ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 125
ตอนที่ 125 บรรลุขั้นพลัง
ยอดฝีมือทั้งสามราวกับสัตว์ปาคลุ้มคลั่ง พวกเขาพุ่งเข้าหาหลินเซวียนอย่างไม่รอช้า
เมื่อเห็นเช่นนั้นหลินเซวียนจึงหัวเราะขณะยกสุราดื่มไปด้วย เขาเก็บปลอกแขนก่อนจะเปลี่ยนมาใช้เจตนารมณ์แห่งดาบ
” ตายซะ!”
ทั้งสามปล่อยลมหายใจอันรุนแรงออกมาโจมตีหลินเซวียน
แต่หลินเซวียนยังคงทําท่าเยาะเย้ย เงาดาบของเขาได้ผ่าลมหายใจของขั้นสมุทรวิญญาณออก จากนั้นได้แทงไปยังจุดอ่อนของพวกเขาทันที
ฟุบ! ฟุบ!
ประกายดาบวาบขึ้นจนคนทั้งสามถึงกับถอย การโจมตีของพวกเขาสลายไปทันที
“เจตนารมณ์แห่งดาบ มันคือเจตนารมณ์แห่งดาบ!” ทั้งสามสูดหายใจลึกก่อนจะรีบก้มศีรษะลง “เรื่องเข้าใจผิด มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด! พวกเราจะไปแล้ว”
หลังจากนั้นทั้งสามไม่คิดจะอยู่ต่อและรีบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว เหลือไว้แค่ศิษย์ด้านนอกประตู
หลินเซวียนไม่ได้ตามไปสังหารทั้งสาม เพราะเขาไม่ได้มีความขุ่นเคืองอะไรกับพวกเขามาก อีกทั้งเขาจะต้องพบปัญหาจากอาจารย์ของทั้งสามอีกหากสังหารไป
แน่นอนว่าหากพวกเขาเป็นคนตระกูลหลิงก็คนละเรื่อง หลินเซวียนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปแน่นอน!
หลังจากใช้จิตค้นหาอยู่อีกสักพัก เขาก็ไม่พบอะไรอีก เวลานี้เขาได้สุรามามากพอแล้ว มันจึงไม่มีเหตุอะไรที่ต้องอยู่อีก
หลังจากปิดตา หลินเซวียนก็ได้ออกมายังด้านนอก
ติ้ง!
ผู้คนรอบด้านมองเขาอย่างเกรงกลัว และไม่มีใครกล้าจะเข้าไปตอนนี้
หลินเซวียนพบว่ามีศิษย์สํานักชวนเทียนอยู่ในกลุ่มคนด้วย เขาพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกล่าว “ข้างในนั้นยังเหลือสุราวิญญาณอยู่พอจะให้ทุกคน หยิบไปตามพอดี อย่าสู้กันเพื่อแย่งชิง!”
กลุ่มคนพยักหน้าพร้อมเผยท่าที่ยินดี ใครกล้าจะไม่ฟังเขา? แม้แต่ยอดฝีมือขั้นสมุทรวิญญาณยังหนี ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าวางก้ามอีก
หลินเซวียนกล่าวเช่นนี้เพราะกลัวว่าศิษย์สํานักชวนเทียนจะไม่ได้อะไร เพราะมันมีศิษย์ของกองกําลังอื่นอยู่ด้วยและมากกว่า
เมื่อกล่าวจบ ร่างของเขาสั่นเล็กน้อยก่อนจะพุ่งออก ศิษย์ที่เหลือค่อยๆเดินเข้าไปหยิบสุราอย่างสงบ
ทั่วทั้งราชวังโลหิตเต็มไปด้วยการนองเลือด คงมีสถานที่นี้แห่งเดียวที่สงบ
หลินเซวียนเดินทางอย่างรวดเร็ว เขาพบมุมที่เหมาะสําหรับนั่งพัก เวลานี้สุราวิญญาณในตัวเริ่มทํางานแล้ว
