ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 26
“เข้ามา! ข้าจะให้เจ้ารู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของพรรคปราณเทวะ!” ซิงหลี่เฟิ้งกำหมัดแน่นขณะกล่าวอย่างเย็นเยือก
“พี่เฟิ้งจะต้องชนะ!”
“ตอนนี้ข้าไม่หวังอะไรมาก ข้าต้องการแค่ให้ศิษย์พี่เฟิ้งสั่งสอนไอ้หนูนั่นก็พอ!” ศิษย์พรรคปราณเทวะกัดฟันแน่นขณะข่มจิตสังหารไว้ หากไม่ใช่เพราะกฎสำนัก เช่นนั้นพวกเขาคงร่วมมือกันจัดการหลินเซวียนไปแล้ว
“เจ้าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาแล้วหรือ?” หลินเซวียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่จำเป็นว่าใครแข็งแกร่งที่สุด เพราะเจ้าต้องหยุดแค่นี้!” ดวงตาซิงหลี่เฟิ้งบาดคมราวกับใบมีด
“ศิษย์พี่ซิงของพวกเราแข็งแกร่งที่สุด ไอ้หนูคนนั้นตายแน่! ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะร้องขอความเมตตาแล้ว!” ศิษย์พรรคปราณเทวะดูจะไม่พอใจกันทุกคน
“แข็งแกร่งที่สุดงั้นหรือ? ดีมาก! มันน่าเบื่อนักที่ต้องเล่นกับพวกเขา เอาแบบนี้ดีไหม? หากเจ้าแพ้ พวกเขาทุกคนต้องจ่ายข้าสามสิบแต้ม ตกลงหรือไม่?” หลินเซวียนอยากจะเดิมพันให้ใหญ่กว่าเดิม
ซิงหลี่เฟิ้งนั้นยังนิ่งสงบดั่งขุนเขาขณะกล่าวเสียงต่ำ “แล้วหากเจ้าแพ้ล่ะ?”
“ข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการ”
“ดี!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ซิงหลี่เฟิ้งได้พุ่งออกไปพร้อมกำปั้น
ความรุนแรงของมันได้ก่อตัวจนเกิดเป็นลมพายุหมุนขึ้น บนตัวกำปั้น มันมีประกายแสงสว่างขึ้นพร้อมเสียงคำรามของสัตว์ป่า
ดุดันและเกรี้ยวกราด!
ศิษย์พรรคปราณเทวะอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา “โจมตีได้ดี ศิษย์พี่ซิง ฆ่ามันเลย!”
หลินเซวียนยังคงมองปกติ ‘ความแข็งแกร่งของซิงหลี่เฟิ้งนั้นเหนือกว่าเหลียงฮง เราต้องจัดการด้วยพลังทั้งหมดที่มีแล้ว’
เขาจับดาบไว้ที่มืดขวาขณะแทงตรงออกไป พลังกายและพลังวิญญาณของเขาถูกผสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ เวลานี้หลินเซวียนโคจรพลังทั้งหมดไปยังตัวดาบ
จากนั้นไม่นาน ดาบเหล็กดำได้ปะทะเข้ากับหมัดที่พุ่งตรงมาอย่างดุดัน
ตู้ม!
ประกายไฟปะทุออกพร้อมเสียงคำรามดังกึกก้อง
หลินเซวียนถอยหลังไปสามก้าวจากแรงกระแทก ดวงตาของเขาราวกับดาบเหล็กกล้าที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแน่วแน่
“นรก! เขาป้องกันหมัดของศิษย์พี่ซิงได้ยังไง?”
“ศิษย์พี่ซิงเป็นถึงเจ้าแห่งพละกำลังเลยนะ ไอ้หนูนั้นกลับไม่เป็นอะไรเลยงั้นหรือ? ศิษย์พรรคปราณเทวะต่างพากันบ่นพึมพำ
“เจ้าแห่งพละกำลัง? ฮึ แน่นอนว่านั่นแข็งแกร่งมาก!” หลินเซวียนโค้งมุมปาก
ความชื่นชมตรงหน้าจากลหินเซวียนนับว่าเสียดแทงซิงหลี่เฟิ้งอย่างมาก เขาอยู่ขั้นพลังที่สูงกว่าหลินเซวียน! แต่พละกำลังของเขากลับไม่สามารถทำร้ายหลินเซวียนได้แม้แต่น้อย
สิ่งนี้นับว่ายากมากที่จะยอมรับ แต่เดิมเขาคิดว่าหลินเซวียนแค่รวดเร็ว แต่ไม่คาดคิดว่าพละกำลังก็น่าสะพรึงพอกัน
“ฮึ่ม!”
