ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 14
ตอนที่ 14 พายุ
เทือกเขาไท่หังนั้นกว้างใหญ่ไพศาล มันมีลมหนาวเย็นพัดกรรโชกตลอดเวลา อีกทั้งต้นไม้พืชพรรณก็สูงใหญ่ประกอบกับเนินเขาสูงรอบด้าน และเสียงสัตว์ป่าร้องคำรามตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางภูเขาอันน่ากลัวแห่งนี้ ยังมีคนผู้หนึ่งกำลังวิ่งไล่หมูป่าอยู่
“บัดซบ ตายเสีย!” ร่างคนผู้นั้นแทงดาบไปยังตัวหมูป่าจนมันค่อย ๆ ล้มลงพื้น “ผลอสรพิษหายากนี้ถูกมันกินไปตั้งครึ่งหนึ่ง!”
ร่างนั้นคือหลินเซวียน เขาตัดเขี้ยวของหมูป่าออกไว้ด้านหลังอย่างฉุนเฉียว
เขามายังภูเขานี้ได้สองสามวันแล้วเพื่อค้นหาผลไม้ทรงอสรพิษและหญ้าใบม่วง หลังจากผ่านไปหลายวัน เขาหาผลอสรพิษเจอสามลูก และหญ้าใบม่วงสี่ใบ ซึ่งมันเพียงพอจะให้เซียนสุราหมักเหล้าได้แล้ว
แต่ไม่นานก่อนหน้านี้ ผลทรงอสรพิษลูกหนึ่งกลับถูกขโมยไปโดยหมูป่า อีกทั้งยังถูกกัดไปครึ่งผล หลินเซวียนโกรธจัดจนตัดเขี้ยวของมันออกมา
ตอนนี้เราเหลืออยู่สองผล ต้องรีบไปหาใหม่แล้ว หลินเซวียนเตรียมออกเดินทางค้นหาอีกครั้ง เหลือเวลาอีกแค่สองเดือนที่การทดสอบศิษย์ชั้นในจะเปิด แต่ขั้นพลังของเขายังอยู่แค่เปิดชีพจรระดับสาม
หลินเซวียนเหาะเหินบนต้นไม้อย่างต่อเนื่องราวกับวานร ขณะจะทะยานลงพื้น เขาจับกิ่งไม้เพื่อห้อยโหนตัวกลางอากาศ
ผลทรงอสรพิษนั้นชอบขึ้นในพื้นที่มืดและอับชื้น ส่วนหญ้าใบม่วงชอบขึ้นตามที่สว่าง ดังนั้นหลินเซวียนจึงต้องเดินทางไปมาอย่างหนัก
ฮึบ!
เขาหยุดลงบนกิ่งไม้ใหญ่พร้อมกวาดสายตาไปทั่ว ในที่สุดเขาก็เห็นพื้นที่ผลทรงอสรพิษขึ้นอยู่
กล่าวได้ว่าโชคของหลินเซวียนนั้นค่อนข้างดีที่ยังเหลือผลอสรพิษอยู่ ถึงแม้ผลทรงอสรพิษนี้จะไม่ได้ล้ำค่า แต่ประโยชน์ของมันก็ไม่ธรรมดา ผู้อาวุโสในสำนักซวนเทียนนั้นมักจะใช้ผลทรงอสรพิษอยู่ตลอด ดังนั้นมันจึงจะถูกเก็บไปโดยศิษย์ของสำนักอยู่บ่อยครั้ง
หลินเซวียนรีบก้าวเข้าไปยังที่ตั้งของผลทรงอสรพิษ แต่ทันใดนั้นกอหญ้าตรงหน้าได้ขยับขึ้น
สวบ!