หลินเซวียนไม่กล้าประมาท ดังนั้นจึงต้องหาที่ปลอดภัยที่สุด เพราะเขาสามารถพบหลิงเฟิงหรือเจิ้งจวิ๋นได้ตลอดเวลา
เวลานี้เขาต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเองให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้หาสมบัติได้มากขึ้น
สุราวิญญาณที่เขาดื่มเริ่มกระตุ้นร้อนขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นมันเริ่มจู่โจมเส้นชีพจรของเขา หลินเซวียนนําดาบเพลิงโลหิตออกมาเพื่อเปิดใช้แรงโน้มถ่วงสิบเท่าปกป้องรอบตัว
เขา นั่งลง ปิดตา และเริ่มเดินพลังคงกระพันในร่างกาย
จากขั้นเปิดชีพจรสู่ขั้นสมุทรวิญญาณ มันคือการรวมพลังปราณในตัวเข้าเป็นจุดเดียวที่ตันเถียน จากนั้นจึงจะเข้าสู่ขั้นสมุทรวิญญาณ หลินเซวียนคิดอย่างรอบคอบก่อนจะเริ่มเดินพลัง
เวลานี้พลังวิญญาณในตัวของเขากําลังพลุ่งพล่าน ภายใต้การช่วยเหลือของสุราวิญญาณ พลังวิญญาณของเขาทรงพลังกว่าเดิมหลายเท่า แม้จะอยู่ขั้นเป็ดชีพจรระดับเก้า แต่พลังนั้นแทบไม่ด้อยไปกว่าขั้นสมุทรวิญญาณ
เขาเริ่มโคจรพลังคงกระพัน และรวบรวมพลังไปยังจุดตันเถียนทันที
การบ่มเพาะพลังดึงดูดศิษย์คนอื่นๆอยู่ไม่น้อย พวกเขาเริ่มผ่านมาและหันไปมอง บางคนก็มองอยู่เฉยๆ แต่บางคนก็ไม่สนใจ
เพราะสิ่งที่สําคัญที่สุดตอนนี้คือการหาสมบัติ ไม่ใช่การมาสนใจคนอื่น
แต่ก็แตกต่างไปสําหรับศิษย์ตระกูลหลิง
คนของตระกูลหลิงสองคนเห็นร่างของหลินเซวียนจึงสงสัย “มันถูกขวางอยู่ข้างนอก ไม่ใช่หรือ? มันเข้ามาได้ยังไง?”
“ด้านนอกยังมียอดฝีมืออยู่อีกหลายคน บางทีมันคงจะอาศัยคนอื่นเข้ามาก็ได้” หนึ่งในศิษย์ตระกูลหลิงกล่าว “แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ไม่ว่ายังไง พวกเราก็ต้องฆ่ามันอยู่แล้ว!”
ทั้งสองเผยรอยยิ้มชั่วร้ายก่อนจะพุ่งเข้าไป
“ดูเหมือนมันกําลังจะบรรลุขั้นสมุทรวิญญาณ มันเป็นเวลาสั้นอย่างมากเท่าที่ข้าทราบ!”
“ต้องเป็นเพราะสมบัติวิเศษแน่ หากพวกเราสังหารมันได้ค่อยชิงแหวนมันมา!”
“ฮี! รีบสังหารมันเถอะ!” ทั้งสองคนรู้สึกตื่นเต้นเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ พวกเขาไม่รอช้าใช้ฝ่ามือทุ่งเข้ามา
ตรงหน้าเขา ดาบเพลิงโลหิตได้สั่นอย่างรุนแรง จากนั้นแรงโน้มถ่วงสิบเท่าได้กดลง
ร่างของคนทั้งสองทรุดลงกับพื้นทันทีพร้อมดวงตาที่ตื่นตระหนก
“เกิดอะไรขึ้น?” พวกเขาตกตะลึงทันที
“ดาบนั่นแปลกๆนะ ดูเหมือนมันจะสร้างพื้นที่แรงโน้มถ่วงได้” ทั้งสองคือยอดฝีมือขั้นสมุทรวิญญาณ ดังนั้นจึงเข้าใจอย่างรวดเร็ว
” ถอยออกมาก่อน!”
” ฝ่ามือระเบิดภูผา!” พลังฝ่ามือพุ่งออกมาเป็นคลื่นอย่างรวดเร็ว
ตู้ม!!
