ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 118
ตอนที่ 118 หมอกขาว
ร่างนั้นเข้ามาขัดขวางการโจมตีของชายหนุ่มไว้
“ไอ้เด็กบัดซบ แกเอง!” ใบหน้าชายหนุ่มกระตุกพร้อมพลังวิญญาณที่หยุดนิ่ง
อีกด้านหนึ่งซ่างกวนหลิวหยุนที่เห็นร่างของบุรุษตรงหน้าก็อุทานขึ้น “หลินเซวียน!”
ร่างที่เข้ามาช่วยเขาไว้คือหลินเซวียน เขาเดินไปด้านข้างซ่างกวนหลิวหยุนพร้อมมอบยาฟื้นพลังให้
“เป็นถึงขั้นสมุทรวิญญาณ แต่กลับแอบลอบทําร้ายผู้ที่อยู่ขั้นต่ํากว่า หากข้าเป็นเจ้าคงเชือดคอตัวล้างอายไปแล้ว!” หลินเซวียนเย้ยหยันชายหนุ่ม
ซ่างกวนหลิวหยุนรู้สึกกังวลขึ้นมา คํายั่วยุของหลินเซวียนยิ่งจะทําให้สถานการณ์อันตรายกว่าเดิม
“ไอ้หนู ข้าไว้ชีวิตเจ้าครั้งก่อน ครั้งนี้ข้าจะส่งเจ้าไปพบกับยมบาล!” ชายหนุ่มโกรธอย่างมากโดยเฉพาะเมื่อนึกถึงตอนถูกหลินเซวียนข่มขู่ เขารู้สึกราวกับจะเป็นบ้า
“มดแค่สองตัว ข้าสามารถบี้พวกเจ้าได้อย่างง่ายดาย!” พลังวิญญาณของชายหนุ่มเปล่งแสงขึ้นที่ฝ่ามือ
” หลินเซวียน หากพวกเราร่วมมือกัน บางทีอาจจะมีโอกาสชนะ” ซ่างกวนหลิวหยุนเผยท่าทีเคร่งขรึม เขาคิดจะโจมตีด้วยกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด หากไม่พอ เช่นนั้นก็จะหนี
หลินเซวียนยิ้มมุมปาก เขาวางมือบนไหล่ซ่างกวนหลิวหยุนพร้อมกล่าวเบา ๆ ไม่ต้องห่วง ดูข้าให้ดี!”
จากนั้นเขาเดินออกไปคนเดียว
“สวะอย่างเจ้าคงทําได้แค่กลั่นแกล้งผู้ที่อ่อนแอกว่า จงตายไปจะดีที่สุด” หลินเซวียนไม่เคยชอบคนแบบนี้
“บ้าไปแล้ว หลินเซวียนต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ !” หัวของซ่างกวนหลิวหยุนสับสนเล็กน้อยเมื่อเห็น “หลินเซวียนกล้าตะคอกกลับ!”
แน่นอนว่าชายหนุ่มโกรธจัดขึ้นมาทันที เขารีบใช้ฝ่ามือที่เปล่งแสงกวาดไปทั่วทิศทาง
“ ตายซะ!”
ฝ่ามือสีเงินยิ่งใหญ่ดั่งภูเขาได้พุ่งออกมา มันทําให้อากาศหายใจรอบด้านหายไป
“ฮึ่ม!”
หลินเซวียนยกปลอกแขนทองแดงออกมาและโคจรพลังเข้าไป ครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด แต่แบ่งพลังส่วนหนึ่งไว้ป้องกันแขนตนเองด้วย
จากนั้นไม่นานคลื่นพลังอันน่าสะพรึงได้พุ่งออกจากแขนซ้าย
ฮึม!
มิติรอบด้านสั่นสะเทือน ประกายแสงสีฟ้าพุ่งออกมาจากแขนของเขาขึ้นไปบนฟ้าราวกับดวงอาทิตย์
ใบหน้าซ่างกวนหลิวหยุนถึงกับซีดลง เมื่อเผชิญหน้ากับพลังระดับนี้ เขาคงทําได้แค่หนีเท่านั้น แต่ดวงตาเขาก็ยังจ้องไปยังหลินเซวียน
อีกด้านหนึ่ง ชายหนุ่มผู้นั้นตกใจมากกว่า ดวงตาของเต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ
” พลังนี้ เป็นไปไม่ได้!”
