ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 32
ตอนที่ 32 กลุ่มทหารรับจ้างอสรพิษ
ยามนี้มันเป็นกลางดึกอันเงียบสงัด
มันมีเพียงแสงและเสียงจากกองเพลิงของกลุ่มหลินเซวียนขณะที่ลูกธนูสีดำลอยผ่านอากาศมาอย่างเงียบเชียบ
เคล้ง!
ในช่วงวิกฤต หลินเซวียนได้สะบัดดาบให้ลอยไปทางลูกธนูสีดำนั้น
เหตุการณ์ดังกล่าวได้ปลุกให้บรรดาทหารรับจ้างตื่น ตู่ปิงและคนอื่น ๆ มองไปรอบด้านอย่างระมัดระวัง ถังอวี้เผยใบหน้าที่เย็นเยือกพร้อมดวงตาที่เปล่งประกาย
“น้องหลิน เกิดอะไรขึ้น?” ตู่ปิงเอ่ยถาม
“ข้าเองก็ไม่ทราบ แต่ลูกศรเมื่อกี้มันเล็งไปที่ท่าน!” หลินเซวียนกล่าวเสียงต่ำ
“ข้า?” ตู่ปิงชะงัก
จากนั้นไม่นาน เมื่อเห็นลูกธนูสีดำปักอยู่ข้างท่อนไม้ ใบหน้าของเขาจึงกลายเป็นเคร่งขรึม
“พวกทหารรับจ้างอสรพิษ!” ตู่ปิงสูดหายใจลึก
“อะไรนะ? เจ้าพวกชั่วนั้นอยู่ที่นี่งั้นหรือ!?” ทหารรับจ้างคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างตื่นตระหนก
“น้องหลิน ครั้งนี้ข้าต้องขออภัยด้วย แต่เห็นทีพวกเราจะโดนมันเล็งเข้าแล้ว” ตู่ปิงกล่าวสารภาพ “แต่ไม่ต้องห่วง หากพวกเราร่วมมือกัน เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร!”
“พลังของพวกเขาอยู่ระดับไหน?” หลินเซวียนดูวิตกไม่น้อย มันไม่ใช่เวลาที่จะมาทะเลาะกัน มีเพียงต้องช่วยกันเท่านั้นถึงจะรอด
“ความแข็งแกร่งของพวกเขาพอ ๆ กับพวกเรา แต่ข้าไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่?” ตู่ปิงกล่าว
ฟิ้ว!
ฟิ้ว!
ลูกธนูดำถูกยิงมาอีกครั้ง มันออกมาจากคนละพื้นที่ หลินเซวียนพยายามป้องกันตนเองขณะถอยหลัง
“พวกเขาอยู่รอบนี้แล้ว!” หลินเซวียนกล่าวอย่างตื่นตระหนก ด้านหลังพวกเขาเป็นกำแพงภูเขา และตรงหน้าเป็นศัตรูที่ไม่ทราบจำนวน
ขณะกล่าว ลูกธนูยังคงลอยมาไม่ขาดสาย
“บัดซบ!” ตู่ปิงและพรรคพวกป้องกันลูกธนูเหล่านี้จนไม่สามารถขยับมือเท้าได้ พวกเขาทำได้แค่เอ่ยคำ “เจ้าพวกจิ้งจกพิษ หากมีความสามารถพอก็ออกมาสิวะ ท่านปู่คนนี้จะสั่งสอนพวกเจ้าเอง!”
“ฮี่ ฮี่ ไปสนทนาต่อกับยมทูตก็แล้วกัน!” เสียงอันเยือกได้ดังขึ้นในความมืด
ฟิ้ว!
ทันใดนั้นถังอวี้ได้ยกมือขึ้น เข็มเงินสามเล่มได้พุ่งออกไปในความมืดอย่างรวดเร็ว และตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของศัตรู
“ระวังด้วย พวกมันมีอาวุธลับและยอดฝีมือแฝงมา!” ฝั่งตรงข้ามเอ่ยเสียงขึ้นเตือน
หลินเซวียนผงะ เขาไม่คาดคิดว่าถังอวี้จะมีอาวุธลับซ่อนอยู่ เขามองไปทางนางอย่างประหลาดใจ
“ฮึ่ม!” ถังอวี้เงยหน้าขึ้น จากนั้นเขาส่งสายตามองหลินเซวียน
“โอ้ มีสตรีที่งดงามอยู่ด้วย!” ในความมืด เสียงอันชั่วร้ายได้ดังขึ้น “ไม่คาดคิดเลยว่ากลางป่ากลางเขาเช่นนี้จะมีสตรีอยู่ ดูเหมือนพระเจ้าจะเข้าข้างพวกเราแล้ว!”
