ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 142
ตอนที่ 142 ตํานาน
หลินเซวียนมองไปข้างหน้าอย่างตกตะลึง
เพราะตรงหน้าเขามันมีอาคารที่แตกหักอยู่ มันถูกแยกเป็นสองส่วนจากตรงกลางราวกับว่าถูกตัดโดยอะไรที่คมมาก
อีกทั้งเสาหินตรงกลางนั้นยังเต็มไปด้วยศีรษะมนุษย์ ซึ่งดูน่าสยดสยองอย่างยิ่ง
หลินเซวียนตกตะลึงอย่างแท้จริง เขาค่อยๆดําลงไปใกล้ๆซากปรักนั้น
มันมีสัมผัสที่เย็นออกมา ทําให้พวกเขารู้สึกอึดอัด
เส้นจิงฉิวดําลงไปพร้อมกับหลินเซวียน
มันมีร่างมนุษย์อยู่ข้างในสิบคนและกําลังนอนอยู่ น้ํารอบด้านดูเหมือนจะไม่เป็นผลกับพวกเขา
หนึ่งในศพนั้นกําลังยืนอย่างสง่าราวกับว่ามีชีวิตอยู่
แต่เขาไม่มีศีรษะ
มันมีแค่ร่างมนุษย์อยู่ที่นั่น
“ศีรษะที่ติดอยู่เสาด้านนอกเป็นของคนพวกนี้หรือเปล่า?” หลินเซวียนสูดหายใจรับอากาศที่อยู่รอบด้าน
พวกเขารู้สึกสงสัยอย่างมากจนต้องเริ่มตรวจสอบ
“มันมีคําสลักอยู่ที่นี่!” เส้นจิงฉิวกล่าว
หลินเซวียนเดินไปดู และพบว่ามีแบบอักษรที่บิดเบี้ยวอยู่บนพื้น
” พวกเขาติดอยู่ที่นี่…” เขากล่าวขึ้น
ตัวอักษรเหล่านั้นเห็นได้ชัดว่าสร้างจากผู้ที่มีขั้นพลังล้ําลึก เพราะทั้งสองคนสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์เศร้าโศกจากมัน
“เนื้อหนังของพวกเขาไม่เหลืออยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีรอยขีดข่วนอะไรบนกระดูก พวกเขาน่าจะได้รับบาดเจ็บหนักทางศีรษะ และถูกสังหารทางนั้น” เซียนสุราวิเคราะห์
“ยอดฝีมือขนาดนี้ยังถูกสังหารได้…” หลินเซวียนนึกคิดในใจ
“ใครกันที่เป็นคนลงมือ?”
“แล้วพวกเขาไปอยู่ไหนแล้ว?
ด้านข้าง เสิ้นจิงฉิวเองก็พบบางอย่าง คิ้วของนางขมวดแน่นและเต็มไปด้วยความตกตะลึงจนพูดไม่ออก
“มันมีราชวังอยู่ใต้นี้อีก” หลินเซวียนมองลงไป
มันราวกับพื้นแผ่นดินถูกตัดขาด เพราะมันมีหินขนาดใหญ่อยู่สองด้านและตรงกลางเป็นพื้นที่แตกออกไป
ทั้งสองรีบดําลงไปยังที่นั่นทันที
ภายในนั้นยังคงมีร่างคนอยู่เช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าเคยมีคนอาศัยอยู่ที่นี่มากมาย อีกทั้งพวกเขายังมีอาวุธอยู่ในมือ
หลินเซวียนพบว่าอาวุธเหล่านั้นเป็นอาวุธขั้นสูงขึ้นไปทั้งสิ้น แต่พวกมันแตกหักหมดแล้ว
และยังมีอักษรสลักอยู่ที่นี่อีก! เสิ่นจิงฉิวชี้ไปยังพื้นด้านล่าง ท่าทีของนางไม่เป็นธรรมชาติอย่างมาก
“มีบางอย่างหายไป…”
“ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่หมดแค่นนี้ เราสงสัยว่าคงจะมีชั้นที่สามลงไปอีก” หลินเซวียนสงสัยอย่างมาก
“ข้าสัมผัสได้ถึงลมหายใจด้านล่างนั่น” เสิ่นจิงฉิวกล่าว
” ตอนนี้ข้าเริ่มจะทนไม่ไหวแล้วและต้องการหายใจก่อน” หลินเซวียนลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกัดฟันดําลงไปต่อ “พวกเราต้องรีบกลับมาให้เร็วที่สุด!”