ใบหน้าซิงหลี่เฟิ้งเย็นเยือก หมัดของเขากำแน่นพร้อมร่างกายที่เริ่มเปล่งแสง กล้ามเนื้อของเขาเริ่มเปลี่ยนรูบร่างราวกับสัตว์อสูรในร่างมนุษย์
ทันทีที่เหยียบฝ่าเท้าลง เขาได้พุ่งออกไปอีกครั้งพร้อมหมัดที่หนักหน่วงราวกับภูเขา
หมัดนี้ทรงพลังกว่าครั้งก่อนหน้ามาก
หลินเซวียนขยับเท้าเล็กน้อยก่อนจะพุ่งออกไป ดาบเหล็กดำในมือของเขาได้เข้าปะทะอีกครั้งราวกับสายฟ้าทมิฬ
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ซิงหลี่เฟิ้งราวกับคนคลุ้มคลั่งขณะปล่อยหมัดออกไปอย่างต่อเนื่อง มันรุนแรงจนพื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย ผมสีดำของหลินเซวียนได้ปลิวไสวไปมาอย่างงดงาม ร่างกายของเขากำลังเคลื่อนที่ไปมาราวกับเปลวไฟที่ลุกโชน
ดาบอัสนีกระบวนท่าที่สิบสามในมือของหลินเซวียนกลายเป็นสายฟ้าไปอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกการแทงดาบมันทำให้เกิดประกายแสงอันแพรวพราว
“ใครคือหลินเซวียนกันแน่ เขาสามารถแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับซิงหลี่เฟิ้งได้นานถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”
“ถูกต้อง เขาไม่เพียงแต่จะรวดเร็วปานสายฟ้า แม้แต่พละพลังก็ยังร้ายกาจ เขาอยู่แค่ขั้นเปิดชีพจรระดับสี่จริงหรือ?”
“ไม่สงสัยเลยว่าเหตุใดถึงกล้าท้าทายพรรคปราณเทวะ เขามีความสามารถจริง ๆ !”
บรรดาศิษย์ผู้ชมต่างพากันถอนหายใจพลางชื่นชมดาวดวงใหม่ที่เจิดจรัส
“อะไร! พวกเจ้าภูมิใจอะไรกัน? ศิษย์พี่ซิงยังไม่แพ้สักหน่อย!”
“ขั้นพลังของเขาต่ำกว่าของพี่ซิงอยู่ เขาไม่มีทางทนได้นานกว่านี้หรอก” พรรคปราณเทวะยังไม่คิดจะยอมแพ้
ภายในเขตอาคมลานประลอง ร่างสองร่างกำลังสั่นไหวพร้อมประกายแสงรอบตัว
ตู้ม!
หลังจากปะทะกัน ร่างทั้งสองได้ลอยกระเด็นไปด้านหลัง
“ฮึ่ม ไอ้หนู เจ้าสู้ตัวต่อตัวกับข้าได้นานมาก! แต่ตอนนี้มันถึงเวลาสิ้นสุดแล้ว!” ถึงแม้เสื้อผ้าของเขาจะขาดวิ่น แต่ลมหายใจของเขายังไม่เปลี่ยนแปลง
เสื้อผ้าของหลินเซวียนเองก็ขาดไม่ต่างกัน เขาฉีกเสื้อส่วนบนออกเผยให้เห็นหน้าอกอันแข็งแกร่ง
“หากเจ้ายังมีท่าอื่น เช่นนั้นก็รีบใช้เสียเถอะ ข้าจะได้นับแต้มของเจ้าเสียที!” ยามนี้หลินเซวียนราวกับเทพแห่งสงคราม แรงกดดันของเขาได้เพิ่มรุนแรงยิ่งขึ้น
“หมัดร้อยอสูร!” ซิงหลี่เฟิ้งดีดตัวออกไปจนพื้นด้านล่างยุบลง ร่างของเขารวดเร็วอย่างมาก ภาพติดตาเกิดขึ้นด้านหลังของเขาขณะโจมตีหลินเซวียน
“นั่นหมัดร้อยอสูร หลินเซวียนอันตรายแล้ว!”
