ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 15
ตอนที่ 15 ตลาดเทียนเซียง
คลื่นความร้อนนี้ราวกับสายน้ำที่ไหลเชี่ยว มันเข้าไปยังเส้นชีพจรของหลินเซวียนอย่างรวดเร็ว เมื่อรวมกับการโคจรพลังคงกระพันด้วยแล้ว พลังวิญญาณของหลินเซวียนยิ่งทรงพลังมากยิ่งขึ้น
ภายใต้การชี้นำของสัมผัสแห่งชีวิตที่หลั่งไหลเข้ามา ส่งผลให้หลินเซวียนบรรลุขั้นเปิดชีพจรระดับสี่ไปแล้ว
เมื่อสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณของตนได้เพิ่มขึ้น มุมปากของหลินเซวียนจึงโค้งอย่างดีใจ แน่นอนว่าหากไม่มีหลิงจือเพลิงมันอาจจะไม่รวดเร็วถึงขั้นนี้
“ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเราเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าหากเทียบกับขั้นชีพจรระดับสาม ไม่สงสัยเลยว่าเวลาประลองกัน ผู้ที่มีพลังวิญญาณต่ำกว่าย่อมเสียเปรียบ” หลินเซวียนปล่อยหมัดใส่กำแพงถ้ำ ทันใดนั้นกำแพงได้แตกออกจนสั่นสะเทือนเล็กน้อย
“ดูเหมือนเราจะยังไม่ชินกับพลังนี้” หลินเซวียนทราบว่าหากตนควบคุมความแข็งแกร่งได้อย่างดี เช่นนั้นจะสามารถทลายกำแพงตรงหน้าได้แน่นอน
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดจะท้อแม้แต่น้อย หากฝึกฝนวิชาดาบอัสนี ความแข็งแกร่งที่มีก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นอีกมาก
แต่หากต้องการให้เซียนสุราสอนทักษะวิชาดาบ หลินเซวียนต้องหาผลไม้วิญญาณพันปีมาให้ เหล้าพันปีนั้นเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง หากเปลี่ยนเป็นเหล้าร้อยปียังพอจะหาซื้อได้
“เฮ้อ เหล้าชั้นดี น่าเสียดาย…” หลินเซวียนถอนหายใจ แต่ทันใดนั้น…
“เฮ้ย เหตุใดเราถึงพูดเหมือนตาลุงขี้เมานั่น?” หลินเซวียนตบหน้าตัวเอง “ไม่ได้เด็ดขาด เราจะเสียคนเพราะเขาไม่ได้!”
เขาเปิดกระเป๋าเป้เพื่อนำขวดสีขาวออกมา จากนั้นได้เทสุราวิญญาณในน้ำเต้าใส่ลงไป มันแบ่งได้เป็นสามขวด
หลินเซวียนเก็บน้ำเต้าสีม่วงไว้ จากนั้นได้เริ่มออกเดินทางไปยังเมืองใกล้สุดเพื่อจะซื้อขาย
เมืองเล่อหยางคือเมืองที่ใกล้ที่สุดและอยู่ไม่ห่างจากสำนักซวนเทียน ศิษย์ของสำนักซวนเทียนส่วนใหญ่จะมาที่เมืองนี้เพื่อซื้อสินค้า
เนื่องจากมันใกล้กับภูเขา เมืองนี้จึงมีทหารรับจากมากมายอยู่ตามตีนเขา ด้วยเหตุนี้ศิษย์สำนักซวนเทียนจึงมักจะไปเยี่ยมพวกเขาเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งของ
พื้นที่ที่นิยมมากที่สุดจะมีพื้นที่ชั้นหนึ่งสำหรับซื้อขาย พื้นที่ชั้นสองจะเป็นเขตจัตุรัสในเมือง และชั้นสามจะเป็นถนนหาบเร่ธรรมดา
ชั้นแรกนั้นที่ผู้คนนิยมมากที่สุดคือหอเหวินเปา มันคืออาคารซื้อขายที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเล่อหยาง ของหายากชั้นสูงมากมายจะอยู่ที่นี่ หากปรารถนาสิ่งใด เช่นนั้นก็มาที่นี่มันจะมีทุกอย่าง
แน่นอนว่าเงื่อนไขหลักนั้นคือเงิน ลูกค้าส่วนใหญ่จึงจะเป็นบรรดานายน้อยจากตระกูลมั่งคั่ง
ลานค้าขายชั้นสองคือลานกว้างจัตุรัส มันมีอยู่สองลานคือลานค้าขายเบ็ดเตล็ดเรียกว่าตลาดเทียนเซียง และลานค้าขายข้าวของเครื่องใช้เรียกว่าตลาดเฉิงเย่
ถึงแม้จะไม่โด่งดังเท่าหอเหวินเปา แต่ของที่นั่นก็อยู่ระดับสูง ถึงแม้มันจะถูกกว่าหอเหวินเปา มันก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเข้าถึงได้ง่าย ๆ เช่นกัน
และอย่างสุดท้ายถนนซานเปา ถนนสำหรับซื้อขายสิ่งของธรรมดา ส่วนใหญ่จะเป็นของเล็กน้อย ถึงบางครั้งจะมีสมบัติหายากหลุดมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่ของในถนนนี้จะเป็นของปลอมเสียมากกว่า
ดังนั้น จึงเป็นเหมือนการเสี่ยงดวง หากผู้ซื้อมีโชคมากพอ คนผู้นั้นก็อาจจะพบสมบัติล้ำค่าเข้าได้
หลินเซวียนมายังเมืองเล่อหยางพร้อมปกปิดตัวเองด้วยผ้าคลุมสีดำ
หอเหวินเปานั้นหากไม่มีเงินมากพอก็ไม่สามารถเข้าไปได้ เพียงแค่ค่าทางผ่านก็ใช้หินวิญญาณชั้นดีถึงสามสิบก้อน หากคิดจะค้าขายนั้นลืมไปได้เลย เขาจึงวางแผนจะไปยังตลาดเทียนเซียงในลานค้าขายชั้นที่สอง
ตลาดเทียนเซียงนั้นอยู่ทางตอนใต้ของเมืองเล่อหยาง มันเป็นพื้นที่ที่กว้างขวางอย่างยิ่ง นายใหญ่ของที่นี่เป็นสตรีที่งดงาม อีกทั้งยังมีข้ารับใช้เป็นกลุ่มเด็กสาวอีกด้วย พวกนางมักจะมายังตลาดเทียนเซียงเพื่อดูแลความสงบและทำธุรกิจเป็นบางครั้ง เป็นผลให้มีบุรุษมากมายมาที่แห่งนี้
หลินเซวียนยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าลานเทียนเซียง เขามองดูผู้คนที่ล้นหลามก่อนจะสูดหายใจลึก
มีคนมากมายที่สวมชุดคลุมสีดำเหมือนหลินเซวียน ดังนั้นเขาจึงไม่ดูโดดเด่นเกินไป เขาแตะไปยังขวดสีขาวใต้เสื้อก่อนจะเริ่มเดินไหลตามกระแสคนเดิน
พื้นที่แห่งนี้ถูกแบ่งเป็นหลายส่วน ดังนั้นบางพื้นที่จะเปิดเป็นทางเดิน หลินเซวียนกำลังมองหาร้านที่ขายผลไม้วิญญาณควบคู่ไปกับการหาร้านขายเหล้าของเขาด้วย หากไม่ขัดสนเรื่องเงินจริง เช่นนั้นเขาก็ไม่ต้องการขายเหล้าเหล่านี้ที่สามรรถช่วยเสริมพลัง
ย่านอาวุธ ย่านโอสถ ย่านชุดเกราะ ย่านสมุนไพร…
หลินเซวียนมองดูแต่สิ่งของไปมา เขาเห็นสินค้าชั้นดีวางขายอยู่มากมาย แต่ราคาของมันทำให้เขาต้องยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะจำใจออกไป
ท้ายที่สุดเขาได้ไปยังย่านสมุนไพรที่มีร้านค้าขายแผงลอย หลินเซวียนเดินไปทีละร้าน เจ้าของร้านบางคนก็อัธยาศัยดีดึงเขาให้คุยเรื่องเหนือใต้ออกตก แต่ก็มีบางคนที่เย็นชาไม่สนสิ่งใด
หลังจากสอบถามอยู่นาน มันไม่มีร้านใดขายผลไม้พันปีแม้แต่ร้านเดียว แต่ก็ยังมีผลไม้ร้อยปีอยู่บางร้าน สำหรับราคานั้นแน่นอนว่าแพงหูฉี่ อีกทั้งร้านเหล้านี้ยังไม่ยอมให้จ่ายด้วยการแลกเปลี่ยนสินค้า
ท้ายที่สุดหลินเซวียนก็ยอมแพ้ เขาตัดสินใจจะไปยังร้านค้าเพื่อขายเหล้า
“นี่” ขณะที่หลินเซวียนกำลังจะเข้าไปยังร้านค้า ได้มีชายคนหนึ่งดึงแขนเสื้อเขาไว้
“ข้าเห็นเจ้ามาครึ่งวันแล้ว เจ้าต้องการผลร้อยปีใช่หรือไม่?” เขาหันไปเห็นเป็นชายวัยกลางคนร่างอ้วนท้วนผู้หนึ่ง
“ข้ามีของดี เจ้าอยากจะเห็นหรือไม่?”
หลินเซวียนยกคิ้วขึ้นพร้อมเผยรอยยิ้มให้ชายวัยกลางคนผู้นั้นพร้อมกล่าว “ไปดูกัน“
ขณะที่ชายวัยกลางคนนำทาง หลินเซวียนได้แอบเรียกเซียนสุราด้วย
ถูกต้อง เซียนสุราสามารถจำแนกผลวิญญาณได้เมื่อเห็น ทันใดนั้นชายวัยกลางคนได้นำผลไม้สีส้มออกมาพร้อมเขย่า “ผลสีเพลิงของแท้หนึ่งร้อยปี ราคาแค่ห้าร้อยหินวิญญาณเท่านั้น!”
ราคาของที่อื่นนั้นสูงถึงแปดร้อยถึงหนึ่งพันหินวิญญาณ ชายวัยกลางคนผู้นี้นับว่าขายได้ถูกกว่ามาก
แต่เมื่อเห็นแล้ว เซียนสุราก็ทราบทันทีว่านั่นไม่ใช่ผลร้อยปี ความจริงมันเป็นแค่ผลสิบปีเท่านั้น ชายวัยกลางคนผู้นี้กำลังหลอกขายเขาอยู่
หลังจากทราบความจริง หลินเซวียนก็ยิ้มเยาะก่อนจะหันหลังเดินจากไป เขาไม่ต้องการเปลืองเวลากับชายผู้นี้อีก แต่ดูเหมือนชายวัยกลางคนจะรู้ตัวว่าถูกจับได้ เขาจึงพยายามดึงแขนเสื้อหลินเซวียนกลับมา
หลินเซวียนรู้สึกรำคานขึ้นมาเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่าพ่อค้าผู้นี้นอกจากจะขายของปลอมแล้วยังขี้ตื้ออีก ขณะที่หลินเซวียนจะสั่งสอนบทเรียน ชายวัยกลางคนได้เอ่ยขึ้นก่อน
“ช่วยด้วย มีโจรฉกของกลางวันแสก ๆ !”
หลินเซวียนชะงัก เพราะเขาไม่คาดคิดว่าชายร่างอ้วนจะกลั่นแกล้งเช่นนี้ ขณะที่เขาจะอธิบาย ฝูงคนก็ได้เข้ามาล้อมรอบเขาแล้ว
ชายวัยกลางคนยังร้องตะโกนต่อ “เขาต้องการซื้อผลร้อยปี ข้าก็แนะนำสินค้าให้อย่างดี แต่เขากลับคว้ามันและคิดจะหนี เจ้าคิดจะรังแกคนอ้วนอย่างข้างั้นหรือ?”
ฝูงคนรอบด้านเริ่มพูดจาใส่หลินเซวียนทันทีที่ได้ยิน
“หลีกทาง หลีกทาง ใครกล้ามาก่อเรื่องในตลาดเทียนเซียง?” ทันใดนั้นเอง ยามของตลาดเทียนเซียงกำลังวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว