ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 126
ตอนที่ 126 การสวนกลับของมดที่ต่ําต้อย
เมื่อเห็นหลินเซวียนที่แสร้งทําหน้าเจ็บปวด ศิษย์ตระกูลหลิงที่รออยู่จึงเย้ยเยาะ “เจ้าคิดว่าขั้นสมุทรวิญญาณใครก็สามารถบรรลุได้งั้นหรือ?”
ในตอนแรกกว่าศิษย์ตระกูลหลิงคนนี้จะบรรลุขั้นสมุทรวิญญาณได้นั้นลําบากอย่างมาก อันที่จริงเขายังมีความกลัวหลินเซวียนอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเห็นท่าที่หลินเซวียนดูทรมาน เขาจึงผ่อนคลายลง
เพียงไม่นาน ศิษย์ที่ออกไปตามหากําลังเสริมก็กลับมาพร้อมชายหนุ่มอีกสองคน
” พี่อวิ๋น!” ศิษย์ตระกูลหลิงอีกคนตะโกนอย่างดีใจ
ชายหนุ่มผู้ที่มาด้วยมีนามว่าหลิงอวิ๋น และอีกคนที่มาด้วยคือหลิงเจอ
หลิงอวิ๋นมองหลินเซวียนพร้อมใบหน้ามืดดํา “พวกเจ้าทั้งสองช่างน่าขายหน้านัก แม้แต่คนที่อ ยู่กับที่ยังจัดการไม่ได้”
ทั้งสองตกใจก่อนจะรีบอธิบาย “ดาบใหญ่ตรงหน้าเขานั้นประหลาดมาก มันสามารถสร้างพื้นที่แรงโน้มถ่วงได้ พี่อวิ๋น ท่านเองก็ต้องระวัง!”
“ในอนาคตก็กลับไปฝึกให้หนัก อย่าให้เสียหน้าตระกูลหลิงอีก!” หลิงอวิ๋นกล่าวเสียงต่ํา ” อย่างน้อยพวกเจ้าก็หามันพบ มันย่อมมีรางวัลให้ไว้ข้าจะกลับไปบอกผู้อาวุโสเมื่อกลับไป!”
“ขอบคุณพื่อวิ๋น!” พวกเขาดีใจทันที
หลิงอวิ๋นเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาแกล้งทําให้ทั้งสองตกใจก่อน เพื่อทั้งสองจะได้ไม่ขอความดีความชอบ จากนั้นค่อยจัดการหลินเซวียน
การกําจัดยอดฝีมือที่มีเจตนารมณ์แห่งดาบนั้นเป็นเรื่องใหญ่มาก เขาเกรงว่าจะได้รับรางวัลอย่างงาม
หลิงอวิ๋นปล่อยคลื่นพลังเข้าไปในพื้นที่แรงโน้มถ่วง เพียงไม่นานพลังของเขาก็ถูกกดลง
“แปลกมาก มันน่าจะสูงถึงสิบเท่า” หลิงอวิ๋นนั้นแข็งแกร่งและมีประสบการณ์มากกว่าทั้งสอง
“พี่อวิ๋นแข็งแกร่งอยู่แล้ว แค่นี้ไม่ใช่ปัญหาของท่านหรอก!” หลิงเจ๋อที่ยืนอยู่ด้านข้างเองก็ต้องการเห็นหลินเซวียนตายกับตาตนเอง
หลิงอวิ๋นกล่าวเย้ยหยันขึ้น ”วันนี้ข้าจะแสดงวิชาใหม่ให้พวกเจ้าดู”
หลิงอวิ๋นเดินไปอยู่ตรงหน้าดาบของหลินเซวียน เขามองหลินเซวียนก่อนจะกล่าว “ไอ้หนู กล้ามาหาเรื่องตระกูลหลิง วันนี้คือวันตายของเจ้า!”
หลินเซวียนแสยะยิ้มในใจ เขายังไม่คิดจะรู่วาม เขาต้องรอให้หลิงอวิ๋นประมาทที่สุดก่อนถึงจะลงมือ
“โฮก!!!”