ฟิ้ง! ฟิ้ง! เข็มสีเงินสามเล่มพุ่งออกไปอีกครั้งขณะเผยใบหน้าเย็นเยือก แต่ครั้งนี้พวกมันถูกปัดไว้ได้โดยชายลึกลับ
“ฮึ่ม เจ้าหนูโสโครก เผยตัวออกมา!” ถังอวี้อุทาน
“เมื่อคนสวยขอ เช่นนั้นข้าน้อยก็มาแล้ว!” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความหยอกเย้า
ในช่วงเวลานี้ หลินเซวียนและคนอื่น ๆ ยังไม่ได้ทำอะไรผลีผลาม พวกเขายังคงจ้องมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนลูกศรที่ลอยมา
จากนั้นไม่นาน คนกลุ่มหนึ่งได้เดินออกมาจากความมืด คนพวกนี้สวมชุดเกราะสีเงินมีลายรูปอสรพิษอยู่ที่หน้าอก
หนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มในวัยยี่สิบมีดาบห้อยอยู่ที่เอว เวลานี้เขามองไปยังถังอวี้ด้วยดวงตาที่ชั่วร้าย
“งดงามนัก! ข้าจะปฏิบัติกับเจ้าอย่างดี!” ชายหนุ่มผู้นั้นแสยะยิ้ม
“เหอะ! ไร้ยางอาย!” ถังอวี้มองอย่างน่ารังเกียจ
“ไอ้พวกขี้โกง!” ทันใดนั้นตู่ปิงได้มองไปยังชายหนุ่มคนหน้าพร้อมกล่าว “ตอนนั้นข้าไม่น่าไว้ชีวิตเจ้าไปเลย!”
“นั่นมันเรื่องของเจ้า ตอนนี้ข้าจะสังหารสักหน่อยและเล่นสตรีผู้นั้น แค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้ว!” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเย้ยหยัน
“หากใครทำให้ข้าขุ่นเคือง พวกเจ้าตายไม่ได้ตายดีแน่!” หลินเซียนกล่าว
ตอนนี้กลุ่มของตู่ปิงมีเจ็ดคน ในหมู่พวกเขา ตู่ปิงเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับหก ขณะที่พรรคพวกของเขาอยู่ระดับห้า ขณะเดียวกัน กลุ่มของศัตรูมีสองคนที่อยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับหก และยังมีคนขั้นเปิดชีพจรระดับห้ามากกว่าถึงสิบคน
“เฮอะ อยู่เพียงขั้นเปิดชีพจรระดับสี่ แต่กลับอยากมาภูเขานี้ ช่างโง่เขลานัก!” ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวเหยียดหยาม
หลินเซวียนรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
“ข้าแนะนำให้เจ้าหุบปากเสีย เมื่อข้าเล่นกับแม่นางคนสวยจนพอใจแล้ว ข้าอาจจะอารมณ์ดีปล่อยเจ้าไป!”
“ชั่วช้านัก!” ตู่ปิงเอ่ยขึ้น พวกเขาเป็นชายฉกรรจ์ เช่นนั้นจะปล่อยให้คนพวกนี้กล่าววาจาสามหาวเรื่อย ๆ ได้ยังไง?
