ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 120
ตอนที่ 120 สังหารขั้นสมุทรวิญญาณ!
เงาดาบของหลินเซวียนปรากฏขึ้น จากนั้นมันได้กวาดเป็นแนวนอนไปทางหลิงคุน
“โอหังนัก! วันนี้ข้าจะทําให้เจ้ารู้ถึงพลังที่แท้จริง!” แม้ในมือหลิงคุนสะบัด มันทําให้รู้สึกราวกับอสรพิษยักษณ์กําลังพุ่งออกไป
แกร๊ก! แกร๊ก!
เงาดาบของหลินเซวียนได้ผ่าพลังวิญญาณรูปอสรพิษตรงหน้าด้วยเจตนารมณ์แห่งดาบที่สะเทือนท้องฟ้า
ฉากนี้ทําให้ผู้คนรอบด้านตกตะลึง มันเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นขั้นเปิดชีพจรสู้กับขั้นสมุทรวิญญาณ
“ระเบิด!” ใบหน้าหลิงคุนเปลี่ยนไปก่อนจะตะโกน
ตู้ม!
แส้วิญญาณที่ถูกผ่าออกสองซีกได้ระเบิด จากนั้นพลังงานอันรุนแรงได้เข้าปกคลุมหลินเซวียน
“เบิดเกราะป้องกัน!”
ขณะเดียวกันเกราะป้องกันภายในตัวของเขาได้ทํางานไปด้วย มันกวาดพลังออกมารอบด้าน
หลังจากนั้นหลินเซวียนได้ถอยทันทีพร้อมทิ้งเงาสายฟ้าไว้
“ถอย!”
ใบหน้าของนักสู้รอบด้านเปลี่ยนไปอีกครั้ง แรงระเบิดของการต่อสู้นั้นสามารถทําให้พวกเขาโดนลูกหลงได้
ตู้ม!
พลังวิญญาณของหลิงคุนระเบิดออกราวกับมหาสมุทร หลินเซวียนดันพลังโจมตีออก แต่แรงกระแทกก็ทําให้เลือดลมของเขาอึดอัดไม่น้อย
“วายุสะบั้นเมฆา!”
ดาบของหลินเซวียนร่ายรํา จากนั้นลมพายุสามลูกได้พัดออกไปตามทาง
แต่กลับไม่มีใครอยู่ตรงหน้า
หลินเซวียนขมวดคิ้ว พลังวิญญาณได้กระจายออกมาอีกครั้งเพื่อค้นหาหลิงคุน ทันใดนั้นใบหน้าของเขาได้หันไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว
เสียงระเบิดได้ดังขึ้นพร้อมพลังมหาศาลที่ตัดพื้นดินเข้ามา
“มดปลวกจงตายซะ!” ร่างของหลิงคุนปรากฏขึ้นด้านข้างหลินเซวียน แขนของเขารว มตัวกันเป็นรูปมีดจากนั้นได้ผ่าขึ้นมาจากด้านล่าง
ใบหน้าหลินเซวียนยังสงบนิ่ง นัยต์ตาสีม่วงของเขาได้เห็นทุกสิ่ง ภายใต้การตรวจสอบ เขาได้พบจุดอ่อนของวิชาหลิงคุน
ดาบได้แทงออกไปยังจุดอ่อนตรงนั้นทันที เป็นผลให้พลังวิญญาณของหลิงคุนลดลงอย่างรวดเร็ว
หลินเชวียนใช้ก้าวอัสนีทิ้งร่างเงาไว้ก่อนจะถอยไปห้าจั๊ง
“มันทราบจุดอ่อนเราได้ยังไง?” เปลือกตาหลิงคุนเปิดกว้าง มันเป็นครั้งแรกที่มีคนทราบจุดอ่อนของเขา
“มันต้องเป็นโชคแน่ ๆ !” หลิงคุนปลอดใจตนเอง
ตู้ม!