ทั้งสองคนดําลงไปต่ออย่างรวดเร็ว
เมื่อลงมาได้ระยะหนึ่ง ตรงหน้าเขามีประกายแสงส่องวูบวาบอยู่
“มันมีราชวังอยู่อีก และยังไม่ถูกทําลาย!” ทั้งสองดีใจอย่างมาก
ฟูม!
ทันใดนั้น เงายาวสีดําลึกลับได้พุ่งออกมา และโจมตีพวกเขา
กระแสน้ําไหลตามมารุนแรงอย่างมาก อีกทั้งยังเต็มไปด้วยแรงกดดัน
หลินเซวียนรีบหลบทันที แต่ก็โดนแรงดันน้ําด้านหลังกระแทก
ฟูม!
เมื่อเริ่มทรงตัวได้ เขาพบว่าเงาดํานั้นคือหนวดของปลาหมึกยักษ์
หลินเซวียนและเส้นจิงฉิวไม่กล้าอยู่ต่อและรีบว่ายไปยังราชวังอีกที่ด้วยกําลังทั้งหมดที่มี
ขณะเดียวกัน หลินเซวียนได้ชักดาบออกมาเปิดทาง
“แยกวายุ!”
เขาใช้ดาบฟันน้ําตรงหน้าจนแยกเป็นสองฝั่ง
นี่คือวิชาดาบที่เขาเข้าใจจากดาบจักรพรรดิสายลม เขาไม่คาดคิดว่ามันจะมีผลในน้ําได้ดีถึงเพียงนี้
ฟูม!
ทั้งสองรีบว่าเข้าไปยังราชวังทันที
เมื่อเข้ามาภายในพระราชวังที่สามแล้ว มันไม่มีน้ําภายในนี้อีก แต่กลับเต็มไปด้วยดวงวิญญาณ
หลินเซวียนถอนหายใจยาว เขาต้องรีบหายใจโดยเร็วที่สุด หากกลั้นต่อไปเช่นนั้นเขาคงตายแน่นอน โชคดีที่มันไม่มีน้ําอยู่ภายในราชวังที่สาม
ด้านนอก ปลาหมึกยักษ์ดูเหมือนจะกลัวพระราชวังนี้อย่างมาก มันรีบจากไปโดยไม่โจมตีอีก
“มาดูกันว่ามีอะไรอยู่ที่นี่” หลินเซวียนและเส้นจิงฉิวเริ่มออกค้นหาต่อ
“นี่มันสมบัติ!” หลินเซวียนอุทานขึ้น เขาพบว่าชั้นวางตรงหน้ามีอาวุธวางอยู่ อีกทั้งยังมีคําจารึกอยู่บนอาวุธด้วย
หลินเซวียนมองไปยังดาบยาวเล่มหนึ่ง
ภูม!
