ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 141
ตอนที่ 141 ปลาพระอาทิตย์
ศิษย์ด้านนอกประตูต่างพากันตกตะลึงจากแรงกระแทกด้านใน พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นจึงทําได้แค่คาดเดา
ภายใประตู แสงที่ส่องเข้ามาได้หายไปหมดเหลือเพียงแค่ฝุ่นตลบ
มันยุ่งเหยิงอย่างมาก อีกทั้งยังมีร่องรอยของพลังอันน่าสะพรึงอยู่
ใบหน้าหลินเซวียนซีดเผือด
ขณะที่เกิดการระเบิด เขาเปิดการป้องกันอย่างสุดความสามารถ แต่แรงระเบิดรุนแรงเกินไปจนทําให้เขาเกือบตาย
โชคดีในช่วงวิกฤต วังวนสีดําได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาและดูดซับพลังที่น่าสะพรึงเหล่านั้นเข้ามันจึงทําให้เขารอด
ปลอกแขนทองแดงและชุดเกราะโบราณเกิดรอยแตกมากมาย มันแทบจะใช้การไม่ได้อีก
สําหรับยอดเขาทมิฬนั้นกลายเป็นผงฝุ่นหายไปกลางอากาศ
เขามองไปรอบด้านก่อนจะรีบเดินพลังฟื้นฟู
ทันใดนั้นหลินเซวียนได้ขมวดคิ้ว
ตรงหน้าเขามีร่างของสตรีชุดขาวกําลังนอนบาดเจ็บอยู่ อีกทั้งยังเลือดท่วมตัว
“เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?” หลินเซวียนรีบเดินไปหา
สตรีชุดขาวบาดเจ็บหนักมาก นางเปิดปากเล็กน้อย
หลินเซวียนดีใจเมื่อเห็นนางยังไม่ตาย
เขารีบนําสุราวิญญาณกรอกปากนางทันที
จากนั้นก็เริ่มส่งพลังให้
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลินเซวียนได้เปิดตาขึ้น
ถึงแม้บาดแผลจะยังไม่ดีขึ้นในเวลาอันสั้น อย่างน้อยนางก็ไม่ตายตอนนี้
เขายืนขึ้นยืดเส้นยืดสายก่อนจะมองไปตามทาง
เขาค่อย ๆ อุ้มสตรีชุดขาวขึ้นหลัง จากนั้นได้เดินไปยังส่วนลึกของถ้ำ
เมื่อสัมผัสได้ถึงความอุ่มจากด้านหลัง มันทําให้หัวใจหลินเซวียนเต้นแรงขึ้นมา เขาไม่เคยอุ้มผู้หญิงมาก่อน โดยเฉพาะผู้หญิงที่งดงามอย่างนาง
โชคดีที่เขาไม่ได้ปล่อยให้จิตใจฟุ้งซ่าน
หลินเซวียนสูดหายใจลึกและเดินต่อไป
ตึก! ตึก!
เสียงหยดน้ำหยดลงจากที่สูงลงมาแอ่งน้ำตรงทางเดิน หลินเซวียนเหยียบมันจนกระเซ็น
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็มาถึงด้านในสุด
มันมีบ่อน้ำอยู่ที่นี่ มันไม่ใช่บ่อเลือดแต่เป็นบ่อน้ำที่กระจ่างใส
พื้นที่รอบด้านไม่ใหญ่มาก
มันไม่มีอะไรอื่นอีกนอกจากกําแพงและบ่อน้ำตรงกลาง
หลินเซวียนวางสตรีชุดขาวลงและมองไปรอบด้าน
เขาพบว่ามันไม่ใช่ที่ที่สมบัติอยู่อย่างที่ผู้คนคิดกัน
มันแทบไม่มีอะไรเลย
บนกําแพงมีรูปภาพวรยุทธ์อยู่ อย่างน้อยสิ่งนี้ก็ทําให้หลินเซวียนดีใจ
“ดูเหมือนจะเป็นวรยุทธ์หลายแขนง” เซียนสุรากล่าวขณะมองภาพบนกําแพง
” ก็ไม่เลว แต่ข้าได้ดาบจักรพรรดิสายลมมาแล้ว ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นมรดกอย่างหนึ่ง” หลินเซวียนกล่าว
เขามองดูภาพบนกําแพงอยู่นาน แต่ก็พบว่าบางวิชาไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่าไหร่นัก
หลินเซวียนถอนหายใจก่อนจะนั่งลง
จากนั้นสตรีชุดขาวได้ตื่นขึ้น
ดวงตานางยังแสดงความรู้สึกวิงเวียนและตามมาด้วยความเจ็บปวด
หลินเซวียนพยุงนางขึ้นและช่วยถ่ายเทพลังให้
เมื่อได้รับพลังคงกระพัน ใบหน้าสตรีชุดขาวก็เริ่มมีสีขึ้น
“ข้าชื่อว่าหลินเซวียน เป็นศิษย์สานักชวนเทียน ไม่ทราบว่าแม่นางชื่ออะไร?” หลินเซวียนถอนมือออกไปจับขวดสุรา
“เสิ่นจิงฉิว” สตรีชุดขาวกล่าวอย่างแผ่วเบา
” บอกรายละเอียดของสิ่งที่เจ้ากําลังตามหาได้หรือเปล่า?” หลินเซวียนถามอย่างสงสัย
เสิ่นจิงฉิวส่ายหัว “กล่าวตามตรง ข้าเองก็ได้รับคําสั่งให้มาหามัน ดังนั้นจึงไม่ทราบว่ามันมีหน้าตายังไง”
หลินเซวียนชะงัก เพราะเขาไม่คาดคิดว่าจะได้คําตอบเช่นนี้
ไม่นานหลังจากนั่งพัก พวกเขาก็ฟื้นฟูพลังต่อ
หนึ่งวันผ่านไป หลินเซวียนเริ่มหิวขึ้นมา
ขั้นพลังของเขาอยู่สมุทรวิญญาณ ดังนั้นจึงใช้พลังงานมากกว่าแต่ก่อน เขาต้องกินอาหารมากขึ้นเพื่อพลังงานที่มากขึ้นตาม
“ข้าหิวแล้ว…” ใบหน้าหลินเซวียนไม่ค่อยสบายเท่าไหร่นัก
“ดูสิว่ามีอะไรบ้าง” เขาเดินไปยังหน้าบ่อน้ำ
ขณะเดียวกันเสิ่นจิงฉิวได้เดินไปอยู่ข้างเขา
วูม! วูม!