ขณะเผชิญหน้ากับพลังหลินเซวียน เขาคิดจะหนีทันที แต่การกระทําของเขาช้ากว่าการโจมตีตรงหน้า
เส้นพลังได้พุ่งออกไปราวกับพายุสายฟ้า
ตู้ม!
ฝ่ามือสีเงินที่พุ่งออกมากลายเป็นแสงแตกละเอียดไปในอากาศ หลังจากปะทะกับฝ่ามือสีเงินแล้ว เส้นพลังยังไม่ช้าลงและพุ่งไปทางชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
“อ๊าก!”
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นต่อเนื่องก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวน ป่าครึ่งหนึ่งตรงหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยแสงสีฟ้าเผาไหม้กระจัดกระจาย
เมื่อทุกอย่างสงบลง ซ่างกวนหลิวหยุนหันไปมองอย่างผวา
ป่าตรงหน้าเขากําลังพังพินาศ ทุกที่ที่เส้นพลังสีฟ้าผ่าน มันจะทําลายต้นไม้ใบหญ้าจนหมดสิ้นร่างของชายหนุ่มเองก็กลายเป็นผงฝุ่นสลายไปในอากาศเช่นกัน
ซ่างกวนหลิวหยุนมีนงงขณะที่ร่างกายสั่นเทา
“นั่นคืออะไร?” ในที่สุดเขาก็เอ่ยถาม
“สมบัติที่ข้าได้มาจากในถ้ํา” หลินเซวียนยักไหล่ตอบและบอกไปตรง ๆ เพราะเขายังมีไพ่ตายอื่นอีก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของซ่างกวนหลิวหยุนจึงผ่อนคลายลง จากนั้นเขาเดินไปเก็บดอกไม้รูปหัวใจ
“ข้าติดหนี้ชีวิตเจ้า ไว้ข้าจะตอบแทนให้ภายหลัง!” ซ่างกวนหลิวหยุนกล่าวขอบคุณ
“ไปกันเถอะ” หลินเซวียนหัวเราะ เขาไม่ได้ต้องการเป็นหนี้บุญคุณใคร แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
พวกเขาเดินเข้าไปในป่าทมิฬ
ระหว่างที่อยู่ในป่า ศิษย์ส่วนใหญ่จะตั้งค่ายกันอยู่รอบ ๆ ป่าโลหิตส่วนลึก ส่วนบรรดาศิษย์ที่เก่งกว่าจะนั้นใกล้จะถึงพระราชวังโลหิตแล้ว
ท่ามกลางสนามรบโลหิตนี้ มันมีพระราชวังตั้งตระหง่านอยู่กลางอากาศ จากระยะที่พวกเขาอยู่มันสามารถเห็นได้ว่าพระราชวังนั้นใหญ่ราวกับภูเขาหนึ่งลูก
ด้านล่างพระราชวัง มู่หรงเฉียนหลิง เจิ้งจวิ๋น หว่านเจี้ยนซิง เซียชางเฟิง อ้วนเฟย และคนอื่น ๆ กําลังนั่งพักฟื้นรอเข้าไปด้านใน
“ดูเหมือนพระราชวังโลหิตยังไม่เปิด พวกเราจะมารอแบบนี้เฉย ๆ ไม่ได้” เซียชางเฟิงกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว
“ทําไมพวกเราไม่ร่วมมือกันทําลายเขตอาคมแล้วบุกเข้าไปเลยล่ะ!” เจิ้นจวิ๋นกล่าวอย่างเย็นเยือก เขากําลังมองพระราชวังตรงด้วยแววตาที่ลุกเป็นไฟ
“รอก่อน อย่างน้อยก็รอให้ศิษย์ของสํานักหลักทั้งสามมากันก่อน” เสียงมู่หรงเฉียนหลิงดังขึ้น ” ข้าไม่ทราบว่าทําไมคนของสํานักเมฆาม่วงยังไม่มา?”