งูเขียวสองหางได้โผล่ออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว มันขยายตัวเป็นรูปพัดก่อนจะพุ่งเข้าไปกัดศีรษะของหลินเซวียน
“อยากตายงั้นหรือ!?” หลินเซวียนตะโกนขึ้น จากนั้นดาบเหล็กดำในมือได้พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เขาบิดข้อมือส่งพลังวิญญาณเข้าไป เพียงไม่นานร่างของงูเขียวสองหางได้ระเบิดออกเป็นเศษ ๆ
หลังจากฆ่างูที่เฝ้ารังไปแล้ว หลินเซวียนยังไม่ได้รีบเข้าไปหยิบผลทรงอสรพิษทันที เพราะตั้งแต่มาถึง เขารู้สึกว่ามันมีอะไรที่อันตรายซ่อนอยู่
เขาแอบเดินพลังคงกระพันรอบฝ่ามือขณะยื่นมือเข้าไปจับผลอสรพิษ
ฟ่อ!
เสียงของอสรพิษสองเสียงดังขึ้นขณะที่ผลอสรพิษถูกดึงออกจากต้น จากนั้นรอยงูกัดได้ปรากฏขึ้นตรงฝ่ามือหลินเซวียน
โชคดีที่เขาเตรียมการไว้ก่อน มิเช่นนั้นคงถูกพิษของมัน แม้ตัวของพวกมันจะดูเล็ก แต่พิษสงนั้นร้ายกาจ โดยทั่วไปหากโดนกัดโดยไม่ทันตั้งตัว พิษของมันสามารถทำให้เป็นอัมพาธไปได้ครึ่งวัน
เมื่อหลินเซวียนจัดการงูพิษทั้งสองแล้ว เขาได้หยิบผลทรงอสรพิษออกมาทันที อีกทั้งยังเก็บงูตัวหนึ่งใส่เป้
“ของพวกนี้สามารถนำไปขายได้ แต่น่าเสียดายที่กระเป๋าเราเต็มเสียแล้ว!” หลินเซวียนเหลือบมองของที่เหลืออยู่อย่างไม่เต็มใจ
“เจ้าหนูขี้โรค แค่นี้ก็ไม่มีแรงแล้วหรือ!” เซียนสุราดังขึ้นมา
“ท่านลุงขี้เมา ท่านจะกล่าวทักทายกันก่อนไม่ได้เลยหรือไง?” หลินเซวียนรู้สึกโกรธทุกทีที่เซียนสุราปรากฏตัวแบบนี้
“อันที่จริงไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยคิดเรื่องนี้ แต่ข้าไม่มีประตูให้เคาะต่างหาก” เซียนสุรากลอกตาขณะกล่าว “เจ้ายังเด็กเกินไป ข้าจะค่อย ๆ ปรับตัวให้เข้ากับเจ้าละกัน“
“ฮึ่ม!” หลินเซวียนเกลียดเวลาถูกเซียนสุราดูหมิ่น แต่เขาก็พยายามอดทนไว้เพื่อวิชาดาบอัสนี
“ข้าว่านะเสี่ยวซวน เจ้าควรรีบหาผลไม้พันปีดีกว่า มิเช่นนั้นข้าอาจจะนอนหลับไปตลอดกาล“
“อะไรนะ?” หลินเซวียนตกใจขึ้นมา ชายผู้นี้หลอกเขามาหลายครั้ง จึงไม่รู้ว่าพูดจริงหรือเล่น
“เฮอะ ข้าว่าท่านคงอยากสอนวิชานิทราให้ข้ามากกว่า!” หลินเซวียนกล่าว
“เจ้าหนู ถ้าข้าออกไปได้ข้าจะสั่งสอนเจ้าสักครั้ง” เซียนสุราตะโกนขึ้นดังด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
หลินเซวียนโต้เถียงกับเซียนสุราขณะมองหาผลอสรพิษต่อ ภายใต้คำชี้แนะของเซียนสุรา หลินเซวียนจึงได้ผลอสรพิษและหญ้าใบม่วงมาถึงห้าใบ
“ท่านเซียน ทำไมถึงไม่หาเพิ่มอีก?” หลินเซวียนกล่าวต่อ “แค่อย่างละห้าส่วนมันจะเพียงพอให้ท่านดื่มหรือ!”