อย่างที่พวกเขาคาดไว้ มันมีบางอย่างในบ่อน้ำ
หลินเซวียนใช้นัยน์ตาสีม่วงมองลงไป
มันมีเงาบางอย่างกําลังว่ายน้ำอยู่อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังพ่นฟองอากาศอยู่ตลอดเวลา
“มีปลาอยู่!” หลินเซวียนมองอย่างดีใจ เสิ่นจิงฉิวเองก็เผยรอยยิ้ม
“มาเป็นอาหารข้าซะ!” หลินเซวียนพลิกนิ้ว จากนั้นประกายสายฟ้าได้พุ่งเข้าไปในบ่อน้ำ
เพียงไม่นานก็มีเสียงดังขึ้นมาจากใต้บ่อน้ำ เงาของปลามากมายได้ปรากฏขึ้นมาทันที
มันเป็นปลาเกล็ดสีแดงดูปกติทั่วไป
“อืม มันคือปลาพระอาทิตย์!” เซียนสุราอุทานขึ้น ” แต่เลือดของมันไม่บริสุทธิ์”
หลินเซวียนหิวมากจนไม่สนใจคําของเซียนสุรา เขามองไปที่ปลาเหล่านั้นอย่างหิวกระหาย
หลินเซวียนได้จับปลาเพิ่มก่อนจะทําความสะอาดมัน
“ไม่มีไฟที่นี่” เขาเกาหัวขณะหันมองรอบด้าน
“ข้าทําให้” เสิ่นจิงฉิวยิ้มแห้งก่อนจะสร้างเปลวไฟขึ้นตรงฝ่ามือ
ไม่มีใครคาดคิดว่าสักวันหนึ่งพลังของยอดฝีมืออย่างนางจะนํามาถูกใช้ย่างปลา
ปลายักษ์สามตัวถูกกินจนหมดโดยพวกเขา มันทําให้พวกเขาพึงพอใจอย่างมาก
“ถึงเวลากลับแล้ว” หลินเซวียนคิดจะออกไป
แต่เมื่อไปถึงยังประตูโลหิต พวกเขาก็พบว่าประตูเปิดไม่ออก
”เป็นไปได้ยังไง?” หลินเซวียนขมวดคิ้ว
“ข้าจําได้ว่าวันนั้นพวกเราถูกดูดเข้ามาด้วยพลังอะไรสักอย่าง” เสิ่นจิงฉิวกล่าวขึ้น
“แต่มันไม่มีอะไรเลยตอนนี้!”
พวกเขามองหน้ากันพร้อมตัดสินใจค้นหาทั่วห้อง
หลังจากค้นหาอยู่นานก็ไม่พบอะไร
ท้ายที่สุดหลินเซวียนและสตรีชุดขาวก็กลับไปที่บ่อน้ำ
” บ่อน้ำนี้ ” เสิ่นจิงฉิวสงสัย
“มันไม่มีคําอธิบายอะไรเลย ทําไมพวกเราไม่ดําลงไปดู?” หลินเซวียนสงสัยอีกครั้ง
หลังจากตัดสินใจ พวกเขายังไม่คิดจะลงไปสํารวจ แต่ได้เริ่มฟื้นฟูพลังก่อน
เพราะไม่มีใครรู้ว่าใต้นั้นมีอะไรอยู่บ้าง แม้แต่เซียนสุรา
สองวันให้หลัง ขั้นพลังของพวกเขาฟื้นฟูขึ้นมาถึงแปดส่วน ดังนั้นจึงตัดสินใจดําลงไป
น้ำไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาคิดไว้ มันยังมีร่องรอยของความอุ่นอยู่ตลอดทาง
หลินเซวียนใช้นัยน์ตาสีม่วงมองไปรอบด้าน เขาพบเงาขนาดใหญ่บางอย่างอยู่ด้านใต้
เสิ่นจิงฉิวเองก็เหมือนจะพบอะไรที่ไม่ปกติ หลังจากปรึกษากันชั่วครู่ พวกเขาก็ตัดสินใจดําลงไปต่อ
ด้วยขั้นพลังปัจจุบันของหลินเซวียน มันทําให้เขาสามารถอยู่ใต้น้ำได้นานกว่าหนึ่งชั่วยาม หากนานกว่านั้น เขาก็จะทนไม่ไหวอีก
แต่ขั้นพลังของเสิ่นจิงฉิวสูงกว่า ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่ปัญหา
พวกเขาว่ายลงไปอย่างรวดเร็วที่เงาขนาดใหญ่
“นี่มัน…” ม่านตาหลินเซวียนจมลงพร้อมเผยสีหน้าตกตะลึง