กลุ่มทหารรับจ้างห้าคนพุ่งออกไปทันที ขณะเดียวกันถังอวี้ได้ใช้เข็มเงินอีกครั้ง
ครั้งนี้นางไม่ได้โจมตีชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้า แต่หันไปยิงมันใส่ทหารรับจ้างธรรมดาแทน แน่นอนว่าไม่นา เสียงร้องโอดครวญก็ดังขึ้น
“เอาตัวนางมาให้ข้า!” เมื่อกล่าวจบ ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าได้สะบัดมือ จากนั้นกลุ่มทหารรับจ้างด้านหลังได้พุ่งออกไป
ทันใดนั้น ภายในอากาศได้เกิดการผันผวนจากพลังวิญญาณสีม่วง ตู่ปิงเข้าต่อสู้กับชายที่อยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับหกอีกคน
“จัดการพวกมันด้วยอาวุธลับ!” หลินเซวียนถือดาบพุ่งเข้าสนามรบขณะกล่าว
“ตกลง” ถังอวี้ใช้เข็มเงินในมืออย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่ปล่อยออกไป จะมีเสียงร้องเจ็บปวดตามมา
ในตอนแรกกลุ่มทหารรับจ้างโลหิตตกอยู่ในแรงกดดันไม่น้อย แต่ด้วยการช่วยเหลือจากอาวุธลับของถังอวี้ มันทำให้สถานการณ์กลับมาดีขึ้นมาก
“ดี น่าสนใจมาก” ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำแสยะยิ้มก่อนจะชักดาบจากเอวอกมา “แม่นางน้อย ข้าจะเล่นกับเจ้าเอง”
ชายหนุ่มพอจะตระหนักได้ว่า ถังอวี้เป็นตัวแปรสำคัญ ดังนั้นเขาจำต้องหยุดนางก่อน
ชิ้ง!
ดาบในมือของเขากลายเป็นประกายแสงสีขาวพุ่งไปทางถังอวี้
นางขยับร่างกายหลบอย่างรวดเร็ว แต่ชายหนุ่มผู้นั้นอยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับหก แรงกดดันมันจึงอันตรายพอควร
หลินเซวียนไม่สามารถออกไปช่วยได้ เพราะเขากำลังสู้กับทหารรับจ้างที่อยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับห้าอยู่
เวลานี้เขากำลังรอโอกาส รอโอกาสดีที่จะสังหารในครั้งเดียว แรงกดดันจากผู้ที่อยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับหกสองคนนั้นหนักหนาเกินไป พวกเขาต้องจัดการให้ได้คนหนึ่งก่อน
ถังอวี้สู้กับชายหนุ่มด้วยวิชาดาบวายุเหมันต์ของนาง ดาบที่เรียวยาวเปล่งประกายแสงสีฟ้าอันเย็นเยือกราวกับอยู่ในฤดูหนาว ทุกการโจมตีนั้นไม่ต่างจากเกล็ดหิมะในสายลม
ด้วยทักษะอันยอดเยี่ยมนี้ มันทำให้ถังอวี้เร่งฝีเท้าได้เร็วขึ้นอีก
“คนสวย เพลงดาบไม่เลว” ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มอันน่ารังเกียจขณะป้องกันการโจมตีจากถังอวี้ “ข้าคือผู้บัญชาการกลุ่มอสรพิษ เหตุใดเจ้าไม่มาติดตามข้าล่ะ ในอนาคต ข้าจะทำให้เจ้าแทบจะลืมข้าไม่ลงเลย!”
“สารเลว!” เมื่อได้ยินมันทำให้ถังอวี้โกรธจัดจนเพิ่มพลังวิญญาณเข้าไปอีก ดาบของนางเปล่งประกายและโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง
“หลินเซวียน เจ้าบัดซบ เหตุใดถึงไม่มาช่วยข้าสักที!” ถังอวี้ตะโกนขึ้น
“หลินเซวียน? เจ้าขยะขั้นเปิดชีพจรระดับสี่นั้นนะหรือ?” ชายหนุ่มถือดาบหันไปมองหลินเซวียน “เสียเวลาน่า ข้าคนนี้เก่งกว่ามันเยอะ! …ก็ได้ ให้ข้าตัดหัวมันก่อน เจ้าจะทราบถึงความสามารถของข้าเอง” ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะปลีกตัวออกไปทางหลินเซวียน ในความคิดของเขา หลินเซวียนจะต้องเป็นคนสนิทของถังอวี้แน่นอน เมื่อสังหารหลินเซวียนได้ สตรีผู้นี้ก็จะยอมเชื่อฟัง