ขณะที่หลิงคุนกําลังครุ่นคิด หลินเซวียนได้โจมตีกลับมาแล้ว
ร่างเงาสีทองล้อมรอบหลิงคุนเป็นลักษณะสามเหลี่ยม
พลังงานสายฟ้ากระจายไปรอบด้านราวกับทะเลสายฟ้า
“อ๊ากกกก!! ข้าจะฆ่าเจ้า”
เสียงอันเกรี้ยวกราดดังมาจากในวงล้อม มันเป็นเสียงของหลิงคุน ตั้งแต่เมื่อครู่ เขาใช้พลังวิญญาณโจมตีหลินเซวียนอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่คาดคิดว่าหลินเซวียนจะโจมตีกลับได้
ด้านข้าง ฮูหมานและซ่างกวนหลิวหยุนกําลังมองฉากตรงหน้าอย่างประหลาดใจ ดวง ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยอาการตกตะลึง
“ข้าไม่คาดคิดเลยว่าศิษย์น้องหลินจะสู้กับยอดฝีมือขั้นสมุทรวิญญาณได้ มันเหนือม นุษย์เกินไป!” เสียงของฮูหมานสั่นเทา
ซ่างกวนหลิวหยุนเองก็สั่นเช่นกัน เขาคิดว่าหลินเซวียนจะใช้ปลอกแขนในตอนนั้นสู้ ตอนนี้กลับใช้ความแข็งแกร่งของตนเอง อีกทั้งยังไม่เกรงกลัวยอดฝีมือขั้นสมุทรวิญญาณแม้แต่น้อย
“ช่องว่างระหว่างเรากับเขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสินะ!” ซ่างกวนหลิวหยุนกัดฟันแน่น
หลินเซวียนมองปกติ หลิงคุนแข็งแกร่งกว่าชายหนุ่มก่อนหน้านี้แค่สามจุด สิ่งที่ต่างไปคือจํานวนพลังวิญญาณที่มากกว่า
“ขั้นสมุทรวิญญาณนั้นแบ่งได้เป็นสามระดับใหญ่ ๆ นั่นคือระดับต้น ระดับกลาง และระดับสูง คนที่เจ้าสังหารไปก่อนหน้านี้อยู่ระดับต้น ส่วนชายคนนี้อยู่ระดับกลาง” เซียนสุรากล่าว
“ไม่แปลกใจเลย!” หลินเซวียนเอ่ยขึ้น ” ดูเหมือนจะต้องใช้ปลอกแขนแล้วสินะ” เขาไม่อยากจะชักช้า เพราะมันมีอันตรายรอบตัวพวกเขาอยู่
“เจ้าใช้เขตอาคมของที่นี่ก็ได้” เซียนสุราเอ่ยขึ้น
“ใช้เขตอาคม?” ทันใดนั้นดวงตาของหลินเซวียนเปล่งประกาย ข้อได้เปรียบของเขาคือสามารถมองเห็นเขตอาคมรอบด้าน หากเขาใช้ประโยชน์จากมันได้ก็นับว่าดี
” พาเขาไปยังต้นไม้อสูรด้านหลัง” เซียนสุรารีบบอก
หลินเซวียนถอยและวิ่งไปยังด้านหลัง
“เจ้าหนีไปไหนไม่ได้หรอก ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ !” ใบหน้าหลิงคุนโกรธเกรี้ยว ร่างของเขาถูกพลังสายฟ้าจนไหม้เกรียม และอยู่ในสภาพที่ดูไม่ค่อยได้
“ฝ่ามือระเบิดภูผา!”
หลิงคุนกระโจนไปทางหลินเซวียนพร้อมขยับฝ่ามือสร้างเป็นรูปภูเขา
เงาภูเขาหมุนควงขณะกดลงไป
” ทลาย!”
เงาดาบได้ส่องสว่างขึ้นก่อนจะผ่าภูเขาตรงหน้าออก
“ตายซะ!” หลิงคุนเผยดวงตาบ้าคลั่ง ภูเขาที่แยกออกจากกันได้หลอมรวมกันใหม่อีกครั้ง
“ตอนนี้แหละ ให้เขาสํานึกซะหน่อย!” เซียนสุรากล่าวเสียงต่ํา
“ดาบดาวตก!”
ดาบในมือของหลินเซวียนเปล่งประกายเป็นรอยคม
หลังจากนั้นชั่วอึดใจ แขนของหลิงคุนได้ถูกตัดขาด
“อ๊าก!!”
