว่า “ฉันพูดใส่ร้ายหรือเปล่า คุณพิชน่าจะรู้ดีแก่ใจนะ ครั้งนี้ฉันจะปล่อยผ่านไป ครั้งหน้าถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ฉันจะไม่ยอมอยู่เฉยแน่”
ก่อนหน้านี้เธออดทนอดกลั้นมาตลอด มักจะคิดว่าอย่าสร้างเรื่องเลย แต่ตอนนี้ดูแล้ว บางทีความอ่อนแอไม่สามารถแลกความเห็นอกเห็นใจได้ อีกฝ่ายยังจะได้คืบเอาศอกอีก ใจที่ไม่แน่ใจและลังเลของเธอ ก็ถึงเด็ดเดี่ยวขึ้นมา
ไม่รอพิชญ์สินีพูด ญาธิดาก็ก้าวไปข้างหน้าทันที
มองดูแผ่นหลังที่จากไปของเธอ แววตาที่เย็นชาของพิชญ์สินีก็เห็นได้ชัดมากขึ้น
เมื่อกี้เธอขัดขาญาธิดาจริง เธออยากให้ญาธิดาขายหน้าต่อหน้าทุกคน แต่ไม่คิดว่า พักผ่อนไปไม่กี่วัน ญาธิดากลับเก่งขึ้นและใจกล้าขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก!
ก่อนหน้านี้เธออดทนอดกลั้นมาตลอด มักจะคิดว่าอย่าสร้างเรื่องเลย แต่ตอนนี้ดูแล้ว บางทีความอ่อนแอไม่สามารถแลกความเห็นอกเห็นใจได้ อีกฝ่ายยังจะได้คืบเอาศอกอีก ใจที่ไม่แน่ใจและลังเลของเธอ ก็ถึงเด็ดเดี่ยวขึ้นมา
พิชญ์สินียิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ก่อนหน้านั้นเธอไม่เคยเอาญาธิดามาเป็นคู่แข่งเลย แต่ตอนนี้ คงเป็นเธอที่ชะล่าใจเอง!
ทันใดนั้น ข้างๆก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น “คุณพิช ไม่คิดว่าคุณจะวันพ่ายแพ้กับเขาด้วย”
พิชญ์สินีหันไป ก็เห็นข้างๆมีนีราภาเดินมา สีหน้าก็เยือกเย็นลง “คุณภาก็ไม่ได้ดีไปถึงไหนหรอกค่ะ”
เรื่องโกรธแค้นของนีราภากับญาธิดา เธอก็เคยได้ยินมาบ้าง
ได้ยินเธอพูดแบบนี้ นีราภาก็ไม่โกรธอะไร แต่กลับหัวเราะออกมา “คุณพิช คุณเคยได้ยินคำนี้มาก่อนไหม คนที่มีศัตรูคนเดียวกันก็คือเพื่อนกัน คุณว่า ตอนนี้พวกเรานับว่าเป็นเพื่อนกันไหม?”
เพราะญาธิดา เธอถึงถูกลงโทษเยอะมาก บัญชีนี้ เธอจะชำระแค้นให้ได้ ในเมื่อมีคนช่วย เธอก็จะมีโอกาสชนะมากขึ้น
สีหน้าของพิชญ์สินีเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอมองไปที่นีราภา สักพักใหญ่ก็ถึงพูดขึ้นช้าๆว่า “ก็ต้องนับสิ”
กลับไปถึงแผนกบริการ ญาธิดารู้สึกคอแห้งมาก เธอกลับไปที่ห้องทำงาน เห็นครีมและสเปรย์สำหรับรอยฟกช้ำวางอยู่บนโต๊ะ เธอก็อึ้งไปหลายวินาที
ใครเอาของพวกนี้มาไว้ตรงนี้กันนะ? ตอนเช้าเธอยังไม่เห็นเลยนี่
ญาธิดาห้มหน้ามองดูเข่าที่บวมแดงของตัวเอง ในใจก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่
ทันใดนั้น ในสมองก็มีภาพใบหน้าอันเย็นชาของชายหนุ่มขึ้นมา
หรือว่าจะเป็นภวินท์?
จะเป็นไปได้เหรอ? เขาจะเป็นห่วงเธองั้นเหรอ?
ญาธิดาส่ายหัว ไม่อยากคิดเรื่องนี้อีก ใครจะส่งมาให้แล้วยังไง ตอนนี้เธออยากดื่มน้ำมากจริงๆ
เดินไปกดน้ำอุ่นที่ห้องน้ำชา เธอดื่มน้ำแก้วใหญ่หมดรวดเดียว
ชมพู่เห็นเธออยู่ที่ห้องน้ำชา ก็รีบหยิบแก้วตามมาด้วย
“ธิดา ได้ยินว่าเธอไปต้อนรับแขกด้วยเหรอ?”