หลิงอวิ๋นโคจรพลังก่อนจะเอนตัวไปข้างหน้าพร้อมคํารามออกมา
คลื่นเสียงของเขาเต็มไปด้วยพลังวิญญาณที่รุนแรงพุ่งไปยังหลินเซวียน
ซิ้ง! ซิ้ง!
พื้นที่รอบด้านที่กระทบกับคลื่นเสียงกลายเป็นรอยถูกฟันอยู่เต็มไปหมด
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเห็นเข้าถึงกับวิ่งหนี บางคนที่พลังอ่อนแอถึงกับอ้วกแตก แม้แต่ศิษย์ของตระกูลหลิงสองคนยังหน้ามืดและวิงเวียน
“คลื่นเสียงโจมตีน่ากลัวมาก!” หลินเซวียนอุทานในใจ การโจมตีแบบนี้ป้องกันได้ยาก เพราะมันทะลวงเข้าโจมตีอวัยวะภายในโดยตรง
แต่หลินเซวียนก็ไม่ได้กลัว พลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งกว่าคลื่นเสียงนี้
แต่เขายังไม่คิดจะโต้ตอบ เขาต้องรอให้หลิงอวิ๋นเข้ามาใกล้อีก
อีกทั้งยังแอบสื่อสารกับเซียนสุราอย่างลับๆ ให้เขาเพิ่มพลังดาบป้องกัน ขณะเดียวกันเขาได้แอบใช้พลังวิญญาณของตนสยบคลื่นเสียง แต่ก็ยังแสร้งทําเป็นบาดเจ็บ
ในสายตาของคนอื่น หลินเซวียนกําลังหน้าซีดเผือดและตัวสั่น ดาบเพลิงโลหิตตรงหน้าเขาสั่น ราวกับทําการป้องกันคลื่นเสียงอย่างยากลําบาก
เกิดอะไรขึ้น เจ้าหยุดมันได้ยังไง?” หลิงอวิ๋นประหลาดใจจนใบหน้าโกรธขึ้นมา
เขาใช้คลื่นเสียงโจมตีอีกครั้ง แต่หลินเซวียนยังคงทําหน้าซีดเช่นเดิม ครั้งนี้เขาทําให้เลือดออกตรงมุมปากด้วย
“พี่อวิ๋น เจ้าหนูนี้บรรลุขั้นพลังเร็วมาก มันต้องมีของวิเศษแน่ บางทีอาจจะอยู่ในตัวมัน!” ศิษย์ตระกูลหลิงสองคนกล่าวขึ้น
ใบหน้าหลิงอวิ๋นคลายลงก่อนจะกล่าว “เจ้ามีสมบัติ้งั้นหรือ? นั่นนับว่าเยี่ยมมาก”
“เอาล่ะ นับว่าเป็นเกียรติอย่างมากที่เจ้าได้ตายด้วยมือข้า” หลิงอวิ๋นกล่าวเย้ยหยัน เกราะพลังวิญญาณได้ปรากฏขึ้นรอบตัวเขาก่อนจะพุ่งเข้าไปหาหลินเซวียน
หลินเซวียนสัมผัสได้ว่าหลิงอวิ๋นกําลังเข้ามาแล้ว เขาตัดสินใจที่จะโจมตีด้วยกระบวนท่าแข็งแกร่งที่สุด
ครั้งนี้เขาต้องสังหารหลิงอวิ๋นให้ได้
ฟูม!
หลิงอวิ๋นพุ่งมาอยู่ด้านข้างหลินเซวียน เกราะวิญญาณของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อยจากผลของแรงโน้มถ่วงสิบเท่า
เขาวางฝ่ามือลงบนศีรษะของหลินเซวียนพร้อมเผยท่าที่เย้ยหยัน
“ตายซะเจ้ามดต่ําต้อย!”