หลิงคุนร้องโหยหวนออกมาทันที
“ตอนนี้แหละถอยเลย!” เซียนสุราเอ่ยขึ้น
หลินเซวียนเร่งความเร็วขณะพุ่งกลับไปทางฮูหมานและซ่างกวนหลิวหยุน
พุบ! พุบ! พุบ!
กิ่งไม้สีเทาแทงมายังหลิงคุนทุกทิศทาง
ร่างกายของเขาไม่สามารถรับการโจมตีมากมายเช่นนี้ได้ เพียงไม่นานกิ่งไม้ปีศาจก็แทงทะลุร่างของเขาจนเลือดกระจาย หลิงคุนกลายเป็นศพในชั่วพริบตา
“ไปเถอะ!” หลินเซวียนพาฎหมานและซ่างกวนหลิวหยุนหันหลังเดินทางต่อ
ครึ่งชั่วยามต่อมา พวกเขาทั้งสามก็ออกมาจากหมอกขาว
“ปลอดภัยแล้ว!” ขาของฮูหมานทรุดลงทันที นางนั่งหอบจนหน้าอกกระเพื่อม
หลินเซวียนและซ่างกวนหลิวหยุนเองก็ถอนหายใจโล่งอกเช่นกัน พวกเขาหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อพักผ่อน
อีกด้านหนึ่ง ใต้ราชวังโลหิต
ผู้คนเริ่มมาถึงกันมากขึ้น นอกจากศิษย์สํานักเมฆาม่วง ศิษย์ส่วนใหญ่ก็มารวมกันที่นี่แล้ว
ทุกคนเตรียมตัวเอาแรงเพื่อจะโจมตีเขตอาคมรอบราชวัง
กลุ่มตระกูลหลิง
หลิงเฟิงมองไปรอบด้านพร้อมขมวดคิ้ว “หลิงคุน ทําไมเขายังไม่มาอีก?”
หลิงเสี่ยวด้านข้างกล่าวเสียงต่ํา “ขั้นพลังของหลิงคุนนั้นสูง แต่พลังใจน้อย มันมีค่ายกลลวงตามากมายรอบด้าน ข้าเกรงว่าเขาจะต้องใช้เวลาสักหน่อย”
“งั้นก็ไม่ต้องห่วงเขาหรอก เดียวก็ตามมา!” หลิงเฟิงกล่าวเสียงต่ํา
เขาคือหัวหน้ากลุ่มตระกูลหลิงครั้งนี้ ขั้นพลังของเขาอยู่สมุทรวิญญาณระดับสูง และเกือบจะได้เป็นสามศิษย์เอกแห่งสํานัก ด้านข้างเขามีอยู่สี่คน พวกเขาคือยอดฝีมือขั้นสมุทรวิญญาณของตระกูลหลิง
สายตาของหลิงเสี่ยวกวาดไปรอบด้านก่อนจะกล่าว “คนที่ชื่อหลินเซวียนไม่อยู่ที่นี่ คงเสียเวลาถ้ามัวแต่หาตัวมัน”
“ไม่ต้องกังวลหรอก” หลิงเฟยกล่าวเสียงต่ํา ”เป้าหมายของพวกเราคือชิงมรดกในราชวังโลหิต เขาก็แค่สัมภเวสีขั้นเปิดชีพจร มาถึงที่นี่ได้ก็นับว่าบุญของมันแล้ว”
“นอกจากพวกเราแล้ว ยังมีเจิ้งจวิ๋นจากสํานักเดียวกับมันอยากฆ่ามันด้วย ยังไงมันก็ตาย!”
“เจิ้งจวิ๋น!” กลุ่มตระกูลหลิงสูดหายใจลึก เขาคือศิษย์อันดับต้น ๆ ของสํานัก กล่าวได้ว่าเก่งกว่าหลินเฟิงถึงสามเท่า หากเขาต้องการสังหารหลินเซวียน เช่นนั้นหลินเซวียนก็ไม่มีทางรอด!
ขณะที่ผู้คนกําลังถกเถียงกัน ศิษย์สามคนไม่ห่างจากที่นั่นได้ยืนขึ้น
” พวกเราจะเริ่มกันได้หรือยัง?” ดวงตาหลิงเฟิงเปล่งประกายขณะมองขึ้นไปบนฟ้า