ผู้คนเริ่มพูดคุยกันขณะรอ…
ในถ้ํามืด ค้างคาวจํานวนนับไม่ถ้วนกําลังต่อสู้กับศิษย์สํานักเมฆาม่วง ในหมู่พวกเขา เทพธิดา จื่อเซียกําลังร่ายรําสู้กับพวกค้างคาวที่มาจากทุกทิศทาง พวกมันเข้าปกคลุมนางมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเสียหลักล้มลง จากนั้นได้ตามมาด้วยเสียงกรีดร้อง
อีกด้านหนึ่ง สตรีที่มีรูปลักษณ์ไม่โดดเด่นกําลังถูกปกคลุมด้วยชั้นแสง นางถือดอกไม้ไว้ในมือด้วยการสั่นเพียงเล็กน้อย กลีบดอกไม้ได้ตกลงมาอย่างต่อเนื่องและฆ่าค้างคาวทั้งหมดทันที
เพียงไม่นานรอบด้านก็สงบลง พื้นถ้ําเต็มไปด้วยศพค้างคาว กลุ่มของพวกนางยังไม่หยุดและเดินเข้าไปลึกอีก
ไม่นานหลังจากพวกนางตรงเข้าไปในถ้ํา กลุ่มของชายหนุ่มที่มีร่างกายสีดําและดวงตาสีแดงได้เดินเข้ามา เมื่อเห็นศพค้างคาวบนพื้น พวกเขาก็หัวเราะกัน
“ดูเหมือนจะมีคนมายังถ้ําค้างคาว ข้าไม่รู้ว่าพวกมันมาเพราะตั้งใจหรือเปล่า?”
“ไม่ว่ายังไงพวกเราต้องหาพวกเขาและฆ่าทิ้งซะ ไม่มีใครหยุดเราได้!” หนึ่งในพวกเขาเอ่ยขึ้น “มากลั่นซากค้างคาวเหล่านี้ก่อน มันเป็นยาชูกําลังที่ดี!”
หมอกสีดําจากตัวพวกเขาได้ไหลออกมาและเข้าปกคลุมกองศพค้างคาวตรงหน้า
หลินเซวียนและซ่างกวนหลิวหยุนเดินเข้าป่ามาด้วยกัน สภาพแวดล้อมโดยรอบมี การเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เวลานี้พวกเขาถูกหมอกขาวปกคลุมอยู่จนไม่เห็นทางเดิน
หลินเซวียนใช้นัยน์ตาสีม่วงระดับหนึ่งส่องไปทั่ว ทันใดนั้นเขาได้มองไปยังทิศทางที่หมอกออกมา
“เป็นยังไงบ้าง?” ซ่างกวนหลิวหยุนเอ่ยถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน ข้าไม่อาจมองได้ชัดเจนนักด้วยพลังตอนนี้ ข้ารับประกันได้แค่จะไม่ไปผิดทาง” หลินเซวียนขมวดคิ้ว
“ไปกันต่อเถอะ ป่าโลหิตนี้แปลกอย่างมาก” ซ่างกวนหลิวหยุนรู้สึกขนลุกเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะหลินเซวียน เขาคงอยู่ในสภาพที่ลําบากแน่นอน
หลังจากเดินมาอีกหนึ่งก้านธูป พวกเขาก็ได้หยุดลง
ใบหน้าหลินเซวียนไม่สู้ดีอย่างมาก แม้จะใช้นัยน์ตาสีม่วงอยู่ตรงหน้า แต่เขาก็แอบใช้พลังจิตกวาดไปรอบด้านเช่นกัน
“สถานการณ์เป็นยังไง?” ซ่างกวนหลิวหยุนทําได้เพียงพึ่งพาหลินเซวียนตอนนี้
” บัดซบ! พวกเราแย่แล้ว รีบกลับไปยังจุดเดิมที่เคยเข้ามาเร็ว!” ใบหน้าหลินเซวียนแดงขึ้นจากความโกรธ