“หากยังเรียกข้าว่าลุง ข้าจะไม่ทำให้เจ้าอีก!” น้ำเสียงเซียนสุราดูไม่พอใจเมื่อได้ยินคำว่าลุง
……
เมื่อได้วัตถุดิบปรุงเหล้าแล้ว เซียนสุราจึงเก็บผลทรงอสรพิษและหญ้าใบม่วงทั้งหมดเข้าไป หลินเซวียนตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ ตามที่เซียนสุรากล่าวไว้ เขาต้องบรรลุขั้นเปิดชีพจรระดับสี่ก่อน ถึงจะสามารถฝึกวิชาดาบอัสนีได้ มิเช่นนั้นร่างกายของเขาจะควบคุมพลังไม่ไหว
ฟูม!!
ขณะที่รอเซียนสุรา มันได้มีเงาสีดำเคลื่อนมาปกคลุมท้องฟ้าจนมืดมิด
หลินเซวียนเงยหน้าขึ้นมอง เขาเห็นอากาศข้างบนกำลังผันผวนเหมือนกับจะเกิดพายุ ต้นไม้รอบด้านและก้อนหินค่อย ๆ ถูกดึงขึ้นบนท้องฟ้า
เวลานี้หลินเซวียนได้ถูกลมกรรโชกที่ตามมาจากเงาดำบนนั้นพัด มันสายเกินไปที่จะเขาหนี ดังนั้นจึงทำได้แค่โคจรพลังต้านมัน
ลมพายุที่พัดตามมาคมราวกับใบมีด มันสามารถตัดเฉือนผิวหนังมนุษย์ได้ หลินเซวียนจิกเท้ากับพื้นดินแน่น มือทั้งสองข้างได้โอบกอดตัวไว้เพื่อต้านแรงลม
โชคดีที่ลมนั้นมาเร็วไปเร็ว หลังจากเงาดำบนท้องฟ้าและลมกรรโชกเคลื่อนผ่านไป หลินเซวียนถึงกับรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
เขาพยายามมองตามไปขึ้นและเห็นว่าเป็นร่างของปักษาตัวมหึมาปกคลุมท้องฟ้า ปักษาตัวนั้นมีสองปีกที่กว้างใหญ่ ขณะที่มันขยับ ลมพายุจะก่อตัวขึ้นด้านล่างของมันและทำลายทุกสิ่ง
“สวรรค์! อสูรตัวนั้นอยู่ระดับไหนกัน เหตุใดมันถึงใหญ่โตนัก?” หลินเซวียนกล่าวด้วยอาการตัวสั่น
“เมื่อไหร่กันที่เราจะสามารถมีพลังสะเทือนฟ้าดินเช่นนั้นได้บ้าง!” หลินเซวียนเองก็มีความทะเยอทะยานในฐานะนักสู้ มันคือการที่อยากแข็งแกร่งขึ้นเพื่อกุมชะตาของตัวเอง!
ทันใดนั้นเสียงของเซียนสุราได้ดังขึ้น “เอาล่ะ เสี่ยวเซวียน ด้วยการเสริมจากเหล้าวิญญาณ มันคงไม่นานที่เจ้าจะบรรลุขั้นพลัง! แต่จำไว้ให้ดีว่ารีบหาเหล้าพันปีมาให้ข้า เพราะข้าไม่อยากจะหลับอีกหลังจากเพิ่งตื่น” เสียงของเซียนสุราเบาลงเรื่อย ๆ “อย่าดื่มมากเกินไป เจ้าดื่มได้แค่ครั้งนิดเดียวเท่านั้น… “
“ดูเหมือนสภาพของเขาจะเริ่มแย่ลงจริง ๆ เอาล่ะ หลังจากบรรลุขั้นพลัง ข้าจะไปหาเหล้าพันปีมาให้” หลังจากครุ่นคิด หลินเซวียนได้หาถ้ำบริเวณใกล้ ๆ เข้าไปพัก
ภายในมือของเขามีน้ำเต้าสีม่วงลูกเล็กอยู่ มันคือสุราวิญญาณที่ทำโดยเซียนสุรา เขาเปิดมันขึ้นเพื่อจะยกดื่ม
รสชาติของมันหวานหอมอย่างมากขณะที่ไหลผ่านลำคอลงช่องท้อง จากนั้นเพียงไม่กี่ลมหายใจ อุณภูมิภายในตัวเขาได้สูงขึ้นราวกับเขื่อนภูเขาไฟที่จะปะทุ