ญาธิดาพยักหน้า พูดเสียงเบาว่า “อืม ก็แค่จัดของพวกนี้เอง เหนื่อยเหมือนกันนะ”
ชมพู่กะพริบตา แล้วถามว่า “เหรอ? ฉันอยากรู้ว่าตัวแทนจากฝรั่งเศสหล่อไหม?เทียบกับคุณภวินท์ของพวกเราได้หรือเปล่า?”
ญาธิดาอดไม่ได้หัวเราะออกมา “ถ้าเธออยากเห็นตอนนี้ก็วิ่งไปดูที่หน้าประตูได้นะ ไม่แน่อาจจะได้เจอก็ได้”
“ช่างเถอะๆ! ฉันขี้เกียจไป” ชมพู่เบะปาก ทันใดนั้นก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาแล้วพูดว่า “ใช่สิ เมื่อกี้ฉันเห็นคุณพายุผู้ช่วยของคุณภวินท์มาที่นี่ แถมยังไปที่ห้องทำงานเธอด้วยนะ แต่ไม่นานก็ออกไปแล้วล่ะ”
พายุ? เขามาทำอะไร?
ลังเลสักพัก ญาธิดาก็นึกถึงยาที่วางอยู่บนโต๊ะ ทันใดนั้นก็รู้ทุกอย่างทันที
หรือว่าจะเป็นคำสั่งของภวินท์?
แต่ทำไมเขาถึงเป็นห่วงเธอขึ้นมากะทันหันล่ะ?
ไม่รอญาธิดาได้คิดอย่างถี่ถ้วน ชมพู่ก็เห็นพิชญ์สินีกลับมาแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “ไม่พูดแล้วล่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะโดนพี่พิชด่าเอา”
ว่าแล้ว เธอก็รีบวิ่งกลับไปที่นั่งทำงานของตัวเอง
ญาธิดากวาดตามองพิชญ์สินี แล้วถือแก้วตัวเองกลับไปที่ห้องทำงาน
เพิ่งนั่งลงได้ไม่นาน เบาะที่นั่งยังไม่ทันอุ่น โทรศัพท์ก็มีเสียงข้อความเข้า
เธอเลื่อนดู ก็เห็นธีทัตส่งข้อความมา
“มาทำธุระในเมืองพอดี ใกล้กับบริษัทคุณมาก ว่างมากินข้าวด้วยกันไหมครับ?”
เมื่อวานเธอกับธีทัตเจอกันแล้ว ทั้งสองก็แลกเบอร์ติดต่อและเพิ่มไลน์กัน พอเธอกลับมาถึงบ้านก็ได้รับข้อความถามไถ่ของเขา กลางคืนก็บอกฝันดี ตอนเช้าก็บอกเธออย่าลืมกินข้าวเช้า ข้อความไม่เยอะ แต่ก็พอดิบพอดี ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นห่วง
ญาธิดาดูเวลา อีกห้านาทีก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว เธอลังเลสักพัก ก็ตอบตกลง แล้วส่งข้อความหาธีทัตทันที
“ได้ค่ะ”
อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาทันที “ครับ งั้นเดี๋ยวผมรอคุณอยู่ล่างบริษัทนะครับ แล้วเดี๋ยวเจอกันครับ”
เขามารอที่ข้างล่างแล้วเหรอ?
ญาธิดาตะลึง เธอรีบเก็บข้าวของ ถึงเวลาเลิกงาน ก็รีบลงลิฟต์ทันที
เธอเพิ่งรู้จักกับธีทัต ถ้ามีเพื่อนร่วมงานเห็นเข้าคงได้เอาไปพูดกันแน่ เธอรีบลงไปเพื่อหลีกเลี่ยงทุกคนดีกว่า
ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่ง เธอรีบวิ่งออกไปที่ห้องโถง ออกจากประตู ก็เห็นชายหนุ่มตัวสูงโปร่งยืนอยู่ไม่ไกลมาก
ธีทัตเห็นเธอแล้วก็กระตุกยิ้ม กวักมือเรียกเธอด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นใจ
ญาธิดายิ้มตอบเขาแล้วก้าวเดินไปข้างหน้า
อีกด้าน ภายในรถไมบัคสีดำ ภวินท์กำลังเลื่อนไอแพดอยู่
เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ส่งยาไปหรือยัง?”
“ส่งไปแล้วครับ”
“อืม งั้นกลับกันเถอะ” ว่าแล้ว เขาก็วางไอแพดลง เงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว ในตอนที่สายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ทันใดนั้น สายตาก็ต้องหยุดลงและมืดมนลงทันที
ญาธิดา อยู่กับผู้ชายคนอื่นงั้นเหรอ!