“ฮ่า ฮ่า จะมีหยุดวรยุทธ์ขั้นสีเหลืองระดับสูงได้งั้นหรือ?”
“พรรคปราณเทวะร้ายกาจนัก!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีพลังจากหมัดตรงหน้า หลินเซวียนถึงกับขมวดคิ้วแน่น มันมีเคล็ดลับอีกอย่างในวิชาดาบอัสนี ‘กระบวนท่าทั้งสิบสามรวมเป็นหนึ่งในดาบเดียว’ พลังของมันนั้นไม่อาจจะจินตนาการได้
เขากระตุ้นพลังวิญญาณของร่างกายทั้งหมดให้อยู่ในสถานะสูงสุด ดาบเหล็กดำในมือของเขาได้กลายเป็นกระแสน้ำทมิฬพุ่งออกไป
ตู้ม!
รังสีพลังได้เปล่งประกายพร้อมเสียงที่สั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า
ร่างทั้งสองแยกออกจากกันทันทีหลังจากปะทะกัน
ฟุบบ!
หลินเซวียนหยุดร่างที่ถอยหลังด้วยดาบในมือ
ส่วนซิงหลี่เฟิ้งยืนตระหง่านราวกับภูผา
แกร๊ก!
เสียงบางอย่างแตกดังขึ้นชัดเจน จากนั้นไม่นาน ดาบเหล็กดำของหลินเซวียนได้กลายเป็นเศษเหล็กร่วงลงกับพื้น
“ฮ่า ฮ่า ข้าทราบอยู่แล้วว่าศิษย์พี่ซิงต้องชนะ!”
“นั่นคือพลังของศิษย์พี่ซิง! หลินเซวียน เจ้าไม่รอดแน่!”
ศิษย์พรรคปราณเทวะส่งเสียงเฮกันอย่างตื่นเต้น พวกเขาถูกกดดันมานานและต้องการปลดปล่อยอย่างมาก
แต่ขณะที่กำลังปลดปล่อยได้ชั่วครู่ ร่างของซิงหลี่เฟิ้งได้เริ่มสั่นสะท้าน จากนั้นเลือดได้ถูกพ่นออกมาพร้อมร่างกายที่เอนไปด้านหลัง
รอยยิ้มบนใบหน้าศิษย์พรรคปราณเทวะหายไปหมดสิ้น ดวงตาพวกเขากลายเป็นสีแดงราวกับถูกบีบคอจนพูดไม่ออก
ความประหลาดใจเกิดขึ้นบนใบหน้าพวกเขาก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปหาซิงหลี่เฟิ้ง “ศิษย์พี่ซิง ท่านเป็นยังไงบ้าง?”
“เขาไม่เป็นไร แค่บาดเจ็บเท่านั้น พวกเจ้าไม่ต้องทำให้เรื่องวุ่นวาย” หลินเซวียนมองไปยังดาบเหล็กดำด้วยความสลดก่อนจะกล่าว “พวกเจ้าทุกคน แต้มสามสิบแต้ม ส่งมาโดยเร็ว!”
ศิษย์พรรคปราณเทวะหน้าแดงจากความโกรธ พวกเขาอยากเขาไปรุมจัดการหลินเซวียนอย่างมาก เมื่อหลายปีก่อน ไม่มีใครกล้าหาเรื่องพรรคปราณเทวะ แต่ตอนนี้มันถูกทำลายลงด้วยมือของศิษย์ตัวจ้อยคนเดียว
คนพรรคปราณเทวะมองหลินเซวียน จากนั้นพวกเขาต้องจำใจยื่นแต้มสะสมให้
หลังจากหลินเซวียนได้แต้มทั้งหมดมาแล้ว เขาเก็บเศษของดาบเหล็กดำก่อนจะกลับไปยังกระท่อมตนเอง
บรรดาศิษย์ที่อยู่ใกล้เคียงตื่นเต้นอย่างมาก การประลองเมื่อครู่นับว่าไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง หลินเซวียนกลายเป็นที่ชื่นชมในหมู่พวกเขาไปแล้ว ‘บุรุษเพียงคนเดียว ดาบเพียงเล่มเดียว แต่กลับสามารถสยบพรรคปราณเทวะอันเกรียงไกรได้’ เพียงแค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้ว!