ทุกที่ที่มันผ่าน ต้นไม้จะถูกโค่นล้มเป็นแถบๆ
แต่แรงโน้มถ่วงสิบเท่าไม่ใช่ของเล่น เพียงไม่นานมันก็สามารถสยบฝ่ามือที่พุ่งมาได้
”เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เชื่อหรอก!” ทั้งสองคนไม่ต้องการพลาดโอกาสสังหารหลินเซวียน
พวกเขาจึงพุ่งเข้าไปอย่างโกรธเกรี้ยว
ถึงแม้หลินเซวียนจะกําลังรวบรวมพลังเพื่อบรรลุขั้นสมุทรวิญญาณ เขาก็ใช้สัมผัสเทวะตรวจโลกภายนอก เมื่อเห็นยอดฝีมือทั้งสองคนเข้ามา มันจึงทําให้เขาขมวดคิ้วแน่น
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะอยู่ข้างนอกนี้เอง!” เซียนสุรากล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ถึงแม้มันจะใช้โดยตรงไม่ได้ ข้าก็พอจะควบคุมดาบได้”
เมื่อได้ยินเซียนสุราว่าเช่นนั้น เขาก็พุ่งเข้าสู่กระบวนการต่อ
ด้านนอก ฝ่ามือขนาดใหญ่กําลังพุ่งเข้ามาในพื้นที่แรงโน้มถ่วง แต่ครั้งนี้อักขระสีแดงเข้มได้ปรากฏขึ้นบนดาบอย่างชัดเจน
ฝ่ามือทั้งสองได้ถูกสยบลงอีกครั้ง ยิ่งกว่านั้นมันยังสะท้อนกลับไปด้วย
ฉากนี้ทําให้ใบหน้าทั้งสองคนเปลี่ยนไป พวกเขารีบแยกออกเป็นสองทาง
ตู้ม! ตุ้ม!
ฝ่ามือที่สะท้อนกลับมาทําลายต้นไม้ด้านหลังจนกระจุยกระจาย
ทั้งสองคนกัดฟันแน่น พวกเขาไม่สามารถทําอะไรได้นอกจากยืนดูหลินเซวียนบรรลุขั้นพลัง
“ไม่ มันจะบรรลุพลังไม่ได้! ข้าจะไปหาหลิงอวิ๋น เขาน่าจะอยู่ใกล้ๆนี้!” หนึ่งในพวกเขารีบพุ่งออกไป
อีกคนที่เหลือมองหลินเซวียนอย่างโกรธเกรี้ยว ” หลังจากพี่หลิงอวิ๋นมา เจ้าตายแน่!”
เขามั่นใจอย่างมาก เพราะหลิงอวิ๋นอยู่ขั้นสมุทรวิญญาณเช่นกัน แต่เขาแข็งแกร่งกว่าทั้งสองมาก
เวลานี้มีการเปลี่ยนแปลงในตัวของหลินเซวียน จุดตันเถียนของเขามีพลังวิญญาณสีฟ้าจํานวนมากกําลังหมุนอยู่ราวกับน้ําวน
การบรรลุขั้นพลังของหลินเซวียนราบรื่นอย่างมาก และยังใช้เวลาน้อย หากไม่มีคนเห็นกับตา คงไม่มีใครเชื่อแน่นอน
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นผลจากพลังคงกระพัน
ตอนนี้หลินเซวียนยังไม่ทราบว่าขั้นสมุทรวิญญาณของตนทรงพลังกว่าคนอื่น อีกทั้งหากดูจากด้านนอก มันยังดูเหมือนเขาไม่ได้บรรลุขั้นพลัง
หลินเซวียนแสยะยิ้มทันทีที่ทราบว่ามีหนึ่งในทั้งสองออกไปหาคนมาช่วย
“หากใช้โอกาสนี้ เราน่าจะสามารถเอาชนะศัตรูที่ทรงพลังได้
เมื่อนึกได้เช่นนี้ เขาจึงยังไม่ลุกขึ้น และนั่งบีบพลังจนเหงื่อแตกแสร้งทําให้เหมือนว่าการบรรลุ พลังนั้นยากอย่างมาก