ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 124
ตอนที่ 124 ห้องสุรา
“ดาบจักรพรรดิสายลม…” เสียงนั้นดังก้องอยู่ในหัวของหลินเซวียน
ท้ายที่สุดตรงกลางหน้าผากของหลินเซวียนได้กลายเป็นรูปดาบขนาดเล็กส่องแสงอยู่
หลังจากผ่านไปนาน หลินเซวียนได้เปิดตาขึ้น ”ดาบนั่น”
“หากข้าเดาไม่ผิด มันคงจะเป็นมรดกที่เขาว่ากัน” เซียนสุรากล่าว
หลินเซวียนพยักหน้า ในหัวของเขามีข้อมูลบางอย่างกําลังไหลเข้ามา แต่มันยังไม่สมบูรณ์ ตอนนี้เขาไม่ได้รีบไปไหน แต่ค่อยๆแยกแยะข้อมูลในใจในห้องโถงนี้
แม้ว่ามันจะเป็นแค่รูปดาบ แต่ก็มีหลายสิ่งในนั้นอย่างมาก มันกําลังแปรเปลี่ยนอยู่ในความคิดของเขา หลินเซวียนค่อยๆจําทุกอย่างที่ลอยเข้ามาในหัว และพยายามเรียนรู้อย่างช้าๆ
เมื่อเสร็จ เขาก็ได้ออกจากห้องโถง
ขณะเดียวกัน ด้านนอกราชวังโลหิต กลุ่มของศิษย์สํานักเมฆาม่วงก็ได้มาถึงแล้ว
“กลุ่มของเทพธิดาจ๋อเซีย!” บางคนตะโกนขึ้น ” ทําไมพวกนางถึงมากันตอนนี้?”
“ดูเหมือนจะบาดเจ็บกันหมดเลย เกิดอะไรขึ้น ใครกันที่กล้าหาเรื่องพวกนาง?” ศิษย์รอบด้านเริ่มซุบซิบ
ศิษย์สํานักเมฆาม่วงไม่สนใจ พวกเขารีบตรงไปยังทางเข้าทันทีที่มาถึง จากนั้น สตรีลึกลับที่นํากลุ่มได้แตะฝ่ามือไปยังเกราะพลัง
ตู้ม!
เพียงไม่นานเกราะพลังก็ถูกเปิดออกเป็นรูกว้าง
หากศิษย์ทั้งสามสํานักอยู่ที่นี่และเห็นฉากดังกล่าว พวกเขาต้องเป็นบ้าแน่นอน เพราะพวกเขาใช้เวลานานกว่าจะเปิดผนึกนี้ได้ แต่สตรีลึกลับทําเพียงแค่ใช้มือแตะเท่านั้น
เพียงไม่นานสตรีลึกลับและศิษย์ด้านหลังก็ตามกันเข้าไป
“เป็นไปได้ยังไง” ศิษย์รอบด้านต่างมองอย่างตกตะลึงราวกับกําลังฝันไป
“รีบเข้าไปเถอะ!” พวกเขาไม่รอช้าที่จะพุ่งตามเข้าไป
หลังจากแสงวาบขึ้น หลินเซวียนก็ได้ปรากฏตัวตรงด้านนอก
เวลานี้มันมีเส้นทางรอบด้านมากมาย เส้นทางที่กระจายออกไปนั้นราวกับเขาวงกต
ตรงหน้าของเขา มีเสียงการต่อสู้ดังมากและความผันผวนของมิติอยู่หลายแห่ง หลินเซวียนรู้สีกว่าคงมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในราชวังโลหิต
“ดูเหมือนการล่าสมบัติจะเริ่มแล้วสินะ” หลินเซวียนกล่าวในใจ
“ไม่ต้องเสียใจไป เดินทางต่อเถอะ ข้าเจอสถานที่ที่ดีเข้าแล้ว!” เซียนสุรากล่าวขึ้น
“เลี้ยวขวาที่ถนนเส้นสาม จะมีประตูที่สองอยู่ เร็วเข้า!”
หลินเซวียนแตะพื้นพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขามีความเข้าใจเกี่ยวกับลมมากขึ้นตั้งแต่ได้ รับดาบจักรพรรดิสายลม มันจึงช่วยเสริมวิชาตัวเบาขึ้นอีกมาก
กล่าวได้ว่าตอนนี้เขามีสองคุณสมบัติในตัว หากเขาสามารถขัดเกลามันจนแข็งแกร่งได้ เขาเอ งก็จะเก่งขึ้นไปอีก
ระหว่างทางไป หลินเซวียนพบคนไปทางที่เซียนสุราบอกเช่นกัน แต่เมื่อพวกเขาพบประตูหิน และผนึกหลากสี คนเหล่านั้นก็ทําได้แค่ถอนหายใจและเดินออกมา
ในราชวังโลหิต มันมีสถานที่มากมายแบบนี้ แต่ก็ไม่สามารถเปิดได้โดยคนธรรมดา สําหรับเจิ้งจวิ๋นและเซียเจิ้งเฟิงที่มีความสามารถพอจะเปิดประตู พวกเขาได้เขาไปยังส่วนลึกแล้ว
แต่หลินเซวียนต่างกันออกไป เขามีเซียนสุรา ผนึกเหล่านี้จึงไม่ยากเกินความสามารถ
ทันทีที่เขาเข้าใกล้ประตูหิน หลินเซวียนรู้สึกถึงกลิ่นหอมอันแรงกล้าของบางอย่าง
” หอมมาก!” หลินเซวียนเปิดตากว้าง
“เหล้าดี!” เซียนสุเผยรอยยิ้ม “ผนึกนี้อยู่มานานมากจนกลิ่นหอมโชยออกมา แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา”
ตามคําแนะนําของเซียนสุรา หลินเซวียนกระจายพลังวิญญาณเพื่อคลายผนึก
แกร๊ก! แกร๊ก!
เสียงเบาๆสองครั้งดังขึ้น จากนั้นประตูหินค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ
ฟิ้ว!
หลินเซวียนพุ่งเข้าไปทันทีพร้อมเปิดเกราะป้องกัน แต่ก็ไม่พบว่ามีอันตรายใด
ตอนแรกเขาคิดว่ามันจะมีกับดักอยู่ กลับกันมันมีแต่ของไหสุรา ถังใหญ่ที่สุดราวกับที่เก็บน้ํา สูงสามจัง ส่วนขนาดเล็กวางอยู่บนโต๊ะในขวดหยก
“มันคือสุราอะไรกัน ทําไมถึงหอมนัก!” หลินเซวียนสูดหายใจลึก กลิ่นที่โชยเข้ามาทําให้เลือดลมของเขาไหลเวียนดีขึ้นทันตาเห็น
“เริ่มเก็บขวดเล็กก่อน!” เซียนสุราไม่รอช้า
หลังจากนั้นหลินเซวียนเริ่มเก็บขวดสุราตามคําแนะนําของเซียนสุรา
“ทําไมประตูถึงเปิด!” คนด้านนอกเริ่มเห็น จากนั้นพวกเขาได้เข้ามากันทีละคน
“เฮ้ย!” คนมากมายเริ่มเข้ามาด้วยสายตาที่โลภ พวกเขารีบเปิดขวดดื่มกันอย่างรวดเร็ว
“เอาเลย!” ดวงตาของพวกเขาราวกับคนคลังขณะพุ่งไปดื่มสุรารอบทิศทาง
หลินเซวียนไม่สนใจผู้ใด เพราะสุราชั้นดีที่สุดถูกเขาเก็บไปหมดแล้ว ที่เหลือก็แค่สุราธรรมดา
“ทําไมกัน?” หลินเซวียนเหลือบไปเห็นขวดสุราสีแดงเข้มอยู่ด้านใน
เขาพยายามจะเข้าไป แต่มันกลับถูกผนึกด้วยเขตอาคม
“ทําไมเหล้าบางส่วนถึงหายไป?” ยอดฝีมือบางคนเริ่มสังเกตแล้วว่าสุราบางแห่งหายไป
“ไอ้หนู เจ้าเอาไปหมดแล้วสินะ! หากฉลาดพอก็ส่งทั้งหมดมา!” ยอดฝีมือขั้นสมุทรวิญญาณสามคนมองหลินเซวียนอย่างชั่วร้าย
“ฆ่ามันซะแล้วค่อยชิงแหวนเก็บของดีกว่า!” หนึ่งในพวกเขาเย้ยเยาะ
“ตกลง!” ทั้งสองเห็นด้วยก่อนจะพ่นลมหายใจอันหนักหน่วงราวกับภูเขาออกมา
“ไม่นะ ถอยเร็ว!” ศิษย์บางคนที่อยู่ขั้นเปิดชีพจรรีบถอยห่างทันที
ถึงแม้สุราเหล่านี้จะยอดเยี่ยม พวกเขาก็ยังไม่อยากตาย คนเหล่านั้นจึงรีบถอยออกมายังหน้าประตู
“เฮ้อ เจ้าหนูนั่นตายแน่!”
“เขาโลภมากเกินไป หากเจอยอดฝีมือขั้นสมุทรวิญญาณก็เท่ากับตายไปแล้ว!”
ยอดฝีมือทั้งสามคนยืนอย่างภาคภูมิใจ “ไอ้หนู ข้าจะให้โอกาสสุดท้าย ส่งเหล้าที่เจ้าเก็บไปมาซะ หรือไม่ก็ตาย!”
หลินเซวียนหันไปมองทั้งสามเล็กน้อย
“ข้าสังหารพวกขั้นสมุทรวิญญาณมามากแล้ว หากพวกเจ้าไม่อยากตายก็ไสหัวไป!”
ทั้งสามชะงักก่อนจะหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ เจ้าพูดว่าอะไรนะ? เจ้าสังหารขั้นสมุทรวิญญาณงั้นหรือ?”
“กล้าปล่อยพวกเราไปด้วย? วันนี้เจ้าคงจะถูกฝังอยู่ที่นี่แล้วล่ะ!”
” ดาบพยัคฆ์!”
“ฝ่ามือหยก!”
” หมัดสายน้ํา!”
ทั้งสามคนใช้กระบวนท่าของตนโจมตีทันทีจนทั้งห้องสั่นอย่างรุนแรง
หลินเซวียนยื่นมือออกไป พลังงานสีฟ้าได้ไหลเชี่ยวอย่างรุนแรงอยู่รอบแขนของเขา
ต้ม! ต้ม! ตู้ม!
การโจมตีของหลินเซวียนและขั้นสมุทรวิญญาณทั้งสามทําให้ผนึกเริ่มสั่นสะเทือน เห็นได้ชัดว่า ภายในห้องนี้มีเขตอาคมอยู่รอบด้าน
แกรัก!
ผนึกตั้งแต่บนสุดของโต๊ะสุราเริ่มเผยรอยร้าว
กลิ่นหอมอบอวลได้ลอยออกมาจากภายใน หลินเซวียนรีบขยับมืออย่างรวดเร็วเพื่อคว้าขวดไว้
“กล้าดียังไง!”
วางมันลง!”
“ตายซะ!”
ทั้งสามโกรธจัด พวกเขาลืมไปหมดสิ้นว่าหลินเซวียนกําลังทําการโจมตีในหัวพวกเขาเต็มไป ด้วยความโลภต่อสุราเท่านั้น