แต่ขณะที่เขากําลังจะลงมือ สถานการณ์ได้เปลี่ยนไป
หลินเซวียนที่ดูเหมือนกําลังบาดเจ็บหนักได้เปิดตาขึ้น ดวงตาของเขาเผยเงาดาบที่คมกริบ
พลังวิญญาณของเขาเริ่มโคจรอย่างหนักหน่วงในมือนั้นมีปราณดาบวิญญาณอยู่ เขาขยับมันขึ้นบนทันที
ความคมของดาบนั้นสูงอย่างมาก เมื่อรวมกับพลังวิญญาณขั้นสมุทรวิญญาณ มันทั้งรวดเร็วและรุนแรง
ใบหน้าหลิงอวิ๋นยังคงเย้ยหยันอยู่ แต่ร่างกายกลับถูกผ่าเป็นสองซีกไปแล้ว เขาไม่เชื่อว่าตนจะตายด้วยน้ํามือของหลินเซวียนแบบนี้
ฉากนี้รวดเร็วจนทุกคนไม่สามารถกระทําอะไรได้ทัน แม้แต่ใบหน้าของหลิงอวิ๋นยังคงเป็นเช่นเดิมขณะถูกผ่าออกเป็นสองส่วน
ห่างไปด้านหลัง ใบหน้าของศิษย์ตระกูลหลิงถึงกับบิดเบี้ยว พวกเขาไม่อาจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ หลิงเจ๋อกัดริมฝีปากแน่น มันสั้นอย่างรุนแรง
”เป็นไปไม่ได้ พี่อวิ๋นตายได้ยังไง!?” หลิงเจ๋อและคนอื่นๆ พยายามหยิกตัวเองเพราะนึกว่ากําลังฝันอยู่
แต่ความจริงก็คือความจริง
หลินเซวียนพุ่งมาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว เขาสะบัดมือในทันทีที่มาถึง ปราณดาบได้ตัดผ่านศิษย์ตระกูลหลิงทั้งสองตายคาที่
เมื่อเข้าสู่ขั้นสมุทรวิญญาณแล้ว นอกจากพลังวิญญาณจะทรงพลังขึ้น มันยังใช้ปราณพลังได้ด้วย
หลินเซวียนหันไปมองหลิงเจ๋อ
“ไม่นะ อย่าฆ่าข้า!” หลิงเจ๋อกลัวจนคุกเข่าและก้มศีรษะลงบนพื้น
หากมันย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะไม่มีวันยั่วยุหลินเซวียนอีก หลิงเจ๋อรู้สึกเสียใจที่นําภัยพิบัติมาสู่ตระกูล
แต่โลกนี้ไม่มียาย้อนเวลา หลินเซวียนย่อมไม่ปล่อยคนที่คิดจะสังหารตนหลายครั้งไปแน่นอน
ประกายดาบวบขึ้น จากนั้นระหว่างคิ้วของหลิงเจ๋อได้เกิดรูเลือด เขาตายพร้อมดวงตาที่เสียใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หลินเซวียนเก็บแหวนของทั้งสามก่อนจะจากไป
โชคดีที่หลิงอวิ๋นใช้วิชาคํารามไล่ผู้คนออกไป ดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นหลินเซวียนสังหารคนเหล่านี้
หลังจากหนีมาได้ระยะหนึ่ง หลินเซวียนก็รีบชะลอความเร็ว เขาหยิบแหวนเก็บของของทั้งสามเพื่อจะตรวจดูข้างใน
หลิงเจ๋อและศิษย์ตระกูลหลิงนั้นค่อนข้างธรรมดา มันมีเพียงหินวิญญาณ ยาบางชนิด นอกนั้นก็ไม่มีอะไรอีก แต่แหวนของหลิงอวิ๋นนั้นทําให้เขาพึงพอใจอย่างมาก
มันมีหินวิญญาณระดับกลางอยู่หนึ่งร้อยก้อน และกล่องเก็บหินวิญญาณระดับต่ํา นอกจากนั้นยังมีคัมภีร์อยู่สองเล่ม
หนึ่งคือวิชาของตระกูลหลิงและอีกอันคือวิชาที่หลิงอวิ๋นใช้ปล่อยคลื่นเสียง
หลินเซวียนมองไปยังคัมภีร์ที่เป็นวิชาคลื่นเสียง กล่าวตามตรงมันน่าสนใจอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะพลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้น เช่นนั้นคงตายไปนานแล้วกับวิชานี้
“ราชสีห์คลังคําราม” หลินเซวียนเริ่มเปิดอ่าน