ทันใดนั้น ดาบทั้งเล่มกลายเป็นฝันร่วงลงพื้นทันที
”เป็นไปได้ยังไง?” เขาลองยกอาวุธชิ้นอื่นดู และก็พบว่าอาวุธเหล่านั้นกลายเป็นผงเช่นกัน
อีกด้านหนึ่ง เส้นจิงฉิวเองก็ต้องส่ายหัวเมื่อพบว่าขวดที่นางกําลังหยิบขึ้นนั้นสลายไปกลางอากาศ
ทุกอย่างในนี้ไม่มีอะไรใช้งานได้เลย
พวกเขาเดินไปยังส่วนลึกด้วยความผิดหวัง
มันมีโลงศพไม้นอนอยู่ข้างในนั้น
ด้านบนของโลงศพมีชั้นวางอยู่ และภายในนั้นมีเปลือกไข่สองใบที่แตกแล้ว
“นี่มัน…” เสนจิงฉิวอุทานขึ้น ” หรือว่านี่คือแก่นแท้แห่งชีวิต?”
หลินเซวียนชะงัก เพราะมันคล้ายกับไข่ที่เขามีในแหวน
เขาค่อยๆหยิบเปลือกไข่ขึ้นมาดู และพบว่าเปลือกไข่นั้นแข็งแกร่งมากแม้จะบีบก็ไม่เป็นอะไร
เวลานี้ ไข่ที่อยู่ภายในแหวนเก็บของของเขาเริ่มสั่นราวกับว่ามันมีชีวิต
หลินเซวียนเงียบไปและถามเซียนสุรา
” บางทีมันอาจจะเคยอยู่ที่นี่ก็ได้” เซียนสุรากล่าว
หลินเซวียนตกตะลึงเล็กน้อย เขาพบว่ามันมีช่องอยู่อีกอันแต่ไม่มีร่องรอยของเปลือกไข่
” หรือจะเป็นไข่ที่อยู่กับเรา?” หลังจากนั้นชั่วครู่ หลินเซวียนคิดจะเก็บเปลือกไข่ไว้
” พวกเราแบ่งกันคนละอัน!” เสิ่นจิงฉิวเองก็สนใจเปลือกไข่นี้ นางจึงรีบหยิบอีกใบไว้
ส่วนหลินเซวียนก็เก็บอีกใบไป
“ฮีม ลวดลายนี้มัน…” เซียนสุราเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ
หลินเซวียนสํารวจรอบโลงศพ และพบว่ามีมังกรสองตัวถูกแกะสลักไว้รอบโลง ฟันและกรงเล็บของมันเปล่งประกายวูบวาบ
“เดินรอบๆดู!” เซียนสุราพูดขึ้น
หลินเซวียนไม่รอช้าที่จะเดินไปอีกด้าน เขาพบรอยแกะสลักนี้เป็นรูปดาบ มันมีด้ามจับและตัวดาบเป็นรูปมังกร
เส้นจิงฉิวเดินมาดูก่อนจะหรี่ตาลง
“ดูเหมือนข้าจะเคยได้ยินตํานานเรื่องนี้” นางมองไปยังดาบประหลาดนั้นขณะกล่าว
” ตํานาน?” หลินเซวียนเอ่ยถาม “ตํานานอะไร?”
“ข้าเคยได้ยินอาจารย์และผู้อาวุโสพูดถึงมัน เวลานั้นพวกเขากําลังพูดคุยกันเรื่องอาวุธจากจีนแผ่นดินใหญ่ บางคนก็บอกว่าเป็นง้าว บางคนก็บอกว่าเป็นมีด”
” แต่อาจารย์ข้าบอกว่ามันเป็นดาบมังกรราชัน เขายังบอกว่ามันเป็นอาวุธที่คมที่สุด”
” พวกผู้อาวุโสต่างพากันหัวเราะและบอกว่าดาบมังกรราชันนั้นเป็นแค่ตํานาน มันไม่ใช่เรื่องจริ
“ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะมาเห็นรอยแกะสลักนั่นที่นี่”
เส้นจิงฉิวถอนหายใจ ” ตํานานเป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?”
” ดาบมังกรราชัน..” หลินเซวียนพึมพําก่อนจะยื่นมือไปแตะตรงรูปสลัก
ทันใดนั้นเสียงมังกรคํารามได้ดังขึ้นในหูของหลินเซวียนราวกับว่ามันมีชีวิต!