ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 23
ตอนที่ 23 เดิมพัน
หลินเซวียนไม่คาดคิดว่าเรื่องนี้จะไปถึงหูผู้อาวุโส อีกทั้งผู้อาวุโสยังดูเหมือนจะอยู่ข้างเขา
“ศิษย์หลินเซวียนมาตามผู้อาวุโสฟ่างเรียกแล้วขอรับ” หลินเซวียนเอ่ยขึ้น
“อืม พวกเจ้าสองคนออกไปก่อน หลินเซวียนตามข้ามา” ผู้อาวุโสฟ่างบอกให้ถังอวี้และเฉินต้าเจิ้งกลับไป จากนั้นเขาได้พาหลินเซวียนเข้าไปยังกระท่อมหลังหนึ่ง
วูม!
ผู้อาวุโสฟ่างสะบัดมือ จากนั้นชั้นพลังป้องกันเสียงได้ปรากฏขึ้นในห้อง
หลินเซวียนขนลุกเล็กน้อย แต่เขาก็พยายามทำใบหน้าให้สงบไว้
ประกายแห่งความเห็นชอบปรากฏผ่านดวงตาผู้อาวุโสฟ่าง “เจ้าเป็นคนซ่อมดาบขั้นมนุษย์ของข้างั้นหรือ?”
เมื่อหลินเซวียนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็พลันนึกได้ว่าเหตุใดผู้อาวุโสฟ่างถึงมากับเฉินต้าเจิ้งอย่างร้อนรน ‘มันเป็นสิ่งนี้เองดึงดูดความสนใจของผู้อาวุโสฟ่าง’
“ขอรับ ข้าเป็นคนซ่อมมันเอง” หลินเซวียนกล่าว
“เจ้ามาจากคฤหาสน์จอมดาบใช่หรือไม่?” ผู้อาวุโสฟ่างเข้าประเด็นโดนทันที
หลินเซวียนชะงักพร้อมม่านตาที่จมลง
“ท่านทราบได้ยังไง? คนของคฤหาสน์จอมดาบยังคิดร้ายกับข้าอยู่หรือ?” หลินเซวียนไม่อาจจะแก้ปัญหาครั้งนี้ได้ ลมหายใจของเขากระชั้นสั้นเล็กน้อยพร้อมเหงื่อที่เริ่มไหลซึม
ดวงตาผู้อาวุโสฟ่างหรี่ลงจนราวกับใบมีดขณะมองหลินเซวียน “เจ้าพูดเรื่องอะไร?”
“ผู้อาวุโส ศิษย์มาจากคฤหาสน์จอมดาบจริงขอรับ” หลินเซวียนกล่าว
“แล้วเจ้ามายังสำนักซวนเทียนแห่งหยุนโจวได้ยังไง? มันไกลจากคฤหาสน์จอมดาบมากนะ!” ผู้อาวุโสฟ่างกล่าวเสียงเย็นบาดลึก
“ศิษย์เป็นเพียงคนในสาขาย่อยจากตระกูลหลินของคฤหาสน์จอมดาบ ศิษย์มายังหยุนโจวพร้อมกับบิดาเมื่อครึ่งปีก่อน หลังจากบิดาตาย ศิษย์เลยเข้ามายังสำนักซวนเทียน” หลินเซวียนกล่าว แต่มันเป็นความจริงปนความเท็จ
หลังจากกล่าวจบ เขาเห็นว่าผู้อาวุโสฟ่างไม่พูดสิ่งใดอีก แต่กลับกลายเป็นสายตาอันเย็นเยือกที่จดจ้องมาแทน หลินเซวียนรู้สึกกดดันอย่างมหาศาล
โชคดีที่เขามีจี้ดาบลึกลับอยู่ในตัว มันสั่นเบา ๆ จากนั้นแรงกดดันนั้นได้มลายหายสิ้นทันที
ผ่านไปชั่วครู่ ผู้อาวุโสฟ่างได้พยักหน้าอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นว่าหลินเซวียนสามารถต้านแรงกดดันนี้ได้
“ข้ามีสหายอยู่ในคฤหาสน์จอมดาบ ดังนั้นเมื่อเห็นเจ้าใช้ทักษะเกี่ยวกับดาบจากที่นั่น ข้าก็แค่อยากจะมั่นใจ เมื่อเจ้าเป็นคนของคฤหาสน์จอมดาบ เช่นนั้นก็เท่ากับเจ้าเป็นคนของข้าด้วย ในอนาคตเจ้าสามารถฝึกวิชาในสำนักได้ ไม่ต้องกลัวว่าพวกกลุ่มผู้คุ้มกฎจะมาสร้างปัญหาให้อีก“
“ขอบคุณผู้อาวุโสฟ่าง” หลินเซวียนถอนหายใจโล่งอก
ในช่วงเวลาที่เหลือ ผู้อาวุโสฟ่างได้ถามเกี่ยวกับการดูแลรักษาอาวุธ หลินเซวียนเองก็ตอบอย่างลื่นไหลราวกับสายน้ำ ดังนั้นผู้อาวุโสฟ่างจึงตัดสินใจมอบกิจการเรื่องอาวุธให้หลินเซวียนพร้อมกับแต้มสะสมอีกเล็กน้อย สิ่งนี้ทำให้หลินเซวียนประหลาดใจมาก
มันเป็นเรื่องดีที่สามารถทำงานให้กับผู้อาวุโสในสำนักได้ และยังทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้น มันนับว่าได้ประโยชน์ไม่น้อย
เมื่อกล่าวลาผู้อาวุโสฟ่างแล้ว หลินเซวียนได้ไปกล่าวขอบคุณเฉินต้าเจิ้งอีกครั้ง จากนั้นค่อยกลับไปยังที่พัก
ภายในกระท่อมหลินเซวียน ถังอวี้กำลังนั่งเท้าคางพลางเตะเท้าเล็กจ้อยอันงดงาม เมื่อเห็นหลินเซวียนกลับมา วิญญาณของนางก็พลันถูกดึงเข้าร่างทันที
“ทำไมท่านยังไม่กลับอีก?” หลินเซวียนเอ่ยถาม
“เจ้าช่างไร้หัวใจนัก ข้าเพิ่งช่วยเจ้าไว้แต่กลับกล่าวแบบนี้กับข้างั้นหรือ?” ถังอวี้กล่าวตอบอย่างโกรธเกรี้ยว
“เอาล่ะ พี่หญิง ข้าผิดเอง ท่านมาทำอะไรที่นี่?”
“คำก็พี่หญิง สองคำก็พี่หญิง ข้าดูแก่นักหรือ?” ถังอวี้รู้สึกไม่ชอบสิ่งนี้
หลินเซวียน “…”
เมื่อเห็นสภาพอันทรุดโทรมของหลินเซวียน ดวงตาถังอวี้ได้โค้งขึ้นพร้อมหัวเราะ
“เอาล่ะ! ข้ามารอที่นี่เพื่อจะคุยธุระด้วย” ถังอวี้หยุดหัวเราะและเปลี่ยนมากล่าวจริงจัง “ข้าไม่คิดว่าพรรคปราณเทวะจะยอมแพ้แค่นี้แน่ หลังจากสู้รบปรบมือกับพวกมันมานาน พวกมันแทบไม่เคยจะแพ้สักครั้ง“
“มันคงเป็นเพราะพวกเขามีอำนาจมากเกินไป” หลินเซวียนกล่าว “หากข้ามีโอกาส ข้าจะจัดการพรรคปราณเทวะนี้ทิ้งเสีย!”
“แค่เจ้านะหรือ?” ถังอวี้โค้งมุมปากลง “อย่าโง่ไปหน่อยเลย ครั้งนี้เจ้านับว่าโชคดี หากมันถึงมือของพวกศิษย์ชั้นในละก็ เจ้าได้ร้องไห้แน่! เหตุใดเจ้าไม่มาเข้าร่วมกลุ่มกับพวกเราเสีย พวกมันไม่กล้าลงมือแน่“
หลินเซวียนส่ายหัวก่อนจะกล่าว “ลืมมันเสียเถอะ มันยิ่งจะทำให้พรรคเทพสงครามลำบากกว่าเดิม ข้างเกรงว่าพวกเขาคงรับไม่ได้หรอกหากข้าเข้าไปอยู่ด้วย“
เมื่อเห็นใบหน้าไม่มีความสุขของถังอวี้ หลินเซวียนจึงรีบเอ่ยต่อ “ข้าขอบคุณสำหรับน้ำใจครั้งนี้ของเจ้า แต่เชื่อข้าเถอะ มันจะต้องไม่เป็นอะไร”
“ยังไงพวกเราก็ยังฝึกฝนดาบด้วยกันได้ไม่ใช่หรือ?” หลินเซวียนทำใบหน้าเลิ่กลั่กขณะกล่าว
“ลืมมันเสียเถอะ ข้ากำลังจะบรรลุขั้นพลัง ดังนั้นคงไม่มีเวลามาฝึกดาบกับเจ้าแล้ว ฮึ่ม!” ถังอวี้มองเขาก่อนจะวิ่งหนีออกไป
“โธ่… นี่เป็นการฝึกใช้ดาบอัสนีครั้งแรก เราต้องการใครสักคนมาช่วยขัดเกลา!” หลินเซวียนถอนหายใจ จากนั้นได้เริ่มประสานมือเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลัง
ในเช้าวันต่อมา หลินเซวียนต้องการไปยังหอภารกิจเพื่อของานเพิ่ม เขาได้ใช้จ่ายหินวิญญาณไปมาก และก็ยังขาดแคลนแต้มสะสม กล่าวได้ว่าเขากลายเป็นคนยากจนอีกครั้ง
ทันทีที่ผลักประตูและมองเข้าไปด้านใน ใบหน้าของเขาได้แสดงท่าทีแปลกประหลาดออกมา
ณ ตรงหน้าประตู มันมีกลุ่มของพรรคปราณเทวะอยู่จำนวนหนึ่ง เมื่อเห็นหลินเซวียน พวกเขาจึงรีบลุกขึ้นโดยพลัน
“อะไร? อยากจะหาเรื่องกันอีกแล้วหรือ? ลืมเรื่องเมื่อวานแล้วหรือไง?” หลินเซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
“หาเรื่อง? ไม่ ไม่ ข้าแค่อยากจะท้าประลองกับเจ้าตามกฎของสำนัก!” กลุ่มของพรรคปราณเทวะกล่าว
“งั้นหรือ โทษที ข้าไม่สนใจ” หลินเซวียนจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาหากไม่จำเป็น เพราะเวลานี้เขาสนใจแต้มสะสมเท่านั้น
“ฮึ่ม อย่าคิดจะหนีก็แล้วกัน งานของพวกเราคือจับตาดูเจ้า ดังนั้นนอกจากจะยอมรับคำท้า พวกเราก็จะไม่ไปไหนเด็ดขาด ส่วนเจ้าเองก็ต้องหดหัวอยู่แต่ในบ้านทั้งวัน“
“พวกเจ้าว่างนักหรือ? ไม่ต้องฝึกฝนหรือทำการทำงานกันบ้างหรือยังไง?” หลินเซวียนรู้สึกรำคานเล็กน้อย
“ทำไม? พวกเราได้รับสามสิบแต้มทุกวันเพียงแค่เฝ้ามองเจ้า ไม่คิดว่ามันดีกว่าไปทำภารกิจพวกนั้นหรือ?” คนพรรคปราณเทวะกล่าวเย้ยเยาะ “มีแค่เจ้าเท่านั้นแหละที่เป็นศิษย์เศษขยะต้องมากังวลเรื่องแต้มสะสม!”
หลินเซวียนมองไปยังพวกพรรคปราณเทวะตรงหน้า ทันใดนั้นเขาก็มีความคิดดี ๆ อย่างหนึ่งแล่นเข้าหัว
“หากจะสู้กับข้าก็ย่อมได้ แต่สู้กันไปแล้วจะได้อะไร? เหตุใดพวกเราไม่มาเดิมพันกันสักหน่อยล่ะ?” หลินเซวียนเริ่มเผยรอยยิ้ม
“กับเจ้านะหรือ? อยากเดิมพันกับพวกเรา? สมองเจ้ากระทบกระเทือนหรือไง?” ศิษย์พรรคปราณเทวะหัวเราะเยาะ “อย่าคิดว่ารับมือหัวหน้าฮัวได้แค่กระบวนท่าเดียวแล้วคิดว่าตนเองไร้เทียมทานนัก ข้าจะบอกเจ้าตรง ๆ ว่ายังห่างไกลอีกมาก!”
“โอ้ จริงหรือ งั้นกล้าเดิมพันกับข้าหรือเปล่าล่ะ?” หลินเซวียนตะโกนขึ้น
“ศิษย์พี่ อย่าเพิ่งหุนหัน เราจะเดิมพันอะไรกับไอ้หนูนี้ อีกอย่าง มันมีอะไรมาเดิมพันกับเรางั้นหรือ?” ศิษย์ด้านข้างอีกคนเตือนขึ้น
“โอ๊ะ ดูเหมือนพรรคปราณเทวะจะเก่งแต่ปากกระมั้ง? พวกเขาไม่กล้ารับเดิมพันข้า!” หลินเซวียนตั้งใจกล่าวเสียงดัง
“เจ้าพล่ามอะไร?” ศิษย์อีกคนรีบเอ่ยขึ้น “บัดซบ เดิมพันก็เดิมพัน ใครกลัวใครกันแน่วะ!”
ศิษย์พรรคปราณเทวะเองก็มีผลประโยชน์เช่นกัน พวกเขาจะได้รับแต้มสะสมหากสามารถทำร้ายหลินเซวียนในการประลองได้เป็นจำนวนสามร้อยแต้ม เมื่อเห็นแต้มที่จะได้รับ ศิษย์ที่อยู่พรรคปราณเทวะต่างรีบรับเงื่อนไขนี้ทันที จนบางคนถึงกับทะเลาะกัน
ในการประลองที่เกิดจากการสมัครใจของทั้งสองฝ่ายนั้น มันจะไม่มีการลงโทษหากทำร้ายคู่ต่อสู้
เวลานี้ศิษย์พรรคปราณเทวะเห็นหลินเซวียนเป็นแต้มสะสมไปแล้ว และหลินเซวียนเองก็เห็นพวกเขาเป็นแบบนั้นเช่นกัน
ในความคิดของหลินเซวียน ไม่เพียงแต่คนพวกนี้จะเป็นหนูทดลองวิชา เขายังจะหาแต้มสะสมจากคนพวกนี้ได้ด้วย
เมื่อทั้งสองฝั่งต่างมีความคิดเล่ห์เหลี่ยม มุมปากของหลินเซวียนและพวกปราณเทวะจึงโค้งขึ้